DESIGN

CHRISTIAN TRESSER อัจฉริยะผู้พลิกโลกงานดีไซน์รองเท้า ที่เริ่มต้นจากความหลงใหลในฟุตบอล

By: SPLESS February 10, 2020

ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าวงการรองเท้าคือตลาดเครื่องแต่งกายที่มีขนาดและมีมูลค่าสูงมากเมื่อเทียบกับตลาดเครื่องแต่งกายชนิดอื่น ๆ  ด้วยความเป็นตลาดร่วมที่มีส่วนผสมระหว่างวงการแฟชั่นและกีฬาก็ยิ่งให้รองเท้ามีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และมีผู้คนจำนวนมากผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาสร้างสีสันและความเปลี่ยนแปลงให้วงการมาตลอดหลายสิบปี หนึ่งในนั้นคือ Christian Tresser (คริสเตียน เทลสเซอร์)

IG : christiantresser

หากจะกล่าวว่าผลงานของคริสเตียน เทลสเซอร์ นั้นเป็นที่รู้จักมากกว่าชื่อเสียง และตัวตนของเขาคงไม่ผิดนัก เพราะต้องบอกเลยว่านักออกแบบรองเท้าคนนี้มีผลงานและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้วงการรองเท้าจากแนวคิดที่หาตัวจับได้ยาก งานออกแบบของเขาบางรุ่นกลายเป็นไอคอนิกของยุคสมัย บางรุ่นยังคงได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน และอะไรคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาสนใจและหลงใหลในการดีไซน์รองเท้าจนก้าวมาเป็นนักออกแบบซึ่งมีผลงานสนีกเกอร์หลายรุ่นที่ยังคงทรงอิทธิพลอยู่อย่างยาวนาน เรามาหาคำตอบไปพร้อมกัน

Form Soccer To Designer

IG: christiantresser

คริสเตียนเกิดในรัฐแคลิฟอร์เนีย วัยเด็กเขาเป็นคนที่ชอบวาดภาพ แต่อีกหนึ่งกิจกรรมโปรดในวัยเด็กคือการเล่นฟุตบอล หรือซ็อกเกอร์ แต่อย่างที่รู้กันดีว่าเมืองลุงแซมไม่ได้เป็นดินแดนของฟุตบอลเพราะพวกเขามีอเมริกันเกมส์ที่นิยมอยู่แล้วทั้งเบสบอล บาสเกตบอล และอเมริกันฟุตบอล

อย่างไรก็ตามกีฬายอดฮิตของชาวอเมริกันเหล่านั้นไม่อาจเบนความสนใจของคริสเตียนไปจากสิ่งที่เขาหลงใหลได้เลย คริสเตียนแค่หลงใหลในกีฬาฟุตบอล และเล่นมันอย่างต่อนเนื่องจนกระทั่งเข้าศึกษาต่อในระดับมหาลัยเขาก็ยังชอบฟุตบอลอยู่เสมอโดยลงเล่นให้ Foothill College Soccer Team

แต่แล้วเวลาแห่งการตัดสินใจก็มาถึง เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพในเวลานั้นโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้ ส่งผลให้คริสเตียนดเล่นฟุตบอลในระดับมหาวิทยาลัยได้เพียงปีเดียวก็ตัดสินใจย้ายไปเรียนการออกแบบที่วิทยาลัยศิลปะและการออกแบบในซานฟรานซิสโก เพราะการออกแบบคืออีกเรื่องที่เขาหลงใหลไม่แพ้กัน และรู้ว่าเส้นทางสายออกแบบนั้นยังพอเหลือที่ว่างให้ตัวเองมีโอกาสถ่ายทอดความรักในเกมกีฬาลงในสิ่งเขาออกแบบขึ้น

IG: christiantresser

คริสเตียนเป็นคนที่มีฝีมือในการวาดและสเก็ตช์ภาพสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะรองเท้าที่ตัวเขาสนใจเป็นพิเศษ หลังจบการศึกษาได้มีโอกาสรับจ็อบดีไซน์เนอร์ให้กับบริษัทออกแบบรองเท้าอิสระที่กำลังรับงานแบรนด์ย่อย BOKS ให้กับ Reebok ในยุครุ่งเรือง ก่อนที่ไอเดียของคริสเตียนจะไปเข้าตาคนในบริษัทและได้รับการว่าจ้างเต็มเวลาให้ Reebok ในที่สุด

REEBOK Football & Running

kickstothepitch

คริสเตียนเข้าทำงานในแผนกออกแบบรองเท้าฟุตบอลและรองเท้าวิ่ง ตอนนั้นกระแสของ Reebok กำลังซบเซา จึงต้องพยายามมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่มาสู้กับ Nike และ Adidas สมัยที่ทั้ง 2 ยังไม่ได้เป็นมหาอำนาจแบรนด์กีฬาเหมือนในยุคปัจจุบัน เป้าหมาย Reebok คือต้องการรักษาพื้นที่ความเป็นหนึ่งในตลาดรองเท้าฟุตบอลให้ห่างจาก 2 แบรนด์ดัง

และเป็นคริสเตียนที่ปล่อยความคิดสร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรมแผ่น Footplate คาร์บอนไฟเบอร์และให้กำเนิดหนึ่งในโมเดลสตั๊ดคลาสสิกอย่าง Reebok Pro MS รองเท้าคู่แรกที่มีไรอัน กิกส์ เป็นพรีเซ็นเตอร์และสวมใส่ในช่วงเริ่มสร้างตำนานปีกพ่อมดให้กับตัวเอง

คริสเตียนประทับใจการทำงานช่วงนี้มากเพราะมีโอกาสได้พบกับนักฟุตบอลระดับโลกมากมายหลายรุ่นทั้ง กาเบรียล ‘บาติโกล’ บาติสตูต้า ตำนานชาวอาเจนไตน์ คาร์ลอส วัลเดอร์ราม่า รวมถึงเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน

sneakerfreaker

นอกจากแผนกฟุตบอลคริสเตียนยังฝากผลงานไว้ในไลน์รองเท้าวิ่งของ Reebok ทั้งการให้กำเนิดไลน์ Instapump โมเดลไร้เชือกแรกของแบรนด์และออกแบบ Reebok Aztrek, Reebok Daytona DMX, ก่อนส่งท้ายกับ Reebok Pyro ทั้งหมดคือผลงานที่เกิดขึ้นในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปีก่อนที่คริสเตียนจะมองหาความท้าทายใหม่ ๆ กับโลโก้ Swoosh ในเวลาต่อมา

A Lot of Swoosh

ช่วงที่คริสเตียนย้ายไปร่วมงานกับ Nike ถือเป็นช่วงพีคของไอเดียในหัวเขาก็ว่าได้เพราะตลอดระยะเวลา 10 เดือนแรกของการทำงาน เขานำทีมออกแบบสร้างรองเท้าขึ้นมาใหม่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Nike Tailwind และ Spiridon แต่ผลงานชิ้นเอกของเขากับ Nike ก็ถูกสร้างขึ้นหลังจากนั้นในปี 1997

หลังจากที่ใช้เวลาอยู่กับไอเดียอื่นอยู่นาน ในที่สุดคริสเตียนก็ได้สานต่อความหลงใหลของตัวเอง เขามีไอเดียดีไซน์เกี่ยวกับรถไฟฟ้าหัวกระสุน ‘ชินคันเซ็น’ อยู่ก่อนแล้วเลยจับมาบวกกับความต้องการสร้างรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดีขึ้น เขาร่างแบบรองเท้าขึ้นมาเป็นรองเท้าที่อัปเปอร์ได้แรงบันดาลใจจากการกระเพื่อมของหยดน้ำที่เชื่อมกับก้อนแอร์แบบเต็มแผ่นและเป็นครั้งแรกแรกของ Nike ที่ใช้ก้อนแอร์ระบบนี้

 

ไอเดียของเขาสร้างขึ้นมาเป็นรองสีเงินคล้ายมาจากโลกอนาคต รองเท้าคู่นั้นคือโมเดล “Air Max 97” คริสเตียนจำวันที่เขานำเสนอมันให้เหล่าผู้บริหารระดับสูงฟังได้ดี แต่พูดแค่ว่า “รองเท้าของผมคงแตกต่าง จนพวกเขาเลื่อนเก้าอี้ไปมาอย่างไม่สบายใจ” แต่รองเท้าของเขาก็ได้ไฟเขียวในการผลิต มันถูกส่งออกวางขายในไม่นานหลังจากนั้น แต่น่าเสียดายที่ Air Max 97 นั้นไม่ได้รับความนิยมมากนัก ทำให้มีพื้นที่อยู่บนเชลฟ์ไม่ถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำ

Adsumnyc

แม้ Nike Air Max 97 จะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร แต่พ่อหนุ่มคริสเตียนก็ไม่ได้นอยด์ หรือจมจ่อมอยู่กับความล้มเหลวแต่อย่างใด เพราะตัวเขามั่นใจว่าได้สร้างผลงานที่น่าพอใจสำเร็จเสร็จสิ้นไปแล้ว และอย่างที่ทุกคนทราบกันดี เมื่อเวลาผ่านไป 20 ปีให้หลัง ทาง Nike ได้เรโทร Air Max 97 ขึ้นมาอีกครั้งและทำให้มันกลายเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้  ถือเป็นสิ่งพิสูจน์ว่า Silver Bullet งานออกแบบของคริสเตียนที่ผู้คนเคยส่ายหน้าในอดีต แท้จริงแล้วคือดีไซน์รองเท้าที่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง

sneakernews

ย้อนกลับมายังปี 1998 คริสเตียนที่ไม่ได้แยแสว่าความนิยมของ Air Max 97 จะเป็นอย่างไร ได้มุ่งหน้าสู่แผนกฟุตบอล มุมโปรดในบริษัทของเขาเพื่อสร้างตำนานรองเท้าคู่ใหม่ แน่นอนว่าคราวนี้เป็นรองเท้าสำหรับกีฬาที่เขาหลงใหลอย่างฟุตบอล ชื่อของมันคือ Nike Mercurial รุ่นปี 1998 ถ้านึกภาพไม่ออกอาจคุ้นกับรูปรองเท้าที่โรนัลโด R9 ห้อยคอหลังจบรอบชิงฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศสแน่นอน ถูกต้องแล้วครับชายคนนี้เป็นคนที่ให้กำเนิดสตั๊ดสายพันธุ์ Mercurial ที่ผลิตจากวัสดุชิ้นเดียวขึ้นมา

Nike Mercurial เป็นสตั๊ดที่พลิกวงการรองเท้าฟุตบอลไปตลอดกาล แต่เมื่อถูกไถ่ถามถึงความสำเร็จ คริสเตียนกลับไม่ได้คิดว่าตัวเองทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไร โดยเขาพูดถึงช่วงเวลานั้นว่า “ผมเป็นคนที่ไม่คิดอะไรมาก แต่ก็มีมุมมองแปลก ๆ ในบางครั้ง ซึ่งมันใช้ได้ผลสำหรับตัวผมเอง ตอนที่สร้าง Mercurial คู่แรกขึ้นมา ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองได้เปลี่ยนแปลงอะไรไป รู้แค่ว่าตัวเองได้สร้างรองเท้าขึ้นมาและสำหรับผม ผมรู้สึกว่ามันดูเจ๋งดีก็แค่นั้น”

kickstothepitch

ไม่นานหลังจากนั้นคริสเตียนก็เริ่มอิ่มตัวกับงานประจำและหันมาทำอาชีพนักออกแบบรองเท้าอิสระแทน แต่เขาก็ยังไม่ลืมสานต่อความฝันในวัยเด็กของตัวเองคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ช่วงต้นปี 2000 คริสเตียนตัดสินใจบินไปเล่นให้กับสโมสร SPVGG HESSDORF ทีมในลีกเล็ก ๆ ของเยอรมนี ระหว่างนั้นก็ไม่ลืมฝากฝีมือนักออกแบบระดับโลกของตัวเอง ด้วยการดีไซน์รองเท้าของทีมด้วยเสียเลย

kickstothepitch

ปัจจุบันคริสเตียนยังเป็นนักออกแบบอิสระที่มีงานเดินเข้ามาไม่ขาดสาย ล่าสุดกับผลงานคอลแลปส์ร่วมกับ Steven Smith คู่หูเก่าที่เคยทำงานด้วยกันที่ Reebok คราวนี้เป็นโมเดลสุดฮิตอย่าง YEEZY BOOST 700 VX ที่ยังคงชัดเจนด้วยสไตล์ถนัดกับวัสดุ 3M และตัวเลข 700 สะท้อนแสงได้ แถมคนใส่ออกมาอวดประชาชนคือตัวคานเยเอง หลายคนคาดเดากันว่ามันคือคู่พิเศษที่มีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ซึ่งถ้าจริงก็ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าแม้แต่ศาสดา YE ของใครหลายก็เคารพและนับถืองานออกแบบของคริสเตียนจนอยากมีเก็บไว้สักคู่

ทั้งหมดคือเส้นทางชีวิตเคียงข้างการออกแบบรองเท้าของคริสเตียน เทลสเซอร์ ชายผู้หลงรักฟุตบอลก่อนจะเปลี่ยนความฝันที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นพลังด้านบวกเพื่อถ่ายทอดความหลงใหลที่มีลงไปผลงานที่สร้างขึ้นมาแทน คงต้องขอบคุณรองเท้า ฟุตบอล และพรสวรรค์ด้านงานออกแบบรอที่กระตุ้นคริสเตียนให้เขียนโมเดลรองเท้าจำนวนมากออกมาฝากผลงานระดับตำนานหลายคู่ไว้บนผืนพิภพนี้

adsumnyc

 

SOURCE: 1/2/3/4/5/6/7

Cover Picture Original Source : kickstothepitch

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line