DON’T MESS WITH ME! YouTube เตรียมลงโทษเด็ดขาดกับ YouTuber เสนอสื่อไม่สร้างสรรค์

ช่วงปีที่ผ่านมาถือว่ามีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับ YouTuber หลายเคสอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Pewdiepie กับกรณีสุดอ่อนไหวอย่างเรื่องยิวและนาซี หรือจะเป็น Logan Paul กับรายการเรียลลิตี้ที่พบศพในป่าของญี่ปุ่นแบบไม่เซ็นเซอร์ ล่าสุดของไทยก็มีข่าวเด็กน้อยแคสเกมแต่ดันเอามีดออกมาขู่เพื่อนร่วมทีม โดยไม่แคร์ว่าภาพจะออกไปสู่สายประชาชนสักนิด ก่อนสถานการณ์จะเละเทะไปกว่านี้ YouTube จึงออกมากำหนดมาตรการลงโทษผู้ที่ผลิตสื่อที่มีความรุนแรงและไม่สร้างสรรค์ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของ YouTube ไม่ให้เหลวเป๋วไปกว่านี้

CEO Susan Wojcicki กล่าวว่า “YouTube ต้องการสิ่งที่ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อควบคุมสื่อที่รุนแรงในทุกกรณี” เดือนนี้เราจำเป็นต้องมีมาตรการและบทลงโทษที่เข้มงวดขึ้นกว่าแต่ก่อน เพื่อไม่ให้ YouTube กลายเป็นแหล่งของสาเหตุความรุนแรงในวงกว้าง โดยแชแนลที่ทำตามกฎและความถูกต้องก็จะสามารถสร้างรายได้จากการโฆษณาบนแชแนลได้เหมือนเดิม เหมือนกับ Google และ YouTube ที่เป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีต่อกันมาเสมอ เพราะการผลิตสื่อออกสู่สังคม สิ่งที่สำคัญคือความรับผิดชอบต่อสังคมและรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราเผยแพร่ออกไป

YouTuber VS YouTube

เมื่อ YouTube ยังต้องการผู้ผลิตสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ได้ลงโฆษณาและมีรายได้จากโฆษณาบนคลิปเหล่านั้น และ YouTuber ก็ยังต้องการพื้นที่ให้ได้แสดงผลงานคอนเทนต์ของตัวเอง แม้ปัจจุบันจะมีเว็บไซต์อื่นให้ได้ใช้ แต่ว่าแบรนด์ที่แข็งแกร่งอย่าง YouTube ก็ยังคงเป็นอับดับหนึ่งของวงการอยู่ดี จึงทำให้ทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

แต่เมื่อตาชั่งเอียง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดทำตัวไม่แคร์อีกฝ่ายขึ้นมา ก็จะเกิดเหตุการณ์วุ่น ๆ แบบในปีที่แล้ว อาจจะมีเสียงก่นด่าจากเหล่าแฟนคลับบ้าง ต่อกรณีบทลงโทษของ YouTuber ที่ก่อเรื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่ YouTube ทำไปแล้วยิ่งได้คะแนนจากคนทั่วไปในภาพรวม นั่นคือ “ความรับผิดชอบต่อสังคม” ที่เจ้าตัว YouTuber เองหลงลืมไป จึงได้มีคอนเทนต์ที่ไม่ค่อยจะสร้างสรรค์ออกมา โดยไม่สนใจว่าตัวเองมีผู้ติดตามเป็นกลุ่มคนที่สุ่มเสี่ยงต่อการเลียนแบบพฤติกรรมแบบผิด ๆ หรือเปล่า หรือเมื่อเกิดกระแสแล้วคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คนที่ถูกพาดพิงเข้ามาจะรู้สึกอย่างไร นั่นทำให้ YouTube ไม่อาจนิ่งเฉยได้

เห็นได้ว่าแบรนด์ใหญ่อย่าง YouTube ที่ยังคงอยู่มาถึงวันนี้ได้ และยังไม่มีทีท่าว่าจะมีอะไรมาล้มได้นั่นเป็นเพราะความรับผิดชอบต่อสังคม ที่ยังเป็นข้อสำคัญต่อการควบคุมสื่อที่อยู่ในมือของตน โดยไม่ได้คำนึงแต่ยอดวิวและรายได้จากการโฆษณานั่นเอง ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมยังคงเป็นหัวใจสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันเสมอ แม้ว่าบางคนจะไม่เห็นคุณค่าของมันเลยก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เขาได้รับบทเรียนอันแสนสาหัสเช่นกัน