Work

งานหนัก พักไม่ได้ ทางตันมาไวกว่าที่คิด เริ่มต้นที่ตัวเราจะ CHALLENGE หรือ CHANGE กันดี ?

By: unlockmen July 20, 2018

งานเป็นอะไรที่อยู่กับเรามากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากตัวเราเอง สัปดาห์นึงเรา Spend เวลากับมันไปกว่า 5 วัน หากมันไม่สามารถจรรโลงให้เราอยากอยู่กับมันไม่ว่าจะเพื่อเงินหรือ Passion ความชอบ ความถนัดแล้ว เราก็ต้องพิจารณาแล้วว่า ขนาดแรงจูงใจที่เคยมียังไม่อาจรั้งเราไว้ได้ มันอาจจะไม่ใช่ที่ของเราจริง ๆ ก็ได้ หาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ว่าตอนนี้จริง ๆ แล้วคุณต้องการอะไรกันแน่ แล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อยว่าจะสู้ต่อหรือเดินหน้าไปทางอื่น  UNLOCKMEN จะมาแนะนำวิธีที่จะช่วยให้คุณได้เตรียมทั้งตัวและใจแบบเบื้องต้น สำหรับปัญหาสุดลำบากใจ เราเลือกได้ว่าจะ Challenge ตัวเอง เอาชนะปัญหาให้ได้ หรือไม่อยากจะทน เปิดโหมด Change ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป

ทางออกของคนอยาก Challenge

ดีแค่ไหนที่ได้งานทำ

ไม่ว่าจะเกลียดงานของคุณแค่ไหน ลองคิดถึงคนอีกเป็นล้านที่ยังเดินเตะฝุ่น ไม่มีงานทำ เดินหางานเช้าจรดเย็น ถึงงานที่ทำอยู่ของคุณมันจะไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ เป็นงานในฝัน แต่มันก็คืองานที่ให้รายได้ ให้เราได้จ่ายค่าครองชีพที่ต่อคิวรอให้เราจ่ายอยู่ทุกเดือน 

เราไม่ได้บอกให้เราทนกับมันไปจนวันตาย แต่ถ้าหากวันนี้เรายังไม่พร้อมที่จะละทิ้งรายได้ของเราไป เพียงเพราะเราไม่พอใจในงาน ขอให้ใช้เวลาในการแก้ปัญหา มองปัญหาอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องใหญ่แบบนี้ อย่าหุนหันพลันแล่น เพราะถ้าหากเราออกจากที่นี่โดยที่ยังไม่มีงานใหม่รองรับ นั่นจะยิ่งทำให้เราตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่าตอนนี้

บอกความต้องการของคุณกับหัวหน้า

เราเข้าใจว่าการพูดกับหัวหน้า แม้จะสนิทแค่ไหน แต่ด้วยตำแหน่งที่สูงกว่า หรือไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันจะมีความกระอักกระอ่วนแทรกอยู่ในบทสนทนาเสมอ แต่ถ้าหากเราไม่ยอมพูด เราก็ต้องแลกกับการจมอยู่กับปัญหา  

ลองเผชิญหน้ากับความจริง (และกับหัวหน้า) พูดความในใจ ปัญหา หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้สถานการณ์ระหว่างคุณและที่ทำงานดีขึ้น ถ้าหัวหน้าอยากจะให้โอกาสและรักษาคุณไว้ เขาจะไม่เพิกเฉยกับปัญหาของคุณเลย และถ้าหัวหน้านี่แหละคือปัญหาของคุณ ยิ่งต้องเปิดอกคุยกัน เพื่อการทำงานที่ราบรื่นและสบายใจทั้งสองฝ่าย

ใส่ความสนุกลงไปในงานที่ทำ

ไม่ว่าคุณจะมีอาชีพที่อิสระ หรือต้องทำอะไรเป็นกิจวัตร ความเบื่อมันเกิดขึ้นได้กับทุกอาชีพนั่นแหละ ลองหากิจกรรมอะไรง่าย ๆ ที่ทำร่วมกับคนในออฟฟิศได้ติดตัวไปด้วย อย่างเกมส์พกพาส่วนตัวของคุณ บอร์ดเกมส์ ไปแบ่งกันเล่นกับเพื่อนในออฟฟิศ พูดคุยกับโต๊ะอื่น ๆ ให้มากขึ้น สร้างบรรยากาศที่เป็นบวกให้ส่วนรวม เพื่อทั้งตัวคุณเองและคนอื่น ได้นั่งทำงานไปหัวเราะไป ไม่ต้องนั่งหาว นั่งหน้าบูด เซ็งกับงานไม่พอ บรรยากาศยังไม่ดีอีก คงจะไม่ดีแน่นอน 

ไม่ว่าเพื่อนร่วมงานจะเป็นคนที่คุณชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ถ้าหากอยู่ในบทสนทนากลุ่มใหญ่ ควรโชว์สปิริตด้วยการเต็มใจที่จะพูดคุยกับทุกคน นั่นยิ่งทำให้คุณดูโปรมากขึ้น แถมบรรยากาศในที่ทำงานอาจจะดีขึ้นจนคุณเปลี่ยนใจมากอยากเปลี่ยนงานแล้วอีกด้วย

ปรับเปลี่ยนมุมทำงาน

นั่งโต๊ะทั้งวัน มุมเดิม ๆ มันจะไม่เบื่อได้ยังไง ถ้าที่ทำงานของคุณไม่ได้มีระเบียบบังคับอะไรมาก ลองย้ายไปนั่งใกล้ ๆ กับเพื่อนสนิทของคุณ นั่งกับเพื่อนที่ไม่ค่อยได้คุยกัน นั่งในโต๊ะว่างแม้จะไม่สนิทกับคนข้าง ๆ ดูบ้าง เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ต้องนั่งมอง Objects เดิม ๆ ในมุมเดิม ๆ ตลอดอายุการทำงาน 

แต่หากถ้าที่ทำงานไม่ได้ Freestyle ขนาดนั้น ลองเปลี่ยนเป็นการหาลูกเล่นมาเพิ่มให้โต๊ะทำงานของคุณ จัดโต๊ะทำงานใหม่ ให้เป็นระเบียบมากขึ้น มีฟิกเกอร์ ของสะสมที่คุณชอบ แบ่งมาตั้งบนโต๊ะทำงาน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้านมากขึ้น ถ้าจะให้ดีลองมีต้นไม้เล็ก ๆ ไว้เพิ่มมุมสีเขียวให้รู้สึกสบายตาจากความเหนื่อยล้าที่จ้องจอคอมพ์ฯมาทั้งวัน

จัดการเป้าหมายให้ดี

การตั้งเป้าหมายอะไรสักอย่าง นั่นหมายถึงการกำหนดทางเดิน วิธีการที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นด้วย เปลี่ยนเป้าหมาย เท่ากับเปลี่ยนวิธีการ หากเป้าหมายของเรามันดีแล้ว ลองจัดการวิธีการที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายให้ดี เพราะถ้าเราไม่มองว่ามันเป็นแค่งาน แต่มันคือเป้าหมายของเราแล้วล่ะก็ เราจะไม่ยอมแพ้กับมันง่าย ๆ ลองงัดไม้ตายออกมา ตั้งเป้าหมายเป็น “เอาชนะความน่าเบื่อของงานนี้ให้ได้” มองมันให้เป็นเป้าหมาย แล้วทำทุกวิถีทาง เอาชนะตัวเองและความน่าเบื่อของงาน นั่นจะยิ่งทำให้คุณแข็งแกร่ง สร้างภูมิต้านทานต่อปัญหาได้อีกหนึ่งอย่าง มองย้อนกลับมา คุณอาจจะขอบคุณตัวเองก็ได้ที่เลือกจะไม่ยอมแพ้ในวันนั้น

ทางออกของคนอยาก Change

พักงานไปพักร้อน

ลองให้เวลาตัวเองได้หลีกหนีจากบรรยากาศเดิม ๆ ที่มันชวนให้คุณวิ่งหนีทุกครั้งที่เดินเข้ามาเจอออฟฟิศ ด้วยการพักร้อนสักสองสามวัน ไม่จำเป็นต้องเป็นทริปสุดหรู โรงแรมห้าดาว แค่ให้มันเป็นทริปที่ให้คุณได้มีเวลาให้ตัวเอง ได้หยุดคิด พักจากเรื่องต่าง ๆ ที่คอยรุมทึ้งคุณมาตลอด เผื่อว่าครั้งนี้มันจะช่วยชาร์จพลังให้คุณได้มีแรงมากพอที่จะเดินต่อได้จริง ๆ เพราะบางครั้งมันก็เป็นภาวะที่ก้ำกึ่งระหว่างหยุดพักกับหาเส้นทางใหม่ หากยังไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องพักตอนไหนลองอ่านได้ที่ WARNING SIGNS : จับตาดูให้ดี 5 สัญญาณเตือนว่าเราควรหาเวลาพักให้ตัวเอง

ใครที่ไม่สันทัดการคิดอะไรแค่คนเดียว ลองใช้เวลาที่พักร้อนนี้รับฟังคำแนะนำจากคนรอบตัวที่คุณรู้สึกว่าเขาจะให้คำแนะนำดี ๆ แก่คุณได้ และต้องเป็นคนที่มองคุณทะลุปรุโปร่งมากพอที่จะรู้ว่าต้องแนะนำคุณแบบไหน และคุณกำลังต้องการอะไร หากตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าคุณต้องการจะออกจากงานแน่ ๆ ลองดู Step ต่อไปเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม

เตรียมตัวให้พร้อม

ถ้าตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะโบกมือลาที่ทำงานปัจจุบัน การเตรียมตัวก็คงเป็นขั้นตอนที่ต้องทำอย่างแน่นอนและต้องทำมันให้ดีด้วย อย่างแรกคืออัพเดต Resume ให้เป็นปัจจุบันและเปลี่ยนดีไซน์ให้เหมาะสมกับที่ทำงานต่อไป หากยังไม่มีที่ไหนในใจก็ต้องทำในดีไซน์เซฟ ๆ ไว้ก่อน เพื่อที่จะได้สามารถยื่นได้ในทุกที่ และเจียดเวลามองหางานใหม่ไว้บ้างก็ดี เพราะเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องออกจริง ๆ คุณจะได้ไม่เคว้งคว้างเหมือนโดนลอยแพ (ทั้ง ๆ ที่เลือกจะเดินออกมาเอง)

ย้ายไปทำงานที่ใกล้เคียง

หากปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตัวคุณ แต่เป็นเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้า ที่คุณไม่อาจจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรเขาได้นัก ลองย้ายไปทำแผนกหรือทีมอื่นที่ไม่ต้องมาเจอกับคนที่คุณมีปัญหาด้วย ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพื่อความสบายใจในการทำงานของทั้งสองฝ่ายเอง

หรือถ้าปัญหาคือคุณไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ก็ย้ายเลย แต่ลองมองหาเป็นสายงานที่ใกล้เคียงกับงานเดิมก่อน เพื่อที่คุณจะได้ยังไม่ต้องปรับตัวเรื่องงานมาก และยังคงเป็นงานที่คุณถนัดอีกด้วย คุณจะได้มีเรื่องที่ต้องปรับตัวอย่างเดียวคือสังคมใหม่ ไม่งั้นก็ต้องกังวลทั้งงานและสังคมไปพร้อม ๆ กัน มีหวังพังกว่าเดิม

เปิดโหมด Freelance

การแก้ปัญหานี้เหมาะกับคนที่ยังคงรักงานที่ตัวเองทำ แต่ไม่ไหวกับสภาพแวดล้อมหรือออฟฟิศที่ต้องไปนั่งจมอยู่ทุกวันอีกต่อไป ลองหันไปทำงาน Freelance ดูสิ งานที่รัก + สถานที่ที่เราเลือกเองได้ตามใจ วันนี้อยากจะไปนั่งชิลในร้านกาแฟร้านโปรด หรือจะเป็น Working Space สุดเท่ หรือจะอยากนอนทำงานตีลังกาอยู่บ้านก็ยังได้ ทั้งหมดนี้ตามใจคุณ โดยที่ไม่มีมลพิษจากเพื่อนร่วมงานตัวแสบมากวนใจอีกต่างหาก ลองมาเป็น Freelance ที่กำหนดรายได้ให้ตัวเองได้ ทั้งหมดนี้คุณเลือกเองได้ทั้งนั้นแหละ

อย่าหันหลังกลับไป

เลือกแล้วก็เลือกเลย เลือกแค่ครั้งเดียว เพราะชีวิตเรามันกด Undo ไม่ได้ หากวันไหนเกิดลังเลขึ้นมาระหว่างที่คุณตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คนที่จะเฟลที่สุดคงเป็นตัวคุณเอง ที่ไม่อาจเอาแน่เอานอนอะไรกับตัวเองได้เลย ไปโฟกัสกับสิ่งที่ตัวเองต้องไปเจอข้างหน้า โฟกัสกับการก้าวต่อไปของคุณ ดีกว่ามองกลับไปแล้วเกิดเสียดายนู่นนี่ขึ้นเฉย ๆ เพราะการตัดสินใจแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ตัดสินใจให้เด็ดขาดในครั้งเดียวให้มันจบไป

งานที่ทำให้คุณลำบากใจอาจจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในนรก แต่ทึ่สุดแล้วมันอยู่ที่คุณ ว่าจะเปลี่ยนมันให้เป็นสวรรค์ของคุณหรือเลือกที่จะเดินออกไปหาสิ่งใหม่ คำแนะนำที่ให้ไปนั้น เป็นเพียงขั้นตอนง่าย ๆ ที่เอาไว้เตรียมตัวสำหรับการตัดสินใจจะเดินออกจากงานปัจจุบัน แต่การตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไปนั้นขึ้นอยู่กับคุณเอง 100%

SOURCE 1,2

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line