ปกติเราจะเห็นค่ายรถเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษในรหัส ‘Edition One’ เช่นเดียวกับ Range Rover ที่เคยเปิดตัว RR Sport SV Edition One ในปีก่อนไปแล้ว แต่ด้วย demand จากลูกค้าที่สูงมากจนเป็นที่มาของรุ่นพิเศษภาคสอง Range Rover Sport SV Edition Two Range Rover Sport SV Edition Two มาพร้อมบอดี้สีพิเศษทั้งหมดสี่สี Blue Nebula Matte, Ligurian Black Gloss, Marl Grey Gloss และ Sunrise Copper Satin เสริมความดุดันด้วยชุดแต่ง carbon fiber รอบคัน ใส่ล้อ carbon fiber wheel ขนาด 23 นิ้วลายใหม่มาเป็นมาตรฐาน ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยสเปกที่แตกต่างจากรุ่นปกติ เช่นการใช้หนัง
ชวนแฟนพันธุ์แท้ Mazda สตาร์ทเครื่องออกเดินทางย้อนรอยเรื่องราวประวัติศาสตร์กว่า 20 ปี ของ Mazda6 ตั้งแต่การถือกำเนิดรุ่นแรกในปี 2002 ต่อเนื่องมาจนถึง Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอด 20 ปี ของพรีเมี่ยมสปอร์ตซีดานคันนี้ แต่ละรุ่นแต่ละปีจะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปชมกันได้เลย ย้อนไปในปี 2002 คือ ช่วงเวลาที่ Mazda6 1st Generation ได้เผยโฉมสู่สาธารณะเป็นครั้งแรกในฐานะยนตรกรรมรุ่นแรกที่พร้อมประกาศก้องแนวคิด “Zoom-Zoom” ด้วยการพัฒนาสปอร์ตซีดานสุดหรู ที่รวบรวม DNA ของแบรนด์ Mazda ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมถ่ายทอดผ่านผลงานการออกแบบที่สง่างาม และสมรรถนะเครื่องยนต์อันทรงพลัง รวมถึงระบบช่วงล่างเกาะหนึบทุกการเข้าโค้ง จนคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมกว่า 23 รางวัล จาก 16 ประเทศทั่วโลกภายในปีเดียวที่เปิดตัว และทำให้ Mazda6 1st Generation เป็นตัวแทนภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ Mazda ที่แข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบัน มาต่อกันที่ Mazda6 2nd Generation
หากพูดถึงยอดยนตรกรรมจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่ประทับใจแฟน ๆ ชาวไทยมาอย่างยาวนาน เชื่อว่าชื่อของ Mazda ย่อมติดโผอยู่ในอันดับต้น ๆ ในใจของใครหลายคน และในวันนี้เราจะชวนแฟนพันธุ์แท้ Mazda เดินทางย้อนสู่เรื่องราวตำนาน Flagship Sedan รุ่นเด่นของ Mazda ที่คงความสง่างามและเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี Mazda6 หนึ่งในรถยนต์นั่งสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ที่ให้ความหรูหราภูมิฐานจากประเทศญี่ปุ่น ที่แฟน ๆ ชาวไทยรอคอยมาอย่างยาวนาน ซึ่งพร้อมแล้วที่จะให้สาวก Mazda ตัวจริงได้ครอบครอง กับ Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษส่งตรงจากสำนักงานใหญ่ เมืองฮิโรชิมา จำนวนจำกัดเพียง 100 คันในประเทศไทย!! MAZDA LUCE – 1966 : เริ่มต้นกันที่ Mazda Luce รุ่นแรกที่แฟน ๆ Mazda น่าจะจดจำความโดดเด่นได้เป็นอย่างดี ในฐานะรถยนต์ซีดาน ขนาด 1.5 ลิตร คันแรกของ
โควททรงพลังตลอดกาลแห่งโลกยานยนต์ ที่บอกว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม ‘สีดำ’ (Black) ก็จะเป็นหนึ่งในโทนสีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกเสมอ ไม่ว่าจะเกิดสีใหม่อีกกี่ร้อยกี่พันสีในโลกใบนี้ก็ตาม ต่อยอดจากปี 2023 ที่ Mitsubishi ได้สะเทือนวงการรถกระบะ off-road ด้วย All-New Mitsubishi Triton Double Cab Plus Ultra ที่เหยียบคันเร่งทะลุจินตนาการของสายรถกระบะทุกคน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดีไซน์ได้อย่างสวยงาม หรูหรา แข็งแกร่ง รวมถึงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมมาพร้อมความประหยัดน้ำมันและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานได้ครบทั้งในเมืองและเส้นทาง off-road ความตื่นเต้นยังไม่ทันจางหาย ปี 2024 นี้ Mitsubishi ได้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจอีกครั้งด้วยดีไซน์ที่ถูกนิยามขึ้นมาใหม่ของ All-New Mitsubishi Triton Black Edition 2024 ที่จะออกมาเปลี่ยนอารมณ์บนถนนด้วยรูปลักษณ์การตกแต่งที่ทรงพลังแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ! กับรถกระบะที่ถูกดีไซน์ให้ใช้งานแบบ Everyday Life พร้อมไปได้ทุกเส้นทางเพื่อให้แฟน Mitsubishi ทุกคนได้แสดงออกถึงความเป็นตัวเองแบบไม่เหมือนใครได้อย่างเต็มภาคภูมิยิ่งขึ้น All-New Mitsubishi Triton Black Edition 2024 การตกแต่งด้วยโทนสีดำสุดเท่ที่ปรับลุคให้ดุดันกินพื้นที่กว่า 90%
ทรงดี บารมีชัดเจน 2025 BMW M5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วพร้อมตำแหน่ง “The most powerful M5 in history” ที่ทั้งแรงที่สุดและหนักที่สุดด้วยน้ำหนักตัวเกือบ 2.5 ตัน จากการใช้ขุมพลัง plug-in hybrid แบกแบตเตอรี่ 14.8 kWh เอาไว้ ดีไซน์ภายนอกแตกต่างจาก 5 series ปกติอย่างชัดเจนเพราะผ่านการดีไซน์เพิ่มความดุดันสัมผัสได้ถึงสมรรถนะทันที ความกว้างด้านหน้าของ M5 เพิ่มขึ้น 3 นิ้ว ด้านหลัง 1.9 นิ้ว เครื่องยนต์เป็นตัวเดียวกับใน XM ขุมพลัง twin-turbocharged 4.4-liter V8 พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ติดตั้งไว้กับเกียร์ 8-speed ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 717 horsepower แรงบิด 738 lb-ft ทำเวลา 0-100 ใน 3.4 วินาที ขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 40
การที่ผู้ชายคนหนึ่งตัดสินใจเลือกคัสตอมรถมอเตอร์ไซต์ของตัวเอง มันหมายความว่าเขาต้องการแสดงออกถึงสิ่งที่ตัวเองเป็นจริง ๆ ให้โลกได้รับรู้ผ่านความหลงใหลที่มีให้กับรถสองล้อ และเพราะเรารู้ดีว่าชาว UNLOCKMEN หลายคนมีความหลงใหลในสิ่งนี้เหมือนกัน โพสต์นี้เราจึงขอทำลายแทง #GarageGuide รวมอู่และสำนักแต่งรถในกรุงเทพที่ให้ตายก็ต้องไปให้ได้สักครั้ง ลุย ! ZEUS CUSTOM เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้วของมิตรรักนักคัสตอมสองล้อทั้งในไทยและระดับโลก กับ ZEUS CUSTOM สำนักแต่ง Since 2014 ซึ่งโดดเด่นในการแต่งสไตล์ Cafe / Scramble และหลากสไตล์ โดยเจ้าสำนัก ‘หมูหยอง-วรวิทย์ เรืองจันทานุกูล’ ผู้ที่มองการแต่งมอเตอร์ไซต์ไม่ต่างจากการทำงานศิลปะดั่งสโลแกนของร้าน “The Art Of Motorvycles” หากใครที่รู้สึกว่าการแสดงตัวตนผ่านรถมอเตอร์ไซต์เป็นสิ่งที่สำคัญต่อชีวิต เราแนะนำให้มาที่นี่ครับ FB : https://www.facebook.com/zeuscustom FATBOY DESIGN สำนักแต่งมอเตอร์ไซต์ฮาร์เลย์คู่วงการมาตั้งแต่ปี 2012 ก่อตั้งโดย มาร์ค กับ โรจน์ เริ่มต้นจาก FATBOY MOTOR PARTS ซื้ออะไหล่เข้ามาจำหน่ายประกอบรถขาย ก่อนจะเทิร์นเข้าสู่การคัสตอมเต็มตัวด้วยชื่อของ FATBOY DESIGN
2025 BMW 1 Series F70 ลำดับที่ 4 เปิดตัวใหม่แบบ all-new แทนที่รหัส F40 หลังทำตลาดไปได้ราว 5 ปี เป็นโมเดลแรกที่ใช้ดีไซน์กระจังหน้าใหม่คล้ายใน neue klasse concept และเป็นโมเดลแรกที่ BMW เริ่มทิ้งตัวอักษร “i” จากชื่อรุ่นเพื่อไม่ให้สับสนกับรุ่นพลังงานไฟฟ้าในอนาคต ขนาดมิติของ 1 Series ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบันเล็กน้อย ความยาวเพิ่มขึ้น 42mm สูงขึ้น 25mm แต่มีความกว้างและระยะฐานล้อเท่าเดิม กระจังหน้าของรุ่นปกติจะใช้การผสมระหว่างเส้นแนวตั้งและแนวขวางที่คล้ายเส้นจากสัญลักษณ์ ///M รวมเข้าไว้ด้วยกัน ส่วนรุ่น M135 xDrive จะใช้กระจังหน้าแนวนอนเหมือนใน M2 ไฟหน้าใหม่ double arrows และไฟท้ายใหม่ดีไซน์เดียวกับใน X2 ภายในอัพเกรดเป็นแบบใหม่ควบคุมรถผ่านจอสัมผัส 10.7-inch ที่รวมอยู่ใน panel เดียวกับจอ 10.25-inch ของคนขับ ช่องแอร์แบบใหม่เหมือนใน 3 Series
ทุกคนคงจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดตัว Porsche 992.2 generation 911 ตามหน้าจอกันไปเยอะแล้ว เราจึงขอเน้นข้อมูลในรุ่นที่น่าสนใจที่สุด นั่นก็คือ Carrera GTS เพราะนอกจากจะได้เครื่องยนต์ใหม่รหัส 9A3 ความจุ 3.6-liter ที่มาพร้อม electric turbocharge แทนที่ 3.0-liter twin-turbo boxer engine ยังเป็นครั้งแรกที่ Porsche คิดค้นการใช้งานขุมพลัง “T-Hybrid” ใน 911 ซึ่งช่วยให้ GTS มี output รวมมากถึง 532 hp แรงบิด 609 Nm ระบบ T-Hybrid ของ Porsche นั้นแตกต่างจาก hybrid ทั่วไป ในขณะที่รถยนต์ปกติจะใช้หลักการผสมอากาศกับเชื้อเพลิงจำนวนมากขึ้นเพิ่อสมรรถนะที่แรงขึ้น แต่ก็มาพร้อมการสร้างมลพิษเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ระบบ T-Hybrid ของ Porsche ถูกคิดค้นใหม่ด้วยการรักษาอัตราส่วน air:fuel ratio เอาไว้เท่าเดิมเสมอที่
เช่นเดียวกับ Porsche จะเล่น Carrera อย่างน้อยต้องมี S และหากจะเล่น BMW M ก็ต้องไปให้สุดทาง นี่คือโมเดลที่เหล่า M Lover เฝ้ารอ all-new BMW M4 CS รุ่นย่อยที่เหนือกว่า M4 Competition เป็นรองเพียงแค่ CSL ซึ่งทีม BMW เน้นว่า M4 CS รุ่นนี้ถูกพัฒนาให้มี driving experience ที่แตกต่างจาก M4 และ M4 Competition เน้นความรู้สึกและอารมณ์สปอร์ตที่เข้มข้นจัดจ้านแบบเต็มพิกัด และดีไซน์ที่ยกมาจาก CSL ในหลาย ๆ จุด หากใครจำรายละเอียดของ M3 CS ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ได้ อาจจะไม่ตื่นเต้นกับ M4 CS มากนัก ใต้ฝากระโปรงของ M4 CS ใช้เครื่องยนต์ S58
Ferrari 12Cilindri ชื่อรุ่นใหม่มาจากภาษา Italian แปลว่า “12 cylinders” เป็นการตอกย้ำถึงเครื่องยนต์ 6.5 ลิตร NA V12 ที่ถูกเลือกมาอัพเกรดวางใต้ฝากระโปรงหน้าของ Super Grand Tourer โมเดลล่าสุดที่มาแทน 812 Superfast ให้พละกำลังแรงสะใจถึง 819 แรงม้า แรงบิด 678 นิวตันเมตร รอบจัดลากได้ถึง 9,500 rpm เครื่องยนต์ 6.5 ลิตร NA V12 ซึ่งเป็น flagship engine ของ Ferrari ผ่านการเปลี่ยนไส้ในด้วยวัสดุ titanium และ aliminum alloy เคลือบด้วยสาร Diamond-Like-Carbon coating ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นมากขึ้น ลดน้ำหนักพร้อมเสริมความทนทานในระดับเดียวกับรถแข่ง Formula 1 นอกจากนี้ยังมีการเขียน software เรียก max torque
โมเดลที่ขายดีที่สุดของ Lamborghini Urus เปิดตัวขุมพลัง Plug-in Hybrid ที่ทั้งแรงและเร็วยิ่งขึ้นโดยไม่ลดไซส์เครื่องเล็กลง ยังคงเป็นเครื่องขนาด 4.0-liter V8 ทำงานร่วมกับ e-motor ให้กำลังรวมมากถึง 789 hp แรงบิด 701 lb-ft มาตั้งแต่ 1,750 rpm ทำเวลา 0-100 km/h ได้ 3.4 วินาที เร็วกว่า Urus S อยู่ 1 วินาที แต่ยังเป็นรอง Performante อยู่ 1 วินาทีเช่นกัน ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 310 km/h Lamborghini Urus SE ใช้แบตเตอรี่ความจุ 25.7 kWh ซ่อนอยู่ใต้ที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 60 km ใน EV Mode ขับความเร็วสูงสุดได้
New Mercedes-Benz Electric G-Class ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ The Geländewagen ที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ แทนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่ก็ยังคงความแกร่งพร้อมลุยเส้นทาง off-road ได้เหมือนเดิม ใช้ชื่อโมเดลว่า G580 with EQ Technology แทนที่ EQG ขุมพลัง quad-moto มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวครั้งแรกของ Mercedes-Benz ประกบสร้างพลังงานให้แต่ละล้อ ให้พละกำลังรวม 579 แรงม้า แรงบิดมากถึง 1,165 นิวตันเมตร แรงบิดมากกว่าตัว AMG G63 ถึง 315 นิวตันเมตร ทำเวลา 0-100 ใน 4.4 วินาที แบตเตอรี่ความจุ 116.0-kWh เก็บอยู่ในเคสซึ่งรวมอยู่กับเฟรมของรถเสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษด้วยแผ่นปิดใต้รถผลิตจาก carbon-reinforced plastic ปกป้องจากเศษฝุ่นและน้ำ ช่องชาร์จอยู่ด้านหลังมาแทนที่ตำแหน่งล้ออะไหล่ของรุ่นปกติ ขับได้ระยะทางสูงสุด 384 กิโลเมตร ค่อนข้างน้อยไปหน่อยในยุคนี้ การชาร์จ