CONOR MCGREGOR ที่มาที่ไปของความบ้าคลั่ง และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์​ BUS ATTACK

‘The Notorious Bully’ การตกเป็นกระแสที่แสดงให้เห็นถึงความคลั่งและแข็งแรงกว่าใคร เป็นของโปรดที่ Conor McGregor เสพติดอย่างเห็นได้ชัด แต่ความคลั่งครั้งล่าสุดที่ยกพวก 20 คนไปถล่มรถ Bus ขนนักสู้ UFC fighters ใน Brooklyn’s Barclays Center หลังแถลงข่าว UFC 223 press conference จนเละเป็นโจ๊ก เพื่อปัญหาส่วนตัวจากการเหม็นขี้หน้ากันกับ Khabib Nurmagomedov

คลิปวีดีโอหลากหลายมุมสามารถบันทึกภาพ McGregor ในโหมดบ้าคลั่ง วิ่งล้อมรถ ตะโกนด่า และโยนสารพัดสิ่งของตั้งแต่ที่กั้นเหล็ก ไปจนถึงรถเข็นเหล็ก ใส่รถ UFC Bus แบบเต็ม ๆ เศษกระจกแตกกระจายทำให้ 2 นักสู้บาดเจ็บ Michael Chiesa มีแผลแตกบนในหน้าหลายจุด และ Ray Borg บาดเจ็บที่ดวงตา ต้องยกเลิก Match ที่กำลังจะขึ้นชกทันที แถมยังต่อย Security Guard ที่เข้ามาห้ามจนบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาลไปอีกหนึ่ง นี่ยังถือว่าโชคดี เพราะในรถมีนักสู้และเจ้าหน้าที่อีกหลายคนอยู่ด้วย

หลังก่อเรื่อง McGregor เข้ามอบตัวกับ NYPD เพื่อขึ้นศาล และโดนตั้งข้อหาหลายกระทง ทั้งบุกรุก ทำลายทรัพย์สิน และทำร้ายร่างกาย ซึ่งข้อหาหลังสุดนับเป็นความผิดอาญาร้ายแรง มีสิทธิติดคุกนานสุดถึง 7 ปี ก่อนจะประกันตัวออกมาด้วยเงิน $50,000 เพื่อรอขึ้นศาลฟังผลอีกครั้งว่าจะหมู่หรือจ่าในวันที่ 14 มิถุนายน ซึ่งนอกจากข้อหาอาญาแล้ว McGregor ยังมีแววโดน Michael Chiesa และ Ray Borg 2 นักสู้ที่บาดเจ็บในรถ Bus พ่วงด้วย Security Guard ที่โดนต่อยร่วง ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอย่างหนัก และเด้งสุดท้ายคือการโดน UFC ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการต้องยกเลิกชกไปหลาย match จากการกระทำอันบ้าคลั่งครั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่างานนี้พี่ McGregor จ่ายค่าเสียหายขั้นต่ำไม่น่าจะน้อยกว่า $5,000,000 หรือราว 155 ล้านบาท

ผลจากความคลั่งครั้งนี้ อาจทำให้อนาคตของทั้ง McGregor และนักสู้ที่อยู่ในกลุ่ม 20 คน กับ UFC ไม่สดใสมากนัก เพราะถือว่าทำตัวเป็นกุ๊ยนอกกฎหมาย ไม่เคารพกฎกติกาของ UFC และกฎหมายบ้านเมืองอย่างร้ายแรง โดยมีชื่อของ Artem Lobov สมาชิกในกลุ่มของ McGregor ที่มีคิวขึ้นต่อยกับ Alex Caceres ถูกถอนออกจากการต่อสู้ และ Cian Cowley นักสู้อีกคนที่โดนรวบและตั้งข้อหาหนักทั้งบุกรุก ทำลายทรัพย์สิน และทำร้ายร่างกายเช่นเดียวกัน

ความบ้าคลั่งครั้งนี้เกิดจากการรักเพื่อนจนเกินงามของ McGregor ที่ของขึ้นเมื่อรู้ว่า Artem Lobov มีปัญหากับ Khabib Nurmagomedov ที่ Artem ไปด่า Khabib ว่าเป็น ‘Chicken and a P*ssy Fighter’ เจ็บนิดเจ็บหน่อยก็ไม่ขึ้นชก เมื่อเรื่องไปเข้าหู Khabib จึงฉุนขาด เดินไปหาเรื่อง Artem ในโรงแรม แถมโดนตบกระโหลกสั่งสอนไปสองสามที ซึ่งทำให้ McGregor ฉุนหนักถึงกับรีบบินมาหาเรื่อง Khabib และเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายครั้งนี้ แต่ที่จริงแล้ว ดูเหมือน McGregor จะเหม็นขี้หน้า Khabib เป็นทุกเดิมอยู่แล้ว เพราะนักสู้ชาวรัสเซียถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นเจ้าของเข็มขัด “world lightweight title” คนใหม่ ซึ่งถูกปลดมาจาก McGregor เนื่องจากไม่ขึ้นชกนานเกินไป และเคยให้สัมภาษณ์แซะ McGregor อยู่บ่อย ๆ ก่อนหน้านี้

เชื่อว่าหลังจากนี้ คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคงหนีไม่พ้น UFC ตัว McGregor และ Khabib เอง เพราะความ Conflict แบบนี้ น่าจะช่วยอัพราคาให้เกิดศึกฟาดปากระหว่าง McGregor และ Khabib ได้ในราคาที่พุ่งสูงสุดทั้งค่าบัตรและ Pay-Per-View ซึ่งรายได้อาจจะเกินค่าเสียหายที่ McGregor ต้องจ่ายแน่นอน

หรือทั้งหมดนี้จะเป็น Program ทางการตลาดกันแน่?