Entertainment

Cyberpunk Edgerunners ดวงจันทร์ของ ‘ลูซี่’ สถานที่เดียวที่มีความหมายในโลกอนาคตอันแหลกสลาย

By: GEESUCH September 29, 2022

* Spoil Alert : บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญของเรื่อง Cyberpunk Edgerunners *     

เรื่องย่อ : ในโลกอนาคตที่เทคโนโลยีล้ำหน้าไปไกล ‘เดวิด’ เด็กหนุ่มผู้เสียแม่ไปในอุบัติเหตุ ต้องใช้ชีวิตตัวคนเดียวแบบไร้จุดหมาย และโลกห่วย ๆ ใบนี้ก็ย่ำยีเขาให้หนักกว่าเดิม จนเปลี่ยนเดวิดให้กลายเป็นคนที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเป็น เขาสวม Sandevistan อุปกรณ์ไซเบอร์ประสิทธิภาพสูงติดตั้งให้ตัวเอง และได้มาอยู่กับกลุ่มคนที่เรียกว่า Cyberpunk ทำงานทุจริต เพื่อโค่นล้มบริษัทนายทุนผลิตอาวุธที่ชื่อ Arasaka ผู้เป็นนายทุนใหญ่ของเมือง Night City ที่นั่น เดวิดได้เจอกับ ‘ลูซี่’ และเขาก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายอีกครั้งนึง 

ใครดู Cyberpunk Edgerunners กันแล้วบ้าง เช็ดน้ำตาที่ไหลกันหมดรึยัง ไม่ต้องแปลกใจตัวเองที่ยังไม่ Move On นะ เพราะเราก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน ฮือออ ใครยังไม่ดูขอชวนตรงนี้เลยว่าหาเวลาดูด่วน เพราะกราฟิก+การเล่าเรื่องมันงดงามเอามาก ๆ และนอกจากความไฮป์จนทำให้ติด top List ที่ต้องดูของ Netflix แล้ว ตัวเกมของค่าย CD Projekt RED (เจ้าเดียวกับผู้ผลิตอนิเมะที่ร่วมมือกับ Studio Trigger) ชื่อ Cyberpunk 2077 ก็กลับมามีคนเล่นตะลุย Night City เพิ่มมากขึ้นมาก จากเมื่อก่อนที่ยอดขายตกลงฮวบ ๆ ไร้คนเล่นอยู่นาน เพราะบั๊คต่าง ๆ นา ๆ เมื่อมีผู้เล่นมากขึ้นเป็นปรากฎการณ์ ผู้สร้างก็ถึงออกมาขอบคุณกันเลยทีเดียว

อีกสิ่งที่น่าสนใจของ Cyberpunk Edgerunners คือประเด็นการ ‘หลบหนีจากชีวิตในอนาคต’ ของตัวละครหลักลูซี่ ที่ต้องการขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ เพื่อหลบหนีชีวิตอันทุกทรมานทุกวินาทีใน Night City ที่เธออาศัยอยู่ ซึ่งต้องบอกว่าที่น่าสนใจนั้น ก็เพราะสำหรับอนิเมะว่าด้วยอนาคตแบบ Cyberpunk แล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเด็นแบบนี้ถูกเอามาพูดถึง ในทางกลับกัน อนิเมะโครงเรื่องแบบ Cyber Punk มักมีประเด็นอย่างนี้ถูกยกขึ้นมาพูดถึงเสมอ เช่น Battle Of Angle เอง ตัวเอก Alita ก็ต้องการหนีจากชีวิตคนฐานะปลานกลางซึ่งอาศัยอยู่บนพื้น และขึ้นไปอยู่บนฟ้าที่เหล่า Privillage อาศัยอยู่ (ซึ่งอยู่บนหัวของเมืองชนชั้นกลางแบบเป๊ะ ๆ)

UNLOCKMEN จะพาทุกคนขึ้นไปดวงจันทร์ พร้อมกับตามหาความหมายที่ทำให้ดวงจันทร์เป็นเป้าหมายเดียวในชีวิตของ ‘ลูซี่’ ว่าเพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้น และมีเหตุผลอะไรที่พอจะเป็นไปได้บ้าง ที่ทำให้เธออยากขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์


อนาคตที่บางคนไม่อยากให้มาถึงของ Cyberpunk

“CYBERPUNK = literature about an imaginary society controlled by computers” 

(Cambridge Dictionary )

ถ้าว่ากันตามความหมายในพจนานุกรมของ Cambridge Dictionary มีความจริงที่ถูกอยู่ 1 ข้อใหญ่ ๆ เกี่ยวกับ Cyberpunk คือ ‘สังคมที่ถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์’ อย่างที่รู้กันว่าภาพอนาคตของยุคนี้ เป็นช่วงเวลาที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากจนมันย้อนศรกลับมาทำร้ายมนุษย์เอง ทั้งรถบินได้ การอัพเกรดร่างกายด้วยอุปกรณ์หุ่นยนต์ การจ่ายเงินด้วยคะแนน หรือการที่มีมิจฉาชีพ Hacker เก่งกาจเทคโนโลยี ก็ฉายภาพของยุคสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี 

ยกตัวอย่างมังงะในตำนานอย่าง Akira ที่ถึงกับต้องสถาปนากรุงโตเกียวขึ้นใหม่ เป็น Neo Tokyo เพราะความโกลาหลจากเทคโนโลยีของยุคสมัย หรือ Cobra ที่มีอาชีพสลัดอวกาศ และถึงกับมีนักล่าฆ่าหัวเป็นอาชีพปกติ ในยุคที่มนุษย์ห่างไกลจากอดีตกาลของโจรสลัดมาไกลมาก ในอนิเมะเรื่อง Cowboy Bebop เองก็มีอาชีพนี้ด้วยเหมือนกัน 

แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างของความเป็นโลก Cyberpunk คือภาพความเหลื่อมล้ำของสังคมอย่างชัดเจน และจะต้องถูกเสนอด้วยภาพของแบบความความกลียุคสุด ๆ สวนทางกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างเต็มที่ทุกครั้ง กลายเป็นยุคที่เอื้อให้ชนชั้นเดียวร่ำรวยผิดปกติและมีชีวิตที่หรูหราสบายเหนือผู้ใด ในขณะที่ชิวิตของชนชั้นกลางปากกัดตีนถีบ ค่อย ๆ ถูกผลักลงไปอยู่ชั้นล่าง และบีบให้กลายเป็นคนชายขอบของสังคมในที่สุด จนมีคำพูดที่ว่า “High tech Low life.” ออกมาใช้นิยามยุคนี้กันเลย เรียกว่าเป็นโลก Dystopia ในอีกรูปแบบโดยสมบูรณ์ ซึ่งถ้าบอกว่าเป็นเหตุหลักที่ทำให้ลูซี่อยากหนีไปอยู่บนดวงจันทร์ก็ไม่ผิดนัก เพราะเธอถึงกับเรียกสถานที่ที่ตัวเองอยู่ว่า ‘นรก’


ความเป็น ‘หญิง’ ของดวงจันทร์

‘ดวงจันทร์’ เป็นสิ่งที่มักถูกเปรียบเทียบกับความเป็นเพศหญิงมาเสมอตั้งแต่ในอดีต หนึ่งในตัวอย่างที่น่าจะชัดที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องของ ‘หยิน-หยาง’ ซึ่งตัว ‘หยิน’ มีความหมายถึงพลังแห่งดวงจันทร์และเป็นตัวแทนแห่งสตรี ในขณะที่ ‘หยาง’ เป็นพลังแห่งพระอาทิตย์และเป็นตัวแทนของบุรุษ แต่ไม่แค่นั้น การหมุนครบตัวเอง 1 รอบของดวงจันทร์ที่ใช้เวลาประมาณ 29 วัน ก็สอดคล้องกับการมาของประจำเดือนของผู้หญิง ซึ่งโดยส่วนมากที่ใช้เวลา 28 วันอีกด้วย   

ในแง่หนึ่งดวงจันทร์เองก็อาจจะเปรียบได้ว่าเป็นตัวของลูซี่เอง ในความเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ไปจนถึงบุคลิกอันเงียบสงบเยือกเย็นของเธอก็ให้ความรู้สึกเดียวกันกับเวลาที่เราแหงนหน้ามองดูพระจันทร์ และถึงแม้เธอจะพึ่งพาตัวเองได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ต้องพึ่งใครตั้งแต่หนีออกจาก Arasaka ในตอนเด็ก แต่เมื่อได้รู้จักกับความรัก เธอก็ต้องการให้เดวิดมาอยู่ข้างกัน และความต่างที่เดวิดเป็นคนมุทะลุไม่คิดหน้าคิดหลังนี้เอง ยิ่งชัดเจนว่าเขาคือดวงอาทิตย์ หากลูซี่ขาดเดวิดไป ก็ไม่มีแสงอาทิตย์ที่ส่องแสงให้ดวงจันทร์ และหากเดวิดขาดลูซี่ไป เขาก็อาจจะแผดเผาตัวเองจนมอดไหม้ได้ในที่สุด จนเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอต้องการให้แสงอันแสนอันตรายต่อชีวิตของดวงอาทิตย์สาดส่องใส่ตัวเอง      

“ลูซี่อาจจะหลงใหลในดวงจันทร์ สิ่งที่ซึ่งทำให้เธอคิดถึงตัวของตัวเอง ในแง่ของการรอคอยใครอีกคนมาเติมเต็มแสงสว่างในชีวิตให้กันและกันก็เป็นได้”


ดวงจันทร์ที่ผันแปรต่ออารมณ์

การเจอกันครั้งแรกบนขบวนรถไฟฟ้าระหว่างเดวิดกับลูซี่ นำไปสู่ความรู้สึกบางอย่าง จนเธอตัดสินใจชวนให้เดวิดไปที่ห้องของตัวเอง พร้อมพาไปสัมผัสโลกจำลองบน ‘ดวงจันทร์’ ด้วยกัน ที่แม้ภายหลังจะเป็นการหลอกลวงของลูซี่เพื่อเอาซอฟต์แวร์สำคัญของเรื่องที่ชื่อ Sandevistan บนตัวของเดวิด แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะบนดวงจันทร์ของทั้งคู่ก็เป็นของจริง .. 

ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีงานวิจัยที่ชี้ชัดในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เป็นข้อถกเถียงกันมาโดยตลอด ว่าพลังของแสงจากดวงจันทร์ ที่มีผลต่อปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลงตามธรรมชาติ ก็ส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ ที่ภายในร่างกายประกอบด้วยน้ำ 70% ด้วยเช่นกัน  

และเพราะความลึกลับของดวงจันทร์ที่มนุษย์ยังค้นพบไม่รอบด้านนี้เอง อาจจะเป็นอีกส่วนที่ทำให้ลูซี่หลงใหลในส่วนที่ว่าดวงจันทร์อาจจะเคยส่งผลกระทบกับเธอมาแล้ว ในตอนที่ได้ขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ (จำลอง) ครั้งแรกกับเดวิด มันเปลี่ยนอารมณ์ที่เคยหม่นหมองมาตลอดของเธอ ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่ถึงแม้ลูซี่จะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ว่ารู้สึกอย่างไร เธอก็ถึงกับพูดถึงความรู้สึกของการขึ้นมาดูดวงจันทร์ในครั้งนั้นออกมาเองเลยว่า “เพิ่งเคยทำแบบนี้กับคนอื่นเป็นครั้งแรกเลยนะ”   


“ขอโทษด้วยนะ ที่ไปดวงจันทร์ด้วยไม่ได้แล้ว”

ในตอนท้ายสุดของเรื่อง เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ผ่านตัวเธอไปมากมายอย่างรวดเร็วหลังจากที่ได้เจอกับเดวิด และแล้วลูซี่ก็ได้ขึ้นไปบนดวงจันทร์จริง ๆ สักที ระหว่างที่ขบวนกระสวยอวกาศค่อย ๆ ทะยานขึ้นไป สีหน้าของเธอได้บ่งบอกถึงความตายจากข้างในอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าเธอกลับไปเป็นตัวเองก่อนเจอเดวิดอีกครั้งนึง 

แต่ทว่า เมื่อได้ขึ้นไปเหยียบพื้นผิวบนดวงจันทร์ ซึ่งเคยทำได้เพียงเหยียบในภาพจำลอง 4 มิติมาโดยตลอด มันทำให้เธอ Flash Back กลับไปในช่วงเวลาบนดวงจันทร์ (จำลอง) ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของตัวเอง ซึ่งมีเดวิดอยู่ในนั้น และตรงนั้นเอง ลูซี่ได้เข้าใจทันที ที่เธอเคยบอกกับเดวิดไปว่าไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษกับการฝันอยากขึ้นมาอยู่บนดวงจันทร์สักครั้งนั้นไม่จริงเลย นี่คือสถานที่ที่มีความหมายต่อชีวิตของเธอตลอดมา และการที่ดวงจันทร์มีความหมายนั้น เป็นเพราะว่ามีใครบางคนที่รักได้ฝากความทรงจำเอาไว้ร่วมกันในสถานที่แห่งนี้ 

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line