Business

ข้อเสียของการรีบเป็น Freelance ก่อนอายุ 30 จากประสบการณ์จริง

By: Chaipohn October 6, 2015

สมัยนี้ใครๆก็อยากเป็นนายตัวเอง เป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่อยากเป็นพนักงานออฟฟิศที่ต้องเข้าทำงานแต่เช้า เลิกงานค่ำซ้ำๆกันทุกวัน มันไม่เท่ มันไม่ใช่ และกลุ่มที่มีความเชื่อแบบนี้เป็นจำนวนมากต้องยกให้เหล่าเด็กจบใหม่ทั้งหลาย ผู้มีแนวคิดนี้ตั้งแต่ช่วงปลายมหาวิทยาลัย พอเรียนจบปุ๊ปก็เลือกเดินทางสาย Freelance ทันที หรืออาจจะทำงานบริษัทสัก 1-2 ปีพอเป็นพิธี ด้วยความมั่นใจที่มีมาก ทำให้จำนวน Freelance มีมากขึ้นเรื่อยๆ อันจะสุงเกตุได้จากจำนวนคนที่ถือ laptop ไปนั่งร้านกาฟ คนที่นั่งทำงานใน Co-Working Space และถ้าใครเป็น HR หรือเป็นเจ้าของบริษัทจะรู้ว่าการหาพนักงานใหม่เป็นอะไรที่ยากราวกับงมเข็มในมหาสมุทร

แน่นอน มันเป็นเรื่องที่ดี ที่คนเราอยากเป็นนายตัวเอง เพียงแต่จุดที่เราจะพูดต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เราสัมผัสมาโดยตรง จากการทำงานร่วมกับ Freelance วัยต่ำกว่า 30 มาเป็นจำนวนมากมายหลายคน ทำให้เราเห็นจุดอ่อนเดียวกันจนมั่นใจและนำมาทำเป็นบทความเพื่อให้เหล่า Freelane ได้นำไปปรับปรุง ย้ำอีกครั้งนะครับว่าเราไม่ได้บอกว่าการเป็น Freelance มันไม่ดี เพียงแต่อยากให้พัฒนาจนได้คุณภาพที่สุดยอดจริงๆ ดีกว่าใจร้อนใจเร็วแล้วต้องเจ็บตัวในระยะยาว

 

151006-freelancebefore30-3

ประสบการณ์น้อย ความมั่นใจมาก

สิ่งที่ Freelance อายุน้อยมักจะขาดกันก็คือประสบการณ์ ด้วยอายุและโอกาสในการทำงานทำให้ผ่านประสบการณ์มาน้อย สิ่งที่การทำโปรเจคในมหาวิทยาลัย และการดีลงานกับตาสีตาสา ธุรกิจขนาดเล็กๆไม่มีให้นั้นนับไม่ถ้วน เช่นความคาดหวังของลูกค้าจากเงินที่จ่ายไป Freelance หลายคนเคยมั่นใจว่าเก่งมากแล้ว แต่พอเจอกับการแข่งขันในสังคมจริง จะพบกับคุณภาพที่ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ๆติดกันตรึม ส่วนตัวเองอาจรับได้แค่งานขนาดเล็กๆ ชิ้นละไม่กี่พันบาท

แต่การทำงานในบริษัทใหญ่หลายๆปีก่อนจะออกมาเป็น Freelance จะช่วยทำให้คุณรู้ว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง มีตัวช่วยอะไรบ้าง ช่วงนี้เทรนด์ลูกค้าเป็นอย่างไร ต้องขายงานลูกค้าอย่างไร ต้องมีความรับผิดชอบมากแค่ไหน มีขั้นตอนการเข้าหาเสนอตัวหรือ pitching รวมถึง connection กับคนในวงการที่จะทำให้เหล่าเอเจนซี่รู้จักมักจี่ ซึ่งจุดนี้เรามองว่าการเข้าไปทำงานให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในบริษัทต่างๆ ได้แสดงฝีมือให้ลูกค้าได้เห็น ได้มีชื่อให้เป็นที่รู้จักนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยนะครับ

 

151006-freelancebefore30-2

ลูกค้าผู้น่ารักตัวจริง ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้สตั้น

การทำโปรเจคในมหาวิทยาลัยมักจะมีเวลาในการทำงานยาวนานหลายเดือน หรือการรับงานจากลูกค้ารายย่อมๆ มักจะเป็นโจทย์ที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อนในการผลิตชิ้นงานมากนัก อย่างมากก็หนักใจตรงการออกแบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า แต่ความโหดร้ายของลูกค้ารายใหญ่ในโลกแห่งความจริงนั้น คุณจะต้องเจอกับ timeline การทำงานที่บรีฟเช้าเอาบ่าย แก้สาย เอาเย็น หรือการทำงานที่มีรายละเอียดซับซ้อน บนความไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรของลูกค้า ต้องตีโจทย์เอาเอง ต้องเข้าใจ CI แบรนด์คาแรคเตอร์และอีกสารพัด

แถมยังต้องเสี่ยงกับลูกเล่น ความเจ้าเล่ห์ของลูกค้าบางราย ความโหดร้ายของการไม่จ่ายตังค์ ชักดาบอย่าเลือดเย็น การโดนยกเลิกงานในนาทีสุดท้าย หรือโดนเอาไอเดียที่เราคิดไปใช้เอง ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นรายวัน ดังนั้นถ้าคุณไม่เคยผ่านจุดนี้มา คุณจะเหมือนคนไม่มีภูมิต้านทานและความอึด และอาจท้อแท้ชีวิตถึงขนาดเลิกทำไปเลยก็ได้

 

151006-freelancebefore30-1

ทีมที่ดี ถ้ามีพร้อมจะช่วยให้ได้งานขนาดใหญ่ง่ายขึ้น

การเป็น Freelance ทันทีโดยไม่เคยผ่านสังคมการทำงานในบริษัทใดๆมาก่อน จะทำให้คุณไม่มีเพื่อนร่วมงาน คุณก็จำสามารถทำงานได้เฉพาะด้านที่คุณถนัด ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง Freelance มาแล้ว ถ้าคุณเป็น Freelance Designer ตัวคนเดียว ในชีวิตจริงคุณจะไม่มีคนหางานมาส่งให้ถึงบ้านอย่างน้องเจ๋ แล้วคุณจะหางานยังไง เทียบกับจำนวน Freelance ที่มีอยู่มหาศาล ถ้าคุณสามารถรวมตัวทำงานกับเพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน มีครบทุกหน้าที่ก็ดีไป

แต่ถ้ารีบมาทำแบบฉายเดี่ยว คิดว่าทำคนเดียวย่อมได้เต็ม ๆ ก็เสี่ยงที่จะเป็นคนโลกแคบ ไม่มีสังคม พอมีคนจะโยนงานที่ต้องใช้ความสามารถด้านอื่นๆด้วยก็จะมีปัญหา เช่นถ้าเราอยากให้คุณทำ website ให้หน่อยแบบครบวงจรเลย แล้วคุณเป็นแค่ graphic designer ที่ไม่มีความรู้เรื่อง UI / UX, Programming, Server Engineer, Developer, Strategist คุณก็จะพลาดงานนี้ไปอย่างน่าเสียดาย จะไปจ้างคนอื่นก็ต้องแบกรับความเสี่ยงในด้านฝีมือและความรับผิดชอบของคนเหล่านั้นไปด้วย รวมถึงราคารวมที่จะสูงจากการโดนชาร์จหลายต่อ ต้องเก็บความลับลูกค้าไม่ให้คนอื่นรู้ถ้าไม่อยากเสี่ยงโดน “ตุ๋ย” แย่งลูกค้าอีก หรือต่อให้ทำงานแต่งแค่ไหน แต่ไม่มีคนขายของ ก็จบข่าว

ทำงานในบริษัทสักหลายๆปีก่อนจะเริ่มเป็น Freelance อย่างน้อยคุณยังสามารถรวมตัวได้ รู้ว่างานไหนต้องใช้ใคร เผลอๆพอมั่นใจออกมาเปิดพร้อมกันเป็นทีม one-stop service ก็ยังได้

 

151006-freelancebefore30-4

Management Skill สำคัญกว่าทุกอย่างในการทำงาน

แม้คุณจะฝึกฝีมือด้านต่างๆได้สุดยอดขนาดไหน แต่คุณจะไม่สามารถฝึก Management Skill ได้จากการดูคลิป How To หรือการอ่านหนังสือชวนฝันว่าอ่านจบแล้วจะเป็นผู้บริหาร ตราบใดที่คุณยังไม่เคยคุมคนจำนวนมากๆแบบ Group Head หรือ Managing Director คุณจะไม่มีทางได้รับประสบการณ์เลยว่าการบริหารงาน บริหารคน บริหารลูกค้า บริหารเงินในบริษัทมันน่าปวดหัวแค่ไหน

ตัวผู้เขียนเองตอนแรกก็เคยสบประมาทเหล่าพี่ๆ ในบริษัทที่เคยทำงานมา ว่าไม่เห็นจะเก่งสมตำแหน่ง ถ้าทำได้แค่นี้ ตัวเราเองก็น่าจะทำได้ง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วเหล่า Director ต้องมีความรับผิดชอบเยอะมาก โดยเฉพาะด้านที่เหล่า Junior – Middle leve และคนทำ operation มองไม่เห็น เช่น Group Billing, New Business hunting, และอีกสารพัด

อีกประเด็นคือการเป็น Freelance ส่วนใหญ่ทุกคนก็จับงานตรงหน้าให้ได้ก่อน อยากได้เงินเยอะๆ งานอะไรเข้ามาก็อยากจะรับไว้ให้หมด สุดท้ายก็บริหารเวลาไม่ได้ ทั้งเรื่องงาน ส่งงาน และเรื่องส่วนตัว ไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหน และสุดท้ายก็ขาดคุณสมบัติที่สำคัญๆในการขยับขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น ย้ำค้างอยู่กับความเป็น Freelance ไปเรื่อยๆ

นี่แค่ส่วนหนึ่งของประเด็นหลักๆที่เรามักจะพบในกลุ่ม Freelance จากประสบการณ์ทำงานจริง นี่ยังไม่รวมเรื่องการบริหารเงินหมุน เรื่อง credit term ลูกค้า ต้องมีการวางบิล นัดวันรอรับเช็คที่ใช้เวลาเป็นวันๆ สิ่งที่อยากจะแนะนำคือไม่ต้องรีบใช้ชีวิตอิสระนักก็ได้ อย่าให้หนัง ละคร เรื่องเพ้อฝันในหนังสือเร่งรวยจากหลายๆสำนักพิมพ์หรือภาพลวงตาใน Social Network มาเป็นตัวกระชากคุณออกจากเส้นทางที่ควรจะเป็น สิ่งที่เราเขียนอยู่นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและเราเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย ยังไงก็ขอให้ประสบความสำเร็จกันทั่วหน้าครับ

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line