ปิดเมืองปล้น! ชวนดู 5 หนังก่ออาชญากรรม BASED ON TRUE STORY ดูง่ายไม่น่าเบื่อ

สำหรับผู้ชายที่ชอบดูหนังอย่างเรา หากจะดู Documentary ตรง ๆ อาจจะรู้สึกว่าเนื้อหามันหนักหน่วงเกินไป อยากจะได้อะไรที่มันผ่อนคลายขึ้นมาอีกหน่อย เราเลยอยากแนะนำเป็น หนัง Biography ที่ Based On True Story นอกจากจะมีความน่าตื่นเต้นตรงที่เรื่องเหล่านี้มันเกิดขึ้นจริงแล้ว เรายังสนุกไปกับการพลิกแพลงและเล่าเรื่องของผู้กำกับ ที่อยากนำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงออกมาในรูปแบบที่เขาอยากนำเสนอ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน  UNLOCKMEN เลยเลือกมาให้หนุ่ม ๆ แล้ว 5 เรื่องซึ่งเกี่ยวกับอาชญากรรมแบบ Based On True Story หลากหลายแนว ให้หนุ่ม ๆ ได้เลือกเอาตามความชอบ

Dog Day Afternoon (1975)

Director : Sidney Lumet’

เรื่องนี้มาจากเหตุการณ์​  “The Boys in the Bank” คือการปล้นธนาคารแห่งหนึ่งใน Brooklyn อันโด่งดัง ซึ่งเป็นเรื่องราวของโจรหน้ามึนสองคนเดินโต้ง ๆ เข้าไปปล้นธนาคารในวันที่อากาศร้อนระอุ หรือวันที่เรียกสแลงว่า “Dog Days”  นอกจากเงินแล้วพวกเขายังจับคนที่อยู่ในธนาคารตอนนั้นเป็นตัวประกัน ท่ามกลางความร้อนระอุของฤดูร้อน และความกดดันของตำรวจที่มารออยู่หน้าธนาคาร ยิ่งทำให้พวกเขาสองคนรู้ว่าแผนของพวกเขาช่างหละหลวม เพราะไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เขาคิดเลยสักอย่าง แต่เรื่องราวกลับตาลปัตร เมื่อประชาชนข้างนอกเชียร์ฝั่งผู้ร้ายอย่างเขาสองคนแทน มาดูกันว่าทำไมเรื่องราวถึงเป็นแบบนี้ แล้วพวกเขากับชะตากรรมของตัวประกันจะลงเอยยังไงกันแน่

Public Enemies (2009)

Director : Michael Mann

เรื่องจริงของโรบินฮู้ดยุคใหม่ (ที่ไม่ได้ใหม่มากนักถ้าเทียบกับตอนนี้) อย่าง “John Dillinger” รับบทโดย Johnny Depp ซึ่งหน้าละม้ายคล้ายตัวจริงเอามาก ๆ วีรกรรมของเขาทั้งเรื่องจริงและในหนังคือ เป็นโจรปล้นธนาคารตัวฉกาจ ที่เดินสายปล้นมาแล้วหลายต่อหลายที่ จน FBI หมายหัวเขา อยากจะหยุดอาชญากรรมต่อเนื่องที่เขาก่อ ซึ่งหนังถ่ายทอดความเท่ออกมาได้แบบที่เราเชื่อว่า Johnny Depp นั้นเป็น John Dillinger จริง ๆ แม้เนื้อเรื่องอาจจะไม่ค่อยกระชับมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นแอ็กชั่นที่ดูได้แบบเพลิน ๆ ไม่เครียด ไม่กดดันมากนัก

 American Hustle (2013)

Director : David O. Russell

ส่วนเรื่องนี้ไม่ใช่การปล้นแบบยิง วิ่ง หยิบเงิน อะไรทำนองนั้น แต่คือหนังต้มตุ๋น ที่ต้มกันไปมาจนเราอยากจะกุมขมับ แต่ถือว่าหนังทำเนื้อเรื่องออกมาได้สนุกและเข้มข้นมาก ๆ ซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่องจริง เรื่องราวของ Irving Rosenfeld (Christian Bale) นักต้มตุ๋มมือฉกาจที่แยกทางกับภรรยาเก่าอย่าง Rosalyn Rosenfeld (Jennifer Lawrence) แต่ได้สาวคนใหม่มาดามใจแบบต่อเนื่อง แถมยังเป็นคนที่ใช่จนชีวิตนี้เขาไม่อยากจากเธอไปไหนอีกแล้วอย่าง Sydney Prosser (Amy Adams) ตัวละครทุกตัวต่างเกี่ยวพันอย่างยุ่งเหยิงเมื่อเจ้าหน้าที่ FBI อย่าง Richie DiMaso (Bradley Cooper) อยากจะเปิดโปงเหล่านักการเมืองขี้โกงให้หมดไป โดยการเอานักต้มตุ๋นอยากพวกเขามาเป็นหมากในเกมนี้

นอกจากเรื่องราวอันเข้มข้นแล้ว จุดเด่นของเรื่องนี้คงจะเป็นโปรดักชั่นที่สวยจนเราดูเพลินไปทั้งเรื่อง รวมทั้งเพลงประกอบในเรื่องที่คลาสสิกซะจนต้องไปเปิดฟังตามหลังแม้หนังจะจบไปแล้ว

 Catch Me If You Can (2002)

Director : Steven Spielberg

กล้าพูดเลยว่านี่เป็นหนัง Biography ที่สนุกมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ด้วยความชาญฉลาดของผู้กำกับที่ทำหนังออกมาได้เฉียบคมแล้ว ยังต้องนับถือความฉลาดของเจ้าของเรื่องเด็กหนุ่มอย่าง Frank Abagnale (ในเรื่องรับบทโดย Leonardo DiCaprio) ที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวชนิดที่ว่าผู้ใหญ่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แล้วจะเป็นตำรวจหรือ FBI เองก็ตาม ที่ความจำเป็นหลายอย่างในชีวิต กดดันให้เขาต้องหาจุดพลิกแพลงให้ตัวเองอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นการปลอมเอกสารในธุรกรรมต่าง ๆ หรือแม้แต่ปลอมเป็นอาชีพตัวท็อปอย่าง ทนาย หมอ นักบิน ได้อย่างแนบเนียน มาดูกันว่าเขาสามารถเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ยังไง

Zodiac (2007)

Director : David Fincher

นอกจากอาชญากรรมทางการเงินแล้ว อาชญากรรมอีกรูปแบบที่น่ากลัวอย่าง “การฆาตกรรมต่อเนื่อง” ยังคงเป็นอะไรที่สะเทือนขวัญผู้คนมาตลอด โดยเรื่องนี้นำแสดงโดยนักแสดงเบอร์ใหญ่อย่าง Mark Ruffalo Robert Downey Jr. และ Jake Gyllenhaal  สำหรับใครที่ดูซีรี่ย์ Mindhunter มาแล้ว คงจะคุ้นเคยกันดีว่าบรรยากาศการสืบสวนสุดอึมครึมแบบนี้มาจากไหน และก็ยังคงวนเวียนอยู่กับการหาฆาตกรต่อเนื่อง แต่ในเรื่องนี้ จะเน้นไปที่แนวบุ๋นมากกว่าแนวบู๊ เหตุเกิดที่ชานเมืองซานฟรานซิสโกเป็นคดีแรก และมีมาแบบต่อเนื่อง โดยที่ฆาตกรจะส่งรายละเอียดของการฆ่าตามมาเสมอ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่มีแต่ฆาตกรเท่านั้นที่จะรู้ได้ แต่ถึงอย่างงั้น การตามหาคนร้ายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่แนวสายบู๊ ถือปืน วิ่งตามหาคนร้ายสักเท่าไหร่ แต่รับรองว่าเรื่องนี้ถูกใจสายบุ๋น ใช้ความคิด ขบคิดไปตามเนื้อเรื่องแน่นอน และแกะรอยจากไดอะล็อกนั่งคุยซึ่งมีเยอะมาก

ลองเลือกสักเรื่องที่ถูกใจหนุ่ม ๆ อย่างเรา เมื่อเสพความบันเทิงจากหนังจบแล้ว อาจจะกลับไปเสิร์ชอ่านเรื่องที่เกิดขึ้นจริงจากหนัง เอาไว้เป็น Cool Knowledge ไว้คุยกับเพื่อนเท่ ๆ ก็ยังได้ ใครที่อยากได้หนังแนวไหน สามารถแนะนำกันเข้ามาได้ คิดซะว่าแลกหนังดูกับเพื่อน