เป็นปีที่ร้อนแรงที่สุดของ Bulgari หลังทำสถิติโลก the world thinnest นาฬิกาบางที่สุดในโลกไปไม่นานกับ Bulgari Octo Finissimo Ultra ที่ตัวเรือนมีความหนาเพียง 1.80 มิลลิเมตร ล่าสุดได้เปิดตัวเรือนเวลารุ่นใหม่ที่น่าประทับใจอีกครั้งกับ Octo Finissimo Skeleton 8 Days ซึ่งแค่ชื่อก็บอกถึงความซับซ้อนที่น่าทึ่งของมันได้แล้ว Bulgari Octo Finissimo Skeleton 8 Days ถูกออกแบบได้สวยสุด ๆ หน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร ในเคส rose gold ขัดเงา มีความหนาเพียง 5.95 มิลลิเมตร หน้าปัดแบบ Skeletonzied เปิดให้เห็นการทำงานของกลไกอันซับซ้อนและสวยงาม เป็นความสุขของผู้สวมใส่ที่จะได้นั่งมองมันทุกครั้งที่ต้องการดูเวลา สังเกตด้านซ้ายล่าง จะมี sub dial วงเล็ก ๆ ที่เป็น seconds dial และมีตัวบอก power reserve
L’Epee เป็นแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Desk Clock มีชื่อเสียงด้านความคราฟต์ในการสร้างสรรค์ผลงานเรือนเวลาที่ฉีกกรอบความเชื่อมามากกว่า 180 ปีจาก Switzerland และนี่คือผลงานชิ้นใหม่ที่น่าจะถูกใจคนรัก Sports car แบบพวกเราแน่นอน L’Epee Fast Track II Desk Clock นาฬิกาตั้งโต๊ะใน Time Fast series ล่าสุด สร้างสรรค์บนแรงบันดาลใจจากดีไซน์รถแข่งจากยุค 1960s เป็น ยุคทองของรถแข่งที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และสมรรถนะ เป็น race car สองที่นั่งคาดลาย Le Mans บอดี้ของนาฬิกาผลิตจากวัสดุเดียวกับที่ใช้ผลิตรถแข่งคันจริง ตัวกลไกแยกอิสระสองเครื่อง กลไกแรกอยู่ในตำแหน่งคนขับ เป็นเครื่อง 8-day movement 2.5 Hertz ปรับเวลาทั้งชั่วโมงและนาทีที่แสดงผลในห้องเครื่อง V8 ด้วยพวงมาลัย 3 ก้านในห้องโดยสาร ส่วนอีกกลไกทำหน้าที่สร้างความเคลื่อนไหวให้ลูกสูบขยับขึ้นลงได้โดยไม่เกี่ยวกับการบอกเวลา สั่งการด้วยกุญแจรถและเกียร์ภายในห้องโดยสาร ทั้งหมดถูกวางอยู่ในโครงสร้างที่ขึ้นรูปด้วย H-chassis แบบเดียวกับที่ใช้สร้างรถแข่งในยุค 1960s ด้วย และล้อลายซี่ลวดทั้ง 4
สืบเนื่องมาจากภาพของหนึ่งในท่านผู้นำของประเทศละแวกบ้านเราสวมนาฬิกาหรูแบรนด์ไฮเอนด์ที่มีราคาเหยียบหลักล้าน ก็เลยทำให้โลกโซเชียลหันมาให้ความสำคัญกับ นาฬิกาข้อมือ จนกลายเป็นการเปิดหูเปิดตาจนทำให้รู้ว่าโลกของเรานั้นยังมีนาฬิกาที่เป็นไอคอนของแบรนด์และบุคคลอีกมากมายหลายรุ่นไม่ใช่เฉพาะแค่ Rolex อย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ เป็นเหมือนนาฬิการุ่นดังที่คนทั่วโลกชื่นชอบและใฝ่ฝัน เรามาดูกันครับว่าส่วนหนึ่งของนาฬิกาที่เป็นไอคอนนั้นมีอะไรกันบ้าง Rolex Submariner & Date Just เมื่อพูดถึงเครื่องบอกเวลาสุดคลาสสิคก็คงต้องเริ่มด้วย Submariner ที่ Rolex ทำขายครั้งแรกในปี 1954 ถือเป็นรุ่นที่ปฏิวัติวงการนาฬิกาข้อมือทั้งโลกเลยก็ว่าได้ ในตอนแรก Submariner ไม่ได้จัดเป็นไลน์ Luxury แต่อย่างใด ผลิตมาเพื่อตอบโจทย์การดำน้ำโดยเฉพาะ แต่เมื่อนานวันเข้า จากปากต่อปากและไอคอนบนโลกนี้อย่าง Steve McQueen ที่ใส่จนมันกลายเป็นสถานะความเท่บนตัวสุภาพบุรุษ เมื่อมาถึงปลายยุค 80’s ที่ Rolex กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรามั่งคั่ง รุ่นที่ฮิตที่สุดของพวกเขาก็คือ Submariner นี่ล่ะ เอกลักษณ์ของมันคือความทนทาน และเป็นนาฬิกาทรง Sports ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งดีไซน์และการใช้งาน ทุกวันนี้รูปทรงของมันก็ยังคงร่วมสมัย มีหน้าปัดขนาด 40มม. ให้เลือกทั้งสีเงิน สีทองและทองขาว 18K ใส่ได้กับผู้ชายทุกสไตล์ (หรือผู้หญิงบางคนก็ใส่ได้เช่นกัน) หาก Submariner คือตัวแทนความสปอร์ตจาก
หากจะให้ปักหมุดจุดถ่ายภาพยอดนิยมในกรุงเทพฯ ต้องยอมรับว่า ‘เยาวราช’ คืออีกหนึ่งพิกัดแห่งชาติที่คนรักการถ่ายภาพมักจะแวะเวียนไปบันทึกโมเม้นต์ประทับใจอยู่เสมอ แม้จะมีสถานที่ใหม่ ๆ ที่ได้รับกระแสความนิยมขึ้นมามากน้อยแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้เยาวราชร้างราจากเหล่าตากล้องไม่ว่าจะมือโปร หรือมือสมัครเล่นไปได้ ด้วยเสน่ห์ของสีสันและแสงไฟยามค่ำคืน รวมถึงสถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตสุดคลาสสิก ที่เหมาะแก่การเก็บภาพได้หลากหลายรูปแบบตั้งแต่เช้ายันค่ำ และวันนี้เป็นอีกครั้งที่เราจะชวนชาว UNLOCKMEN สายถ่ายภาพไปสัมผัสเสน่ห์ของเยาวราช แต่ต้องบอกว่าการตะลุยเยาวราชครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะเรามาพร้อมกับ OPPO Reno8 Z 5G สมาร์ทโฟนเจ้าของฉายา “The Portrait Expert” ไอเทมเด็ดที่จะมาเติมเต็มประสบการณ์การถ่ายภาพครั้งนี้ ให้สนุก และสวยงามกว่าที่เคย ซึ่งความเจ๋งของ OPPO Reno8 Z 5G คือการพ่วงดีกรีสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายภาพคนได้สวย และเป็นธรรมชาติ ด้วยกล้องความละเอียดสูง 64MP AI Portrait Camera ที่มาพร้อมระบบ AI Portrait Retouching สุดฉลาด ช่วยปรับสกินโทน และแต่งหน้าให้ดูดีแบบเนียน ๆ ไม่หลอกตา ทำให้ภาพถ่ายที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพ Portait
นาทีนี้คงไม่มีข่าวเทคโนโลยีอะไรจะฮอตไปกว่าการรีวิว MacBook Air M2 ของ Apple บนสื่อออนไลน์-ออฟไลน์ทุกหัวอีกแล้ว (ใช้คำโบราณรู้อายุเลย) ก็เขาเล่นเปลี่ยนชิปประมวลผลตัวใหม่รุ่น M2 เรียกว่าล้ำสมัยที่สุดของ Apple บรรจุใส่ซีรีส์ MacBook Air อันกระทัดรัด ที่แรงจนไม่มีใครอดใจไหว แต่ออกรุ่นใหม่มาทั้งที จะอัพเกรดแค่ชิปประมวลผลก็ยังไงอยู่ ทาง Apple เลยออกสีใหม่ให้ตาวาวด้วยเลยละกัน พร้อมกับใส่ฟังก์ชั่นอีกมากมายเพิ่มเข้ามาด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่ารุ่นนี้จะสเป็กบางเบาเป็นอากาศเหมือนชื่อ หรือแรงอย่างที่เคลมจริง ๆ หลังจาก UNLOCKMEN ได้ทดลองใช้งานจริง พร้อมกับสัมภาษณ์ตัวเองแล้วว่าชอบอะไรกับเจ้าเครื่องนี้บ้าง ไปดูกัน ขอชมดีไซน์การใช้งานภายนอกก่อนเข้าตัวเครื่องกันเสียหน่อย มาในเรื่องของ ‘สี’ และน่าจะเป็นสีใหม่ที่คนอยากเห็นของจริงพร้อมอยากได้มากที่สุด อย่าง Starlight Color ซึ่งผลคือ เป็นอย่างที่หลายคนคิดครับ … สวย! สีของจริงมิติคนละระดับกับในรูปบน istudio เยอะ การันตีความสวยจากการพกไปนั่งทำงานที่ Star Buck แล้วคนที่ผ่านไปมามองตลอดเวลา MacBook Air M2 มาด้วยขนาด 13 นิ้ว
หากคุณกำลังมองหาหูฟัง เราขอแนะนำ HUAWEI FreeBuds Pro 2 ก้าวใหม่สู่อีกระดับของหูฟังไร้สายมาตรฐานเรือธง ที่เข้าถึงคุณภาพเสียงทรงพลังผ่านลำโพงคู่ที่พัฒนาร่วมกับ Devialet และระบบลดเสียงรบกวนรอบข้างสูงสุด 47 เดซิเบล ในราคาเพียง 6,499 บาทเท่านั้น สัมผัสสุนทรียะแห่งรายละเอียดเสียงด้วยลำโพงคู่ Dual-Speaker True Sound ที่พัฒนาร่วมกับ Devialet และการันตีคุณภาพเสียงผ่านการรับรอง HWA และ Hi-Res Audio Wireless HUAWEI FreeBuds Pro 2 ได้รับการพัฒนาร่วมกับแบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกอย่าง Devialet เพื่อมอบประสบการณ์เสียงอะคูสติกที่ปรับจูนอย่างประณีต ให้คนรักเสียงเพลงได้เพลิดเพลินกับการฟังแบบไร้สาย โดยใช้ Bluetooth Codec LDAC™ และการันตีคุณภาพด้วยการรับรอง HWA ที่มอบคุณภาพเสียง Hi-Res Wireless Dual HD Audio HUAWEI FreeBuds Pro 2 มาพร้อม Dual-Speaker True Sound
Prodrive Racing Simulator. A blend of art & performance in a striking piece of home sculpture ประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับ Racing Simulators ที่พัฒนาโดย Prodrive ชื่อที่เป็นตำนานในวงการแข่งรถ เคยสร้างไอคอนแห่งวงการแรลลี่อย่าง 1995 Subaru Rally ที่ขับโดย Collin McRae และคว้าแชมป์มาแล้ว รวมถึงประสบการณ์ด้านรถแข่งอย่าง British Touring และคว้าแชม์ปรายการ GT class 24 Hours of Lemans มาแล้ว จึงการันตีได้เลยว่ารายละเอียดในรถแข่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นท่านั่ง องศาพวงมาลัย รวมถึง motion ต่าง ๆ นั้นจะถูกถ่ายทอดจากประสบการณ์กว่า 1200 สนามแข่งที่แม่นยำและใกล้เคียงของจริงมากที่สุด Prodrive Racing Simulator สร้างแบบ
ประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่องการทำงานหามรุ่งหามค่ำ หลายปีที่ผ่านมามีความพยายามแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือการออกข้อห้ามไม่ให้บริษัทสั่งพนักงานทำงานเกินเวลาที่กำหนด แต่บางครั้งการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุก็เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป สำหรับคนที่งานก็ต้องทำ แต่ก็ง่วงจนจำเป็นต้องนอนสักงีบ บริษัท Itoki Corp ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต furniture ร่วมมือกับบริษัท Koyoju Gohan KK จาก Hokkaido จับมือร่วมกันพัฒนาโปรเจค “Nap Box” ตู้สำหรับยืนนอนที่อยู่ในช่วงพัฒนาและจะผลิตออกมาจริงในอนาคต เหตุผลที่ต้องทำเป็นตู้สำหรับยืนหลับ เพราะในประเทศญี่ปุ่นนั้นต้องออกแบบทุกอย่างให้ประหยัดพื้นที่เป็นอันดับแรก ซึ่งหากออกแบบให้นอนได้สบาย ก็จะช่วยให้พนักงานไม่ต้องไปแอบนั่งหลับในห้องน้ำหรือโต๊ะกินข้าว ซึ่งเป็นการนอนที่ไม่สะดวกสบาย และไม่ถูกสุขลักษณะเลย Nap Box ออกแบบการยืนหลับโดยได้แรงบันดาลใจจากนกฟลามิงโก ภายในถูกออกแบบให้รักษาตำแหน่งศีรษะ เข่า และหลัง อยู่ในท่าทางที่สบายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งจะช่วยประคองไม่ให้คนหลับล้มลงมาได้ด้วย ซึ่งจุดประสงค์การนอนใน Nap Box คือการงีบหลับแบบ power naps ในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งมีการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้ตื่นตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ด้วยเจตนา ก็พอจะเข้าใจได้ แต่ในความเป็นจริง ใครจะกล้าเข้าไปยืนหลับในตู้นี้จริงหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องลองเท่านั้นถึงจะรู้
นับตั้งแต่การเปิดตัวของนาฬิกา Seiko 5 Sports ในปี 1968 โลกก็ได้รู้จักกับ เรือนเวลาจักรลที่เป็นตัวแทนของความทนทาน และคุณค่าด้านประสิทธิภาพที่ไว้ใจได้ มาอย่างยาวนานกว่า 54 ปี จวบจนปัจจุบัน โดยเลข “5” ในชื่อรุ่นเป็นสิ่งแสดงถึงคำมั่นสัญญาว่านาฬิกา Seiko 5 ทุกเรือนจะมาพร้อมคุณสมบัติหลัก 5 ประการ ดังนี้ เครื่องระบบอัตโนมัติ, ฟังก์ชั่นวันและวันที่บริเวณ 3 นาฬิกา, ระบบกันน้ำ, เม็ดมะยมบริเวณ 4 นาฬิกา และ ตัวเรือนรวมถึงสายที่มีความแข็งแรงทนทาน จากคุณสมบัติเหล่านี้ ส่งผลให้ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ชื่อของ Seiko 5 Sports นาฬิกาสปอร์ตสัญชาติญี่ปุ่น ได้สร้างประวัติศาสตร์รับความนิยมในระดับนานาชาติในฐานะนาฬิกาที่สามารถ “ไปได้ทุกที่” โดดเด่นทั้งประสิทธิภาพครบครันและดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในราคาที่คุ้มค่า อีกทั้งจุดเด่นเหล่านี้ยังได้ถ่ายทอด DNA ความแข็งแกร่งสู่คอลเลคชั่นใหม่ของ Seiko 5 Sports ที่กลับมาในปี 2019 ซึ่งได้มีการเพิ่มความกระตือรือร้นและพลังแห่งการขับเคลื่อนอันทันสมัยลงไป พร้อมเปิดตัวรุ่นพิเศษออกมามากมาย ทั้ง Thailand Limited Edition / Street Fighter
ชาวสตูดิโอสายทำเพลงต้องกรีดร้องให้กับสิ่งนี้ เมื่อแบรนด์เยอรมันที่ทุกคนหลงรัก Beyerdynamic ปล่อยหูฟังเอียบัดรุ่นแรกของแบรนด์ออกมาแล้ว ในชื่อว่า Free BYRD สำหรับแบรนด์นี้ เป็นที่รู้จักกันดีกับความเทพในการทำหูฟัง Monitor ที่มิติชัด ย่านเสียงลึก และไม่หลอกหูเมื่อต้องการใช้ทำงานเพลง (หมายถึงไม่ปรุงแต่งเสียงจนเว่อร์เกินไป) ความแตกต่างจากรุ่นเด่นของแบรนด์ที่ใช้กันทั่วโลกอย่าง Beyerdynamic DT 770 PRO ซึ่งมีขนาดที่เหมาะเมื่อใช้ในสตูดิโอห้องอัดเสียงนั้น ตัว Free BYRD คือหูฟังไร้สายที่เหมาะพกติดตัวไปทุกที่ ด้วยขนาดที่กระทัดรัด น้ำหนักเพียงข้างละ 7 กรัมเท่านั้น และทางแบรนด์เคลมเลยว่าถึงจะตัวเล็ก แต่คุณภาพเสียงไม่แพ้หูฟังรุ่นที่ผ่านมาแน่นอน ส่วนแรกที่ไม่ชมก่อนไม่ได้เลยคืองานออกแบบ ถ้าคุณรู้สึกว่ารูปทรงหูฟังตัวนี้ดูคุ้น ๆ จัง เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ใช่ครับ เขาได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘ปิ๊กกีตาร์’ แล้วดีไซน์ให้อยู่ในรูปของเอียบัดได้สวยงามมาก ยังไม่ได้เข้าฟังก์ชันการใช้งาน ก็โดนตกเสียแล้ว หูฟังตัวนี้มีระบบตัดเสียง active noise cancellation (ANC) ที่ใช้เทคโนโลยีระดับไฮบริด ที่มาพร้อมกับการ Balance Level ต่อให้เสียงข้างนอกจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน หูฟังก็จะบาลานซ์เสียงในหูให้ได้ระดับที่พอเหมาะไปด้วย และหากต้องการฟังการสนทนา หรือต้องคุยธุระแต่ยังไม่อยากปิดหูฟัง สามารถปรับไปใช้
ถึง CyberPunk 2077 จะทำให้เหล่าเกมเมอร์เสียงแตก และเหล่าคนผู้ผิดหวังที่เฝ้ารอความหวังกับอัพเดทแพทใหม่ แก้บัคต่าง ๆ ที่ยังมาไม่ถึง ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่าจะชอบเกมนี้หรือไม่ โลกนี้ก็ยังมีคอนเทนต์ CyberPunk ที่ถูกใจ (เกือบ) ทุกคนให้เสพย์อีกเยอะ ทั้งอนิเมะระดับตำนานอย่าง Akira, Cowboy Bebop, Cobra, Ghost In The Shell หรือมังงะ Battle Angel ส่วนสำหรับคนที่ยังรอคอยเกมนี้อยู่ ในปี 2022 เรามาดู Cyberpunk: Edgerunners ของ Netflix ย้อมใจแทนกันไปก่อนได้ครับ เกริ่นเสียยาว เข้าเรื่องเลยดีกว่า UNLOCKMEN อยากพาทุกคนย้อนไปทำความรู้จักกับ แล็ปท็อปเกมมิ่งตัวแรงของปี 2021 ชื่อ Asus Rog Zephyrus G14 Alan Walker Edition ที่เป็นการคอลแลบครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างค่าย ROG (Republic Of Gamers)
The Bulgari Octo Finissimo Ultra เพิ่งจะบันทึกว่าตัวเองเป็นนาฬิกาที่บางที่สุดในโลกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง แต่แล้วก็ต้องฝันสลาย เมื่อแชมป์ใหม่เขาจัดการทุบสถิติแล้วในเดือนกรกฎาคม ด้วยการจับมือระหว่าง Richard Mille กับ Ferrari เกิดเป็น The RM UP-01 Ferrari นาฬิกาที่ถูกบันทึกว่าบางที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ด้วยความหนาเพียง 1.75mm เท่านั้น! RM เป็นโปรเจ็กต์ที่ใช้เวลาพัฒนาหลายปี และใช้เวลาไปกว่า 6,000 ชั่วโมง ซึ่งนอกจากจะร่วมมือกับ Ferrari แล้ว ก็เป็นการทำงานร่วมกับ Piguet Renaud & Papi เหมือนเดิม ส่วนเคล็ดลับความบางของ RM นั้น เริ่มต้นตั้งแต่วิธีการที่เขาเลือกเอากลไกทั้งหมดใส่ไว้ในตัวเครื่อง แทนการเพิ่มฝาหลังเป็น 2 ชั้นแบบที่นาฬิกาปกติทั่วไปเลือกทำกัน ในงานออกแบบ RM ถูกดีไซน์ในความบางระดับแบบชิ้นโครงกระดูก (Skeletonized) และเหมือนเดิม แม้ว่าจะบางแค่ไหนก็ไม่อาจหยุดยั้งปณิธานของการเป็นหนึ่งในนาฬิกายี่ห้อที่ทนทานที่สุดในโลกของ Richard Mille ได้ เพราะเขาออกแบบตามมาตรฐานความทนทานระดับรถแข่งเหมือนเดิม