บทสัมภาษณ์สุดท้ายที่ Rolling Stone ได้คุยกับ “Scott Weiland” นักร้องนำ Stone Temple Pilots ก่อนเขาจะกลายเป็นตำนาน !!

สำหรับนักฟังเพลงแล้ว วงอย่าง Stone Temple Pilots ถือว่าเป็นอีกวงดนตรีหนึ่งที่เป็นขวัญใจของใคร หลาย ๆ คน โดยเฉพาะตัวนักร้องนำอย่าง Scott Weiland ที่แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาฝากเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นผลงานการเขียนเนื้อร้อง เสียงร้อง มุมมอง และยังมีบทสัมภาษณ์อีกหลายอันที่น่าสนใจเกี่ยวกับชีวิตของผู้ชายคนนี้ วันนี้ UNLOCKMEN จึงได้นำเอาบทสัมภาษณ์ของนักร้องที่มีเอกลักษณ์ในตัวตนชัดเจนจากการถือโทรโข่งร้องลั่นอยู่บนเวทีอย่าง Scott Weiland ที่เคยได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rock n roll ชื่อดังอย่าง Rolling Stone มาให้ได้อ่านกัน หากใครเป็นแฟนของ Stone Temple Pilots และ Scott Weiland ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

ในครั้งที่ Scott Weiland ได้นั่งลงให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rolling Stone ช่วงเดือนมิถุนายนปี 2007 เขามีอายุได้ 39 ปี และนั่นเป็นครั้งแรกของการพูดคุยกันระหว่างเขากับนิตยสาร Rolling Stone แต่หลังจากนั้นเขาก็มีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rolling Stone อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนั้นเพียง 8 เดือน เขาก็ได้เสียชีวิตลงจากการเสพยาเกินขนาดในวัย 48 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 3 ธันวาคม 2015

ซึ่งครั้งหนึ่ง Scott Weiland ที่เคยติดยางอมแงมแบบสุด ๆ ก็ทำการเลิกยาได้สำเร็จ เนื่องจากเกิดเรื่องสะเทือนใจเขาอย่างมากเกิดขึ้น นั่นก็คือการสูญเสีย Michael พี่ชายไปจากการเสพยาเกินขนาด เขาจึงตัดสินใจเลิกขาดกับยาเสพติดเหล่านั้น และโทษมันว่าเป็นต้นตอที่ทำให้พี่ชายของเขาต้องจากไป แต่สุดท้าย เขาก็วนกลับเข้ามาข้องเกี่ยวกับมันอีกครั้ง และพบจุดจบเช่นเดียวกับพี่ชายในเวลาต่อมา

ว่ากันว่าเป็นบทสัมภาษณ์เต็มไปด้วยแง่มุมสุด Dark ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ยาเสพติด, การใช้ชีวิต, เรื่องของวงดนตรีของเขา และแรงจูงใจที่ทำให้เขาใช้ชีวิตดั่ง Rock Star แบบหัวราน้ำ ตอนนี้เขาเชิญทุกท่านอ่านกันได้เลย หรือใครที่อยากจะฟังบทสัมภาษณ์แบบเต็ม ๆ ก็สามารถฟังได้ที่นี่เช่นเดียวกัน

On rocking in his 40s

“ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่า ตัวเองจะทำแบบ Steven Tyler หรือ Mick Jagger ได้ยังไง? ไม่เคยจินตนาการว่าตัวเองจะมีอายุอยู่ได้ถึง 40 ด้วยซ้ำ แล้วยิ่งต้องขึ้นไปส่ายก้นเหี่ยว ๆ อยู่บนเวที บวกกับการเสแสร้งว่าร่างกายฉันแข็งแรง ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยจากตอน 10 ปีที่แล้ว มันยิ่งยากฉิบหายเลยว่ะ สำหรับตอนนี้ผมยังคงบอกไม่ได้หรอกว่า มันจะเป็นยังไงในอนาคต เพียงแต่มีความรู้สึกบางอย่างที่ผุดขึ้นมาอยู่ในหัวเสมอว่า เส้นทาง Rock n Roll ของเรามันใกล้จะจบแล้ว ดังนั้น ทุกอย่างที่ผมทำไปผมมักจะบันทึกมันเอาไว้เสมอ เพราะมันเป็นเรื่องราวของผม”

“ตอนนี้ผมเพียงแค่ต้องการจะมีสถานที่หนึ่งที่ผมควรที่จะอยู่ตรงนั้น นั่งเขียนเพลงเงียบ ๆ ไม่ต้องกังวลกับสิ่งใด ๆ เขียนเพลงที่ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่า ยอดขายจะถึง 3-4 ล้านแผ่นรึเปล่า ได้ออกเดินทางไปเล่นดนตรีสดในอารีน่าต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าคนดูจะมีมากน้อยขนาดไหน หรือเป็นใครที่มาดูผม”

On what he has in common with Axl Rose

“ผมบอกเลยว่าผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ หรือพละกำลังของผมได้ตลอดเวลาตอนที่อยู่บนเวที แล้วต้องเดินไปเดินมาพร้อมทั้งแหกปากร้องเพลงไปด้วยตลอดเวลาแน่นอน แต่คนส่วนใหญ่รู้ดีว่าผมมีวิธีจัดการกับตัวเองที่ดีกว่า รวมไปถึงการเรียงลำดับอะไรหลาย ๆ อย่าง เพื่อให้มันสอดคล้องกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น แต่นั่นคือ ความจริง ผมมันเป็นเรื่องยาก คนเราไม่ได้มีวาล์วควบคุมการใช้พลังงาน มันยากมากกับการทำให้ตัวเองทำอะไรอย่างนั้นเพื่อควบคุมพลังทั้งหมดเอาไว้ นั่นแหละตัวผม”

On cocaine

“ทำไมคุณต้องเสพโคเคนมากขึ้นน่ะเหรอ ผมจะบอกเหตุผลที่แท้จริงให้ฟัง! ว่าทำไมผมต้องใช้ Heroin กับ Cocaine นั่นก็เพราะหลังจากที่คุณใช้ Cocaine ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ สัก 2 ชั่วโมงตัวคุณจะเริ่มคลั่งได้ที่ คุณจะเห็นปีศาจนั่นก็คือ ตัวคุณเองเมื่อคุณมองกระจก คุณจะหลอนชิบหาย แต่สุดท้ายมันจะสงบลงเมื่อคุณปักเข็มลงไปที่แขน ทุกอย่างมันจะช้า สงบ และเข้าไปสู่อีกมิติที่คุณไม่มีวันเปิดประตูมิตินี้ออก แต่ผมทำมันได้”

On the differences between Velvet Revolver and Stone Temple Pilots

“ความแตกต่างอย่างแรกเลยก็คือ Stone Temple Pilots ชอบที่จะทำงานอยู่ใน Studio และนั่นเป็นองค์ประกอบหลักของการเป็น Stone Temple Pilots ซึ่งพูดเลยว่า มันเหมือนกับวง The Beatles มาก ๆ ผมไม่ได้ดูหมิ่นวงอื่น หรือยกตัวเองให้สูงขึ้นสำหรับการเปรียบเทียบครั้งนี้ เพียงแต่เราเหมือนกันตรงที่มักใช้เวลาอยู่ในห้องอัด จากนั้นก็อัดเพลงใหม่ ๆ ไปเรื่อย จนกว่าจะเจออะไรที่ใช่”

“ส่วน Velvet Revolver มันเป็นความบ้า อะไรที่มันเปรี้ยงปร้างราวกับฟ้าผ่า มีความ Rock n Roll แบบสุด ๆ อาจจะด้วยตัวตนของแต่ละคนภายในวงที่เป็นตัวของตัวเองมาก ไม่ต้องพยายามสร้างภาพอะไร เราไม่พยายามที่จะหลอกคนฟังใช้กลอุบายใด ๆ มันก็เหมือนดนตรีบลูที่มาจากเบื้องลึกของจิตใจ ที่ผมกลั่นออกมาผ่านเสียงจากลำคอ มันคือ ความจริง มันคือของจริง”

หากใครที่ชื่นชอบผลงานของวง Stone Temple Pilots โดยเฉพาะคนที่เป็นแฟนของ Scott Weiland ด้วยแล้ว เมื่อได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้คงจะย่ิงทำให้คิดถึงเสียงร้องของเขาขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะเห็นได้อย่างชัดเจนในตัวของ Scott Weiland นั่นก็คือ ความรัก และความหลงใหลในงานที่เขารัก ไม่ว่าเขาจะเมายาบ้าบอ หรือจะมีความคิดที่แปลกประหลาดยังไง ความใส่ใจในการทำงาน รวมไปถึงความทุ่มเทของเขานั้น ช่างเป็นอะไรที่น่ายกย่อง และควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น อะไรที่เป็นส่ิงดี ๆ ที่เรารับรู้ได้ระหว่างอ่านเรื่องราวของชายคนนี้ก็ขอให้เก็บไว้เป็นแรงบันดาลใจ ส่วนเรื่องอะไรที่ไม่ดีก็รับรู้ไว้และใช้เป็นบทเรียนจะได้ไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนกันเขาแล้วกันนะครับ

SOURCE