Entertainment

THE PROFILES: CHADWICK BOSEMAN ดาราฮอลลีวูดผู้เป็นฮีโร่ทั้งในชีวิตจริงและการแสดง

By: unlockmen March 1, 2021

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่ 78 คือ การประกาศชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (ประเภทภาพยนตร์ดรามา) ซึ่งคือ แชดวิก โบสแมน (Chadwick Boseman) ดาราฮอลลีวูดผู้มีผลงานชิ้นโบว์แดงอย่างบทบาท เจ้าชายทีชัลลาในซีรีส์หนังมาร์เวลเรื่อง ‘Black Panther’ ซึ่งได้จากเราไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีที่แล้ว

คราวนี้เขาได้รับรางวัลจากการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง ‘Ma Rainey’s Black Bottom’ และภรรยาของเขา Simone Ledward Boseman เป็นคนขึ้นรับรางวัลแทน พร้อมกล่าวสปีชที่ซาบซึ้งกินใจ

“He would say something beautiful, something inspiring, something that would amplify that little voice inside of us that tells us you can, that tells you to keep going, that calls you back to what you were meant to be doing in this moment.”

เพื่อระลึกถึงนักแสดงคนสำคัญของวงการภาพยนตร์ เราเลยอยากจะพาทุกคนไปย้อนดูชีวิตของ แชดวิก โบสแมน ดารานักแสดงผู้ไม่ได้เป็นฮีโร่แค่ในบทบาทที่ตัวเองแสดงเท่านั้น แต่ยังเป็นฮีโร่ที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของคนผิวสีด้วย


ประวัติของโบสแมน

แชดวิก โบสแมน เกิดเมื่อ 1976 ในครอบครัวเชื้อชาติแอฟริกันอเมริกัน  ในเมืองแอนเดอร์สัน รัฐเซาท์แคโรไลนา  โดยแม่ของเขาทำอาชีพเป็นพยาบาล ส่วนพ่อของเขาทำงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเกษตรกรรม และมีพี่ชายอีก 2 คน

ในตอนเด็กเขาชอบวาดรูป และมีความฝันอยากเป็นสถาปนิก หรือ นักบาสเก็ตบอล แต่ก็ได้มาเจอกับจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาหันหน้าเข้าสู่วงการการแสดง คือ ช่วงที่เขากำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยม T. L. Hanna High School เพื่อนร่วมทีมบาสเก็ตบอลของเขาได้ถูกยิงเสียชีวิต

เหตุการณ์นั้นสะเทือนใจ โบสแมน อย่างมากจนเขาต้องระบายมันออกมาเป็นบทละครเวทีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรงและเด็กวัยรุ่น และตั้งชื่อมันว่า ‘Crossroads’  ซึ่งการได้เขียนบทละครเรื่องนี้เองที่ทำให้เขาได้ค้นพบตัวเอง และตัดสินใจเข้าเรียนต่อในด้านศิลปะ แม้ว่าในช่วงนั้นเขาจะมีฝีมือด้านบาสเก็ตบอล จนถูกทาบทามให้ไปเล่นในระดับมหาวิทยาลัยก็ตาม

ในปี 2000 เขาได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Howard University ด้วยปริญญาด้านวิจิตรศิลป์สาขาการกำกับ และหลังจากนั้นเริ่มทำงานที่เกี่ยวข้องกับการแสดงมาตลอด ตั้งแต่การสอนการแสดงให้เด็กนักเรียน การสร้างละครเวที เช่น Rhyme Deferre  ไปจนถึง การแสดงซีรีส์โทรทัศน์ต่าง ๆ อาทิ Third Watch ซึ่งถือเป็นซีรีส์โทรทัศน์เรื่องแรกที่เขาได้แสดงฝีมือ


เป็นฮีโร่ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าวงการ

นอกจากการเขียนบทละครที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญในการพูดถึงปัญหาของคนผิวสีแล้วแล้ว ความเป็นฮีโร่ของ โบสแมน ยังเห็นได้ชัดจากเหตุการณ์ในปี 2003 โบสแมนในวัย 26 ปี ได้รับบทบาทเป็น Reggie Montgomery ในละครทีวีเรื่อง All My Children แต่ตัวซีรีส์ยังไม่ทันจบดี เขาก็ได้ถูกถอดออกจากบทบาทซะก่อน เพราะเขาไปพูดกับโปรดิวเซอร์ของซีรีส์เรื่องการเหยียดเชื้อชาติในบท และทางผู้สร้างซีรีส์ก็ได้ให้ ไมเคิล บี จอร์แดน มารับบทนี้แทนเขา

ดูเหมือนว่า ในอีกหลายปีต่อมา โบสแมน จะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองด้วย อ้างอิงจากการให้สัมภาษณ์ของเขากับนิตยสาร GQ เมื่อปี 2015 ซึ่งเขาได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในซีรีส์เรื่องนี้ด้วย

“No dad, no mom, a f**king stereotypical black role in a soap opera. And I saw the stereotype, so moving forward I was like, ‘Nah, those are the roles I don’t want to play.’ ”

UNIVERSITY OF MICHIGAN

โบสแมนสนใจเรื่องปัญหาของคนผิวสีมาตลอด โดยในปี 2006 บทละครเรื่อง Deep Azure ของโบสแมน ซึ่งมีเนื้อหาสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนผิวสี และปัญหาเรื่องการใช้ความรุนแรงของตำรวจ ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Jeff Award สาขาผลงานใหม่ยอดเยี่ยมด้วย อีกทั้งเขาเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rollingstone ในปี 2018 ว่า ความเป็นมนุษย์ของตัวละครผิวสีมักไม่มีอยู่ และเขาพยายามทำในส่วนของตัวเองเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน

ผลงานของเขาก็มีหลายเรื่องที่ถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ของคนผิวดำออกมาได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น การรับบทเป็น Nathaniel Ray Taylor ในซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Lincoln Heights, การรับบทเป็น Floyd Little ในภาพยนตร์เรื่อง The Expreess การรับบทเป็น Jackie Robinson ในภาพยนตร์เรื่อง 42 ไปจนถึงการรับบทเป็น Levee ในภาพยนตร์เรื่อง Ma Rainey’s Black Bottom  ซึ่งว่ากันว่า ความทุมเทในการเข้าถึงบทบาทของตัวละครอย่างหนัก ทำให้ โบสแมน มักได้รับบทเป็นไอคอนของคนผิวสีอยู่บ่อยครั้ง

“What really stood out about Chadwick is that he was committed in a way that’s rare He will completely absorb the character; everything from how they talk, to their background to a lot of subtext that you’ll never actually see, from that all the way up to the physical training.” Mishca Webley ผู้กำกับภาพยนตร์ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Empire เมื่อปีที่แล้ว

ถ้าใครสนใจอยากตามดูผลงานของโบสแมน เราขอแนะนำให้เริ่มจากดูหนังในลิสต์นี้ให้หมดก่อน เพราะเราได้คัดเลือกมาแล้วเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา แต่แนะนำว่าอย่าเริ่มดูตอนดึกของวันปกตินะ เพราะรู้สึกตัวอีกที อาจจะถึงเช้าแล้วก็ได้ ถ้าไม่ได้นอนและไปทำงานไม่ไหว อย่าหาว่าไม่เตือนกัน


Appendixs: 1 / 2 / 3

IMAGE SOURCE

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line