FASHION

All Dress Shoes you should know รองเท้าหล่อใส่ได้ทุกโอกาส

By: Thada November 13, 2015

หลังจากช่วงเดือนที่ผ่านมาเราค่อนข้างโฟกัสไปที่แฟชั่นรองเท้า Sneaker และ Authentic shoes สะเยอะ ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจสาย Boutique สักเท่าไหร่ เพราะจริงๆ แล้วรองเท้าแบบ Dress shoes เราสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้มากกว่ารองเท้าผ้าใบ หรือ รองเท้ากีฬาเสียอีก

151113-shoes-12

แต่ในรองเท้าสไตล์ Dress shoes ดังนั้นก็มีมากมายหลายแบบซึ่งเราอยากจะมาแนะนำรองเท้าสาย Formal สำหรับการใส่ในโอกาสที่เป็นทางการ หรือร่วมกับชุดสูท เพื่อไว้ชาว Unlockmen เวลาที่ไปเลือกซื้อจะได้บอกร้านรองเท้าได้ว่าอยากได้รองเท้าแบบไหน เพราะแต่ละแบบก็เหมาะสำหรับบางโอกาส และสถานการณ์ต่างกันไป อีกทั้งบางแบบก็เหมาะแค่กับบางชุดเท่านั้น

151113-shoes-13

Brogue shoe  

151113-shoes-4

รองเท้าสายคลาสสิค ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยต้นกำเนิดของเจ้ารองเท้า Brogue นั้นมาจากประเทศ สก๊อตแลนด์ และไอร์แลนด์ โดยจุดเด่นของรองเท้า Brogue คือที่ตัวรองเท้าจะมีลายฉลุ เป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งไอ้เจ้าฉลุต่างๆ เนี่ยมันมีไว้สำหรับระบายอากาศ และน้ำออก เพราะในสมัยก่อนรองเท้า Brogue คือรองเท้าที่ใส่ในชนบท ไว้เดินลุยแอ่งน้ำ แอ่งโคลน

แต่ภายหลังมันถูกนำมาใส่ร่วมกับเครื่องแต่งกายสำหรับคนเมืองกับสูท และดีไซน์ให้มีความเป็นทางการมากขึ้น อันที่จริงรองเท้า Brogue มีทรงแยกไปอีกเป็ร Full Brogue หรือเรียกว่า Wingtip แล้วก็มี Semi Brogue ที่มีความร่วมสมัยมากขึ้น

Cap Toe

151113-shoes-11

Cap toe เป็นรองเท้าในตระกูล Oxford เฉกเช่นเดียวกับ Brogue ส่วนจุดเด่นของ Cap toe ที่เห็นได้ชัดต่างจากรองเท้าตระกูล Oxford คู่อื่นๆ คือ ลายเส้นคาดขวางกับตัวรองเท้าในส่วนปลาย จึงทำให้รองเท้า Cap toe ไม่ค่อยมีรอยย่นเร็วเหมือนกับรองเท้าประเภทอื่น ที่ทำมาจากหนังเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเราเก็บรักษาดีๆรองเท้าประเภทนี้จะมีอายุการใช้งานนานมากๆ ซึ่งข้อดีของรองเท้าประเภทนี้ยังมีอีกอย่างคือ สามารถใส่ได้หลากหลายโอกาส ทั้งกางเกงสแล๊ก และสูท หรือจะใส่กับกางเกงยีนส์ก็ยังได้

Double Monk Straps

151113-shoes-10

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นรองเท้าสไตล์บาทหลวง ซึ่งมันได้ Out ไปจากตลาดไปสักพักนึงแต่มันก็ได้กลับมานิยมอีกครั้ง  ลักษณะเด่นของรองเท้า Monk shoes คือมันจะมีสายรัดสองเส้น ซึ่งทำให้ไม่ต้องใช้เชือกรองเท้า เหมาะกับการใส่ทั้งสูท และยีนส์อีกเหมือนกัน แต่ระดับความทางการของมันอาจจะไม่เท่ากับรองเท้าตระกูล Oxford

Derby shoes

151113-shoes-7

Derby หรืออีกชื่อว่า Gibson ขึ้นอยู่กับสไตล์การแต่งตัวของคนนั้น เป็นรองเท้าที่ tab หรือ กระดุมรูรอยเชือก ถูกเย็บติดไว้ให้มองเห็นได้จากด้านบน ซึ่งจะต่างกับรองเท้าประเภท oxford ที่ tabs ของมันจะถูกเก็บไว้ข้างใต้  ตามประวัติของรองเท้า Derby แล้วในช่วงปี 1850 คนนิยมไว้ใส่เดินป่า ล่าสัตว์ แต่ภายหลัง คนก็นิยมเอามาใส่ในเมือง

Penny Loafer

151113-shoes-9

รองเท้าสไตล์ Slip on ที่น่าจะฮิตในหมู่วัยรุ่นที่ Starter ทำงานมากที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วในอดีต รองเท้าที่มีความเป็นทางการน้อยที่สุด แต่ปัจจุบันก็เห็นผู้ชายหลายๆคน นิยมเอามาใส่กับสูทมากขึ้น รองเท้าสไตล์ Penny Loafer จริงๆแล้วคือสัญลักษณ์ของสไตล์ Preppy ของชาวอเมริกัน ถ้าคิดภาพไม่ออกว่าสไตล์ Preppy เป็นยังไง จิตนาการ กางเกง Chino + เสื้อ Oxford + เสื้อ Blazer

สาเหตุที่รองเท้าแบบนี้ชื่อ Penny Loafer เพราะวัยรุ่นอเมริกันสมัยก่อนนิยมเอาเหรียญ 10 cent ซ่อนไว้ใต้รองเท้าเพื่อยอดตู้โทรศัพท์ หรือขึ้นรถบัสกลับบ้าน และรองเท้าแบบนี้เป็นที่นิยม เพราะง่ายต่อการใส่และถอด

Tassel Loafer

151113-shoes-5

Tassel Loafers  ก็เป็น Loafers อีกประเภทหนึ่งที่กลับมาได้รับความนิยมใน 3-4 ปีที่ผ่านมา จุดเด่นของมันก็คือ พู่ห้อยด้านหน้า ที่ทำให้รองเท้าโดยรวมดู soft ลง ดูมีความอ่อนช้อย ลดความแข็งของ Loafers ที่ดูดุดันจนเกินไป ขอบอกเลยว่า Tassel Loafers  เป็นรองเท้าที่นำมาใส่กับลุค casual แล้วทำให้ look โดยรวมของคุณดูมีสไตล์มากขึ้น โดยเฉพาะกับ Tassel ประเภทหนังกลับ ที่สามารถเอามาแต่งเป็นลุค Casual ได้อย่างลงตัว

Desert Boots

151113-shoes-6

มาถึงคิวรองเท้าบู๊ทหุ้มข้อกันบ้าง Desert Boots จริงๆ แล้วถูกผลิตเพื่อให้ทหารที่ไปรบในตะวันออกกลาง เพราะพื้นรองเท้าจะทำมาจากยางพารา ทำให้ช่วยในการเดินบนทะเลทรายได้สะดวก รวดเร็วขึ้น โดย Desert Boots ก็แบ่งย่อยเป็น Chukka boots ได้อีกซึ่งต่างกันที่ Chukka จะหุ้มข้อไม่สูงหนักถ้าเทียบกับ Desert

โดยจุดเด่นของรองเท้าคือ มีความแข็งแรง ทนทาน ดิบ เหมาะกับ Workwear ซึ่งรองเท้าประเภทนี้ไม่เหมาะกับการแต่งตัวเป็นทางการมากๆ เหมาะกับการใส่ยีนส์ ลุยๆจะทำให้ได้ลุค แมนๆ เท่ๆ

Chelsea Boots

 

151113-shoess-3

รองเท้า Boots อีกหนึ่งประเภทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเหมือนกัน โดยรองเท้า Chelsea Boots นั้นถูกผลิตในสมัย Queen Victoria ช่วงปี 1851 ที่ประเทศอังกฤษ โดยจุดประสงค์ที่ทำรองเท้าแบบนี้ออกมาเพื่อใช้ในการขี่ม้า และต่อมาก็ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวัน

จุดเด่นของเจ้า Chelsea Boots ก็คือเป็นบู๊ทแบบสวม ไม่มีเชือก ละจะมียางยืดบริเวณข้างเท้าเพื่อให้มีความยืดหยุ่นเวลาสวมใส่ รองเท้าประเภทนี้ถือว่าสามารถใส่ได้ทุกโอกาส จะใส่ลำลอง หรือร่วมกับสูทก็ดูเท่ สุดๆ

Boat Shoe

151113-shoes-8

Boat shoes หรือที่เรียกอีกอย่างว่า deckshoes  ถูกผลิตออกมาเพื่อไว้ใส่บนเรือ ทรงของรองเท้าถูกออกแบบมาเพื่อให้ยึดติดกับพื้นเรือ หนังก็จะถูกเคลือบให้กันน้ำ แต่พอมายุคหลัง ก็มีการพัตนาดีไซน์ และก็มีคนนำไปใส่กับชุด casual ทั่วๆ ไป จุดเด่นของมันคือ ความสบายและให้ความรู้สึก casual โดยส่วนมากแล้ว boat shoes จะไม่ใส่กับถุงเท้า

Driving shoes

151113-shoes-1

รองเท้าที่มีชื่อเรียกอีกแบบในบ้านเราว่า รองเท้าทรง Tod’s ซึ่งจริงๆแล้ว Tod’s เป็นแค่ชื่อยี่ห้อเท่านั้นเอง รองเท้า Driving shoes แบบนี้ถูกผลิตมาใส่เพื่อขับรถตามคุณสมบัติชื่อของมัน เพราะจุดเด่นของมันคืน จะมีปุ่มเล็กๆมากมายใต้พื้นรองเท้า และบางยี่ห้อก็มีมาจนถึงส้นเท้า ซึ่งไอ้ปุ่มๆเหล่านี้จะทำให้เกาะกับคันเร่ง เบรค หรือพื้นรถ ได้ดี และสำหรับรุ่นที่มีปุ่มตรงส้นเท้านั้น จะก็ทำให้วางส้นเท้าในลักษณะแนวตั้งระหว่างคันและแตะเบรคได้อย่างมั่นคง ซึ่งรองเท้าแบบนี้จะมีความเหมาะกับลุค  Casaul ที่ใส่กับเกางเกงยีนส์ หรือ Chinos ก็ได้ให้ความเป็น Sport นิด

Slippers

151113-shoes-2

โดย Slipper นั้นมีมากมายหลายแบบทั้งเรียกว่า Slip-on ในของ Sneaker แต่ที่เหมาะสำหรับกับการแต่งตัวแบบทางการมากที่สุดคือ Velvet Slippers ซึ่งทำมาจากกำมะหยี่ และมีลายปักอยู่ข้างหน้า ซึ่งเริ่มแรกแล้วเจ้า Slippers ถูกผลิตไว้ใส่เพียงในบ้าน แต่มันถูกพัตนาขึ้นมาเป็นรองเท้าลำลองที่สามารถใส่ได้ทั้งแบบทางการ และไม่ทางการ

โดยจริงๆ แล้วก็ยังมีรองเท้าประเภท Dress shoes อีกมากมายในตลาดรองเท้าที่เราไม่ได้กล่าวถึง เพียงแต่ที่เรากล่าวมาทั้งหมดก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อยๆ ซึ่งในแต่ละประเภทก็มีความคลาสสิค และ Story ของมันเอง ซึ่งราคาของรองเท้าประเภทนี้ ก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสน เราสามารถเลือกซื้อได้ตามกำลังทรัพย์ของเรา แต่เราแนะนำว่ารองเท้าประเภทนี้เลือกซื้อทั้งทีซื้อดีๆ ไปเลย เพราะส่วนใหญ่แล้วถ้าเราเก็บรักษาดีๆ เราจะสามารถใช้ได้ยันรุ่นลูกเลย เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าครั้งเดียวไปเลย

ที่มา Esquier

 

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line