World

‘โคเคนและช่องว่างในโคลอมเบีย’ เรื่องราวของชุมชนชาวไร่ผู้ผลิตสารเสพติดแลกกับเศษเงิน

By: TOIISAN October 11, 2019

เราอาจเคยได้ยินเรื่องราวของพ่อค้ายาชื่อก้องโลกอย่างเอสโคบาร์มาเป็นร้อยครั้ง หรือได้ยินว่าโคลอมเบียเป็นเมืองสุดโหดที่ผลิตยาเสพติดมากจนติดท็อป 10 เป็นสิบ ๆ หน แต่หากถามถึงชีวิตของชาวไร่ที่เป็นคนผลิตวัตถุดิบหลักที่ใช้ในสารเสพติดอย่างใบโคคาหรือกัญชากลับไม่ค่อยถูกพูดถึงนัก อาจเป็นเพราะเหตุผลหลาย ๆ อย่าง เช่น พวกเขาไม่เท่ พวกเขาไม่น่าสนใจพอจนต้องมารับรู้ถ้าเทียบกับชีวิตโลดโผนของพ่อค้ายา

UNLOCKMEN นำเรื่องราวที่ถูกลืมมาเล่าให้ทุกคนได้สัมผัสถึงชีวิตชุมชนชาวไร่ในประเทศโคลอมเบียผ่านภาพถ่ายของตากล้องที่ลงไปอยู่ในชุมชน เพื่อสัมผัสถึงอีกแง่มุมว่ากลุ่มคนปลูกพืชสำหรับทำสารเสพติดมีความคิดอย่างไร พวกเขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำอยู่หรือไม่ และพวกเขาเป็นผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงจริง ๆ หรือเปล่า

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Mads Nisson ช่างภาพชาวเดนมาร์กวัย 38 ปี ที่โด่งดังจากรางวัล World Press Photo of the Year ในปี 2015 และมีประวัติโชกโชนเกี่ยวกับภาพถ่ายสะท้อนสังคม ก่อนเขาจะเข้ามาถ่ายภาพชีวิตเกษตรกรผู้ผลิตใบยาสำหรับสารเสพติดในประเทศโคลอมเบีย Mads เคยได้รับการว่าจ้างจาก Nobel Peace Center ให้ถ่ายภาพประธานาธิบดีโคลอมเบีย Juan Manuel Santos ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2016 เพราะเขาสามารถยุติสงครามนองเลือดของกลุ่มพ่อค้ายาติดอาวุธในโคลอมเบียที่ยืดเยื้อมานานกว่า 52 ปี

หลังจาก Mads ถ่ายภาพของผู้นำโคลอมเบียแล้วจึงเกิดความคิดว่าเขาต้องการเห็นมุมมองทั้งสองด้านของประเทศนี้ ไม่ใช่เพียงแค่มุมจากผู้นำมองลงสู่ประชาชนเท่านั้นแต่ต้องการเห็นความคิดและชีวิตของคนชายขอบด้วยเช่นกัน เพราะประเทศโคลอมเบียขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก แถมยังเป็นบ้านเกิดของพ่อค้ายาชื่อดังในตำนานอย่างเอสโคบาร์ที่เสียชีวิตไปแล้วด้วย 

Mads ตัดสินใจเข้าไปถ่ายภาพชุมชนห่างไกลเพื่อสัมผัสกับชีวิตจริง ๆ ของเกษตรกร พบความยากจนและความไม่เท่าเทียมกันในสังคมเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตให้มากขึ้น เพราะโคลอมเบียเป็นประเทศที่มีเขตควบคุมของรัฐบาล แต่ก็ยังมีบางเมืองก็ถูกปกครองด้วยพ่อค้ายา บางเมืองที่ไม่มีใครสามารถคุมได้ เขาใช้เส้นสายที่พอมีอยู่ติดต่อกับคนหนุ่มสาวที่เก็บใบโคคาขาย และถ่ายรูปการทำงานกับชีวิตแต่ละวันของพวกเขาไว้ 

ตอนแรก Mads ถ่ายรูปวัยรุ่นโดยมีข้อแม้เดียวคือห้ามเปิดเผยใบหน้าของพวกเขา แต่เมื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ได้พูดคุยรู้จักกันมากขึ้น เหล่าวัยรุ่นก็อนุญาตให้เขาถ่ายภาพได้โดยไม่ต้องปิดบังหน้าเอาไว้

Mads ได้ทำความรู้จักกับชุมชนรวมถึงพืชประจำถิ่นของอเมริกาใต้อย่างใบโคคาที่มีสรรพคุณช่วยให้กระปรี้กระเปร่า สามารถใช้เป็นยาชา ลดอาการ Altitude Sickness หรืออาการแพนิกที่สูง โดยคนพื้นเมืองจะนิยมนำใบโคคามาต้มกินเหมือนกับคนจีน และก็มีหลายคนชื่นชอบการเคี้ยวใบโคคาไม่ต่างจากคนไทยสมัยก่อนที่นิยมเคี้ยวหมาก

โคเคนจำนวนมากถูกผลิตขึ้นในประเทศโคลอมเบีย เพราะหนึ่งในพืชเศรษฐกิจของที่นี่คือใบโคคาและกัญชา Mads เคยลงพื้นที่ไปยังเมือง Cali เขาพบกับทุ่งโคคาขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา เขาพบว่าคนในชุมชนนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตกัญชาและโคเคนแต่มักจะไม่เสพยาจากผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง

การอยู่ร่วมกันระหว่าง Mads กับชุมชนที่ผลิตวัตถุดิบยาเสพติด ทำให้เกิดบทสนทนาน่าสนใจว่าพวกเขาไม่ค่อยไว้ใจคนแปลกหน้าเหมือนกับคนนอกไม่ชื่นชอบพวกเขา พวกเขาไม่คุ้นเคยกับการคุยกับชาวต่างชาติ เมื่อมีบทสัมภาษณ์หรือการสนทนาก็จะทำให้เด็ก ๆ ดูไม่เป็นมิตร 

คนในชุมชนส่วนใหญ่เกลียดสื่อมวลชนเพราะสื่อชอบนำเสนอภาพให้พวกเขาเป็นผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงทั้งที่ความจริงแล้วทุกชุมชนไม่ได้เป็นอย่างที่สื่อเขียนเสมอไป มีเด็กผู้ชายจำนวนไม่น้อยเคยเข้าร่วมกับกองกำลังติดอาวุธปฏิวัติโคลอมเบีย (FARC) เพราะคิดว่านี่คือทางออกที่จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น 

นอกจาก Mads จะเคยถ่ายรูปของประธานาธิบดีโคลอมเบียแล้วเขายังเคยถ่ายรูปของผู้นำกลุ่ม FARC ด้วยเช่นกัน เขาเล่าว่าบรรพบุรุษของหัวหน้ากลุ่มถูกฆ่าตายทุกคน แม้ภาพลักษณ์จะเป็นชายอ้วนเตี้ย จึงพอเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงเลือกใช้วิธีรุนแรง จนหลังจากกลุ่มติดอาวุธกลายเป็นพรรคการเมืองภายใต้กฎหมายแต่ก็ยังมีสมาชิกบางส่วนไม่เห็นด้วยกับวิธีการสันติและยังลักลอบค้ายาเสพติดเพื่อซื้ออาวุธอยู่ แถมผู้นำที่ว่ายังไม่ยอมให้ Mads ถ่ายภาพเขาตอนกำลังสูบบุหรี่อยู่ด้วยเพราะกลัวว่าภาพลักษณ์ของเขาจะดูไม่เหมาะสม แต่การสูบบุหรี่น่าจะเป็นตลกร้ายและดูน่ารักไปเลยเมื่อเทียบกับวีรกรรมที่ FARC เคยทำไว้

หลังจากที่ Mads คลุกคลีอยู่กับชุมชนมาพักใหญ่ เข้าใจความคิดรวมถึงการใช้ชีวิตของพวกเขาพอสมควร ก่อนจากกันเขาถ่ายรูปพ่อลูกคู่หนึ่งโดยใช้โลเคชันเป็นทุ่งกัญชา ซึ่งชายผู้เป็นพ่อพูดกับ Mads ว่า 

“ผมรู้ว่ายาเสพติดมีแต่ข้อเสีย มันทำให้เกิดความรุนแรง ความขัดแย้ง และสงคราม

แต่ถ้าไม่มีมันผมก็จะไม่สามารถซื้อชุดนักเรียนให้ลูกสาวได้”

ชายคนนั้นเคยบอกว่าเขาลองปลูกอย่างอื่นแล้ว แต่ก็ไม่มีพืชชนิดไหนทำให้เขามีกินได้มากเท่ากัญชากับใบโคคา เพราะคนมองเห็นค่าของโคเคนครึ่งกิโลกรัมมากกว่าผลมะเขือเทศสดทั้งรถบรรทุก ทำให้เห็นว่าคนจำนวนไม่น้อยที่ผลิตยาเสพติดต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี แต่สำหรับพวกเขาที่เป็นชนชั้นล่างที่ยากจนอาจมีทางให้เลือกเดินได้ไม่มากนัก 

เรื่องราวทั้งหมดของ Mads Nisson อาจไม่ใช่ความคิดเห็นของกลุ่มเกษตรกรทั้งหมดของประเทศโคลอมเบีย แถมมุมมองส่วนใหญ่ก็ผ่านการคิดของเขามาแล้วทั้งนั้น ดังนั้น UNLOCKMEN จะไม่ตัดสินว่าสิ่งที่คนในชุมชนทำอยู่เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ แต่สิ่งที่รับรู้ได้ทั่วกันคือทุก ๆ คนบนโลกใบนี้ต่างก็ต้องทำงานและมีชีวิตอยู่เพื่อบางสิ่งไม่ต่างกัน 

 

All images courtesy of the artist. ©Mads Nisson

SOURCE

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line