The Power of the Doodle : เห็นวาดมั่วๆ แต่ทำให้ชีวิตคุณดีได้โดยไม่รู้ตัว

คุณเคยโดนเจ้านายมองหน้าขณะที่คุณนั่งอยู่ในห้องประชุม หรือโดนคุณครูทำโทษในชั้นเรียน จากการที่คุณนั่งขีดเขียนภาพต่างๆ ลงกระดาษอยู่บ้างรึเปล่า? มีหลายคนที่เคยถูกตำหนิจากการกระทำดังกล่าว ในทำนองที่ว่า เอาแต่นั่งวาดรูป ไม่ให้ความสนใจในเรื่องการงานที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่ หรือ ถ้าเป็นสมัยตอนเรียก ก็จะโดนตำหนิว่า ไม่สนใจสิ่งที่คุณครูกำลังสอน เหมือนกับสมาธิหลุดไปจากสิ่งรอบข้าง เอาแต่นั่งวาดอะไรก็ไม่รู้ มั่วซั่ว เรื่อยเปื่อย ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นศิลปอย่างนึง ที่มีชือว่า Doodle Art ที่ขอเพียงแค่มีกระดาษกับปากกา ก็สามารถทำมันได้แล้ว บางคนวาดมันลงในหนังสือเรียน หรือสมุดจดงานด้วยซ้ำไป แค่คุณรู้หรือไม่ว่า การวาดรูปที่ดูเรื่อยเปื่อย มั่วซั่ว และบางครั้งดูไม่ออกด้วยซ้ำว่า เป็นรูปอะไร เหล่านี้ มีข้อดีซ่อนไว้อยู่เพียบ

มีการวิจัยหลายตัวได้บอกเอาไว้ว่า การวาด Doodle นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญระหว่าง ความฟุ้งซ่าน กับ สมองส่วนที่ใช้ในการจดจำ และความคิดสร้างสรรค์ โดยการวาดนี้ เป็นเหมือนวิธีการระบายออกของความคิดที่ฟุ้งอยู่ในหัว ซึ่งส่งผลให้สมองมีพื้นที่ในการจดการจำมากขึ้น มีบริษัทใหญ่ๆ หลาย บริษัทที่ได้นำเอา Doodle มาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาพนักงานในองค์กร ยกตัวอย่างเช่น Dell, Zappos รวมไปถึง Disney ที่ให้พนักงานได้วาด Doodle ตลอดในการทำงาน

Sunni Brown ผู้ที่มีชื่อเสียง เธอเป็นทั้ง Author, Speaker, Trainer, Coach และ Expert Meeting Facilitator อีกทั้งยังมีชื่ออยู่ใน “100 Most Creative People in Business” เคยนำเอาเรื่องราว และประโยชน์ของการวาดภาพเรื่อยเปื่อยของ Doodle ไปพูดใน TED Talk ของเธอมาแล้ว “ฉันอยากเล่าเรื่องของฉันให้คุณฟัง ฉันใช้เวลาอย่างมาก เพื่อสอนผู้ใหญ่ให้ใช้ภาษาภาพ และวาด Doodle ในที่ทำงาน และก็เป็นธรรมดา ที่ฉันได้รับแรงต่อต้านมากมาย เพราะมันถูกมองว่าเป็นแนวคิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการใช้ภูมิปัญญา และขัดแย้งกับการเรียนรู้อย่างจริงจัง แต่ฉันไม่เชื่ออย่างนั้น เพราะฉันรู้ดีว่าการวาดรูปเล่นเรื่อยเปื่อยมีผลกระทบอย่างลึกซึ้ง ต่อความสามารถในการประมวลข้อมูลของเรา และต่อการคิดแก้ปัญหาต่างๆ”

และเมื่อไม่นานมานี้มีงานวิจัยเกี่ยวระบบประสาท และจิตวิทยาได้ยืนยันออกมาว่า คนที่วาด Doodle อยู่เป็นประจำ จะมีความคิดสร้างสรรค์ที่สดใหม่กว่า รวมไปถึงความสามารถในการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมีสมาธิได้ในระยะเวลาที่นานกว่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีผลการค้นคว้าจาก Lancet Journal ในปี 2011 ได้พูดถึงข้อดีอื่นๆ ของมันด้วยเช่นกันว่า “โดยทั่วไป สมองของคนปกติที่ได้วาด Doodle จะย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีตได้ช้ามาก หรืออาจจะจำไม่ได้เลย แต่สำหรับคนที่วาด Doodle พวกเค้าสามารถนึกมันออกได้เร็วกว่า และจดจำเรื่องราวได้มากว่าคนเหล่านั้นถึง 29%”

Why Doodle.

จากเนื้อหาที่เราได้เขียนเกริ่นมาทั้งหมด คุณจะเห็นได้ว่า ทุกผลการวิจัยต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า มันสามารถช่วยพัฒนาระบบความจำของคุณได้ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ,ช่วยเพิ่มสมาธิ และการ Focus ในสิ่งใดสิ่งนึง รวมไปถึงการพัฒนาในด้านความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย โดยมีการอธิบายเอาไว้ว่า “เมื่อจิตใจคุณเริ่มที่จะมีความเชื่อมโยงกับภาษาภาพ มันจะเป็นการเปิดโหมดเข้าถึงระบบประสาท ซึ่งมันไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในภาษาพูด”

1.Doodling helps you focus.

อย่างที่ Sunni Brown ได้บอกไว้ คุณสามารถทำมันได้ไม่ว่า จะเป็นในห้องประชุม หรือขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์ มันจะช่วยให้คุณสามารถ Focus กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้ยาวนานขึ้น โดยให้คุณวาดในสิ่งคุณกำลังได้ยิน หรือกำลังคิดอยู่ ในระหว่างการประชุม เพราะมันจะทำให้คุณมีไอเดียใหม่ๆ ที่อาจจะสอดคล้องกับงาน และไม่ทำให้คุณเรื่องราวการประชุมทั้งหมดในภายหลังอีกด้วย

2.Doodling helps find solutions to problems.

การวาด Doodle เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการที่จะไปกระตุ้นสมอง ในส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน โดยมันเป็นเหมือนเปิดจุดเชื่อมต่ของสมองแต่ละจุด ให้ทำงานอย่างเชื่อมโยงกัน จึงทำให้การวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ที่มีความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องใช้ความคิดแก้ปัญหายากๆ คุณจะรู้ได้เลยว่า มันสามารถช่วยให้คุณเห็นภาพของปัญหา พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงทางออกได้เป็นช็อตๆ ได้อย่างชัดเจน

3.Doodling can help you better deal with challenges.

ในบางครั้ง การทำธุรกิจ หรือโปรเจ็คขนาดใหญ่ที่มีความท้าทายสูง อารมณ์ของตัวเรา ก็เป็นสิ่งสำคัญ เมื่ออารมณ์ไม่ได้อยู่ในช่วงที่พร้อมที่สุด มันอาจจะถ่วงให้ความคิดของคุณล่าช้า หรืออาจจะทำให้ Focus ของคุณหลุดออกไปจากสิ่งที่ทำอยู่ทันทีอย่างไม่ควรเกิด เมื่อเกิดเหตุการแบบนี้ Doodle สามารถช่วยควบคุมมันได้ โดยให้คุณสละเวลานั่งขีดๆ เขียนๆ สิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่ ถ่ายทอดมันออกมา มันจะทำให้คุณสบายใจ ผ่อนคลาย และพร้อมจะกลับไปเจอเผชิญกับความท้าทายอีกครั้ง

When to Doodle.

คลาสเรียน หรือในการประชุมที่มีการ Presentation เป็นเวลาที่ดีอย่างยิ่งในการวาด Doodle เพราะ เราสามารถใช้มันเป็นการจดบันทึกได้ในรูปแบบภาษาภาพ ในขณะที่เราฟังไปด้วยอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังทำให้เราเรียนรู้ และเข้าใจกับสิ่งที่เราได้ยินผ่านหูได้ลึกซึ้งกว่า เพียงการเขียนเป็นตัวหนังสือแบบผ่านไปเฉยๆ โดยเฉพาะการบันทึก Key Words สำคัญๆ เป็นรูปภาพ ที่สามารถกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Process Map แต่แขนงออกไปได้อีกมากมาย

Where to Doodle.

Sunni Brown เคยบอกไว้ การทำ Doodle นั้น สามารถทำได้ทุกที่ “ตอนที่ฉันทำงานในบริษัท ห้องทำงานของฉันเกือบ 80% เป็นสีข้าวโล่งๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่บริษัททำเอาไว้ในตอนแรก แต่เป็นสิ่งที่ฉันเรียกร้องไป” นี่ไม่ใช่เป็นเพียงการ ปลดล็อคความรู้สึกของ CEO ให้ย้อนกลับไปเป็นเด็กเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องของสภาพแวดล้อม ที่สร้างขึ้นเพื่อการพัฒนา และเรียนรู้อีกด้วย ดังนั้นทุกๆ ที่ จึงเป็นเหมือนกระดาษให้ ทุกคนได้วาด ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน, เก้าอี้, ผนังกำแพง และพื้น สรุปว่า วาดได้ทุกที่ที่คุณสามารถวาดได้นั้นแหละ

How to Doodle.

ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องวาดรูปสวย หรือวาดต้นไม้ และวัว ออกมาเหมือนของจริงเป๊ะทุกอนู Doodle เป็นเหมือนอีกภาษานึง มันไม่มีผิด และถูก เราไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนวิชาศิลปะ ยกตัวอย่างฉัน ที่จะมีการวาดหลักๆ อยู่ 12 แบบ ที่มีความหมายรู้ได้ทันที เมื่อฉันเห็นมัน เช่น จุด, สามเหลี่ยม, ก้อนเมฆ, เส้นตรง และเส้นม้วน เมื่อคุณเริ่มมีภาษาภาพเป็นของตัวเองแล้ว การเขียนเป็นคำๆ ของคุณก็จะเริ่มถูกสัญลักษณ์เหล่านี้เข้ามาทดแทน ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นรูปวาดได้ แต่ที่สำคัญคือ ไม่ต้องกังวลว่ามันจะสวยไม่สวย หรือเหมือนไม่เหมือน มันคือ Doodle ของคุณ มันจะช่วยทำให้คุณได้เห็นสิ่งที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน

SOURCE