FASHION
All Dress Shoes you should know รองเท้าหล่อใส่ได้ทุกโอกาส
By: Thada November 13, 2015 18726
หลังจากช่วงเดือนที่ผ่านมาเราค่อนข้างโฟกัสไปที่แฟชั่นรองเท้า Sneaker และ Authentic shoes สะเยอะ ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจสาย Boutique สักเท่าไหร่ เพราะจริงๆ แล้วรองเท้าแบบ Dress shoes เราสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้มากกว่ารองเท้าผ้าใบ หรือ รองเท้ากีฬาเสียอีก
แต่ในรองเท้าสไตล์ Dress shoes ดังนั้นก็มีมากมายหลายแบบซึ่งเราอยากจะมาแนะนำรองเท้าสาย Formal สำหรับการใส่ในโอกาสที่เป็นทางการ หรือร่วมกับชุดสูท เพื่อไว้ชาว Unlockmen เวลาที่ไปเลือกซื้อจะได้บอกร้านรองเท้าได้ว่าอยากได้รองเท้าแบบไหน เพราะแต่ละแบบก็เหมาะสำหรับบางโอกาส และสถานการณ์ต่างกันไป อีกทั้งบางแบบก็เหมาะแค่กับบางชุดเท่านั้น
Brogue shoe
รองเท้าสายคลาสสิค ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยต้นกำเนิดของเจ้ารองเท้า Brogue นั้นมาจากประเทศ สก๊อตแลนด์ และไอร์แลนด์ โดยจุดเด่นของรองเท้า Brogue คือที่ตัวรองเท้าจะมีลายฉลุ เป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งไอ้เจ้าฉลุต่างๆ เนี่ยมันมีไว้สำหรับระบายอากาศ และน้ำออก เพราะในสมัยก่อนรองเท้า Brogue คือรองเท้าที่ใส่ในชนบท ไว้เดินลุยแอ่งน้ำ แอ่งโคลน
แต่ภายหลังมันถูกนำมาใส่ร่วมกับเครื่องแต่งกายสำหรับคนเมืองกับสูท และดีไซน์ให้มีความเป็นทางการมากขึ้น อันที่จริงรองเท้า Brogue มีทรงแยกไปอีกเป็ร Full Brogue หรือเรียกว่า Wingtip แล้วก็มี Semi Brogue ที่มีความร่วมสมัยมากขึ้น
Cap Toe
Cap toe เป็นรองเท้าในตระกูล Oxford เฉกเช่นเดียวกับ Brogue ส่วนจุดเด่นของ Cap toe ที่เห็นได้ชัดต่างจากรองเท้าตระกูล Oxford คู่อื่นๆ คือ ลายเส้นคาดขวางกับตัวรองเท้าในส่วนปลาย จึงทำให้รองเท้า Cap toe ไม่ค่อยมีรอยย่นเร็วเหมือนกับรองเท้าประเภทอื่น ที่ทำมาจากหนังเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเราเก็บรักษาดีๆรองเท้าประเภทนี้จะมีอายุการใช้งานนานมากๆ ซึ่งข้อดีของรองเท้าประเภทนี้ยังมีอีกอย่างคือ สามารถใส่ได้หลากหลายโอกาส ทั้งกางเกงสแล๊ก และสูท หรือจะใส่กับกางเกงยีนส์ก็ยังได้
Double Monk Straps
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นรองเท้าสไตล์บาทหลวง ซึ่งมันได้ Out ไปจากตลาดไปสักพักนึงแต่มันก็ได้กลับมานิยมอีกครั้ง ลักษณะเด่นของรองเท้า Monk shoes คือมันจะมีสายรัดสองเส้น ซึ่งทำให้ไม่ต้องใช้เชือกรองเท้า เหมาะกับการใส่ทั้งสูท และยีนส์อีกเหมือนกัน แต่ระดับความทางการของมันอาจจะไม่เท่ากับรองเท้าตระกูล Oxford
Derby shoes
Derby หรืออีกชื่อว่า Gibson ขึ้นอยู่กับสไตล์การแต่งตัวของคนนั้น เป็นรองเท้าที่ tab หรือ กระดุมรูรอยเชือก ถูกเย็บติดไว้ให้มองเห็นได้จากด้านบน ซึ่งจะต่างกับรองเท้าประเภท oxford ที่ tabs ของมันจะถูกเก็บไว้ข้างใต้ ตามประวัติของรองเท้า Derby แล้วในช่วงปี 1850 คนนิยมไว้ใส่เดินป่า ล่าสัตว์ แต่ภายหลัง คนก็นิยมเอามาใส่ในเมือง
Penny Loafer
รองเท้าสไตล์ Slip on ที่น่าจะฮิตในหมู่วัยรุ่นที่ Starter ทำงานมากที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วในอดีต รองเท้าที่มีความเป็นทางการน้อยที่สุด แต่ปัจจุบันก็เห็นผู้ชายหลายๆคน นิยมเอามาใส่กับสูทมากขึ้น รองเท้าสไตล์ Penny Loafer จริงๆแล้วคือสัญลักษณ์ของสไตล์ Preppy ของชาวอเมริกัน ถ้าคิดภาพไม่ออกว่าสไตล์ Preppy เป็นยังไง จิตนาการ กางเกง Chino + เสื้อ Oxford + เสื้อ Blazer
สาเหตุที่รองเท้าแบบนี้ชื่อ Penny Loafer เพราะวัยรุ่นอเมริกันสมัยก่อนนิยมเอาเหรียญ 10 cent ซ่อนไว้ใต้รองเท้าเพื่อยอดตู้โทรศัพท์ หรือขึ้นรถบัสกลับบ้าน และรองเท้าแบบนี้เป็นที่นิยม เพราะง่ายต่อการใส่และถอด
Tassel Loafer
Tassel Loafers ก็เป็น Loafers อีกประเภทหนึ่งที่กลับมาได้รับความนิยมใน 3-4 ปีที่ผ่านมา จุดเด่นของมันก็คือ พู่ห้อยด้านหน้า ที่ทำให้รองเท้าโดยรวมดู soft ลง ดูมีความอ่อนช้อย ลดความแข็งของ Loafers ที่ดูดุดันจนเกินไป ขอบอกเลยว่า Tassel Loafers เป็นรองเท้าที่นำมาใส่กับลุค casual แล้วทำให้ look โดยรวมของคุณดูมีสไตล์มากขึ้น โดยเฉพาะกับ Tassel ประเภทหนังกลับ ที่สามารถเอามาแต่งเป็นลุค Casual ได้อย่างลงตัว
Desert Boots
มาถึงคิวรองเท้าบู๊ทหุ้มข้อกันบ้าง Desert Boots จริงๆ แล้วถูกผลิตเพื่อให้ทหารที่ไปรบในตะวันออกกลาง เพราะพื้นรองเท้าจะทำมาจากยางพารา ทำให้ช่วยในการเดินบนทะเลทรายได้สะดวก รวดเร็วขึ้น โดย Desert Boots ก็แบ่งย่อยเป็น Chukka boots ได้อีกซึ่งต่างกันที่ Chukka จะหุ้มข้อไม่สูงหนักถ้าเทียบกับ Desert
โดยจุดเด่นของรองเท้าคือ มีความแข็งแรง ทนทาน ดิบ เหมาะกับ Workwear ซึ่งรองเท้าประเภทนี้ไม่เหมาะกับการแต่งตัวเป็นทางการมากๆ เหมาะกับการใส่ยีนส์ ลุยๆจะทำให้ได้ลุค แมนๆ เท่ๆ
Chelsea Boots
รองเท้า Boots อีกหนึ่งประเภทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเหมือนกัน โดยรองเท้า Chelsea Boots นั้นถูกผลิตในสมัย Queen Victoria ช่วงปี 1851 ที่ประเทศอังกฤษ โดยจุดประสงค์ที่ทำรองเท้าแบบนี้ออกมาเพื่อใช้ในการขี่ม้า และต่อมาก็ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวัน
จุดเด่นของเจ้า Chelsea Boots ก็คือเป็นบู๊ทแบบสวม ไม่มีเชือก ละจะมียางยืดบริเวณข้างเท้าเพื่อให้มีความยืดหยุ่นเวลาสวมใส่ รองเท้าประเภทนี้ถือว่าสามารถใส่ได้ทุกโอกาส จะใส่ลำลอง หรือร่วมกับสูทก็ดูเท่ สุดๆ
Boat Shoe
Boat shoes หรือที่เรียกอีกอย่างว่า deckshoes ถูกผลิตออกมาเพื่อไว้ใส่บนเรือ ทรงของรองเท้าถูกออกแบบมาเพื่อให้ยึดติดกับพื้นเรือ หนังก็จะถูกเคลือบให้กันน้ำ แต่พอมายุคหลัง ก็มีการพัตนาดีไซน์ และก็มีคนนำไปใส่กับชุด casual ทั่วๆ ไป จุดเด่นของมันคือ ความสบายและให้ความรู้สึก casual โดยส่วนมากแล้ว boat shoes จะไม่ใส่กับถุงเท้า
Driving shoes
รองเท้าที่มีชื่อเรียกอีกแบบในบ้านเราว่า รองเท้าทรง Tod’s ซึ่งจริงๆแล้ว Tod’s เป็นแค่ชื่อยี่ห้อเท่านั้นเอง รองเท้า Driving shoes แบบนี้ถูกผลิตมาใส่เพื่อขับรถตามคุณสมบัติชื่อของมัน เพราะจุดเด่นของมันคืน จะมีปุ่มเล็กๆมากมายใต้พื้นรองเท้า และบางยี่ห้อก็มีมาจนถึงส้นเท้า ซึ่งไอ้ปุ่มๆเหล่านี้จะทำให้เกาะกับคันเร่ง เบรค หรือพื้นรถ ได้ดี และสำหรับรุ่นที่มีปุ่มตรงส้นเท้านั้น จะก็ทำให้วางส้นเท้าในลักษณะแนวตั้งระหว่างคันและแตะเบรคได้อย่างมั่นคง ซึ่งรองเท้าแบบนี้จะมีความเหมาะกับลุค Casaul ที่ใส่กับเกางเกงยีนส์ หรือ Chinos ก็ได้ให้ความเป็น Sport นิด
Slippers
โดย Slipper นั้นมีมากมายหลายแบบทั้งเรียกว่า Slip-on ในของ Sneaker แต่ที่เหมาะสำหรับกับการแต่งตัวแบบทางการมากที่สุดคือ Velvet Slippers ซึ่งทำมาจากกำมะหยี่ และมีลายปักอยู่ข้างหน้า ซึ่งเริ่มแรกแล้วเจ้า Slippers ถูกผลิตไว้ใส่เพียงในบ้าน แต่มันถูกพัตนาขึ้นมาเป็นรองเท้าลำลองที่สามารถใส่ได้ทั้งแบบทางการ และไม่ทางการ
โดยจริงๆ แล้วก็ยังมีรองเท้าประเภท Dress shoes อีกมากมายในตลาดรองเท้าที่เราไม่ได้กล่าวถึง เพียงแต่ที่เรากล่าวมาทั้งหมดก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อยๆ ซึ่งในแต่ละประเภทก็มีความคลาสสิค และ Story ของมันเอง ซึ่งราคาของรองเท้าประเภทนี้ ก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสน เราสามารถเลือกซื้อได้ตามกำลังทรัพย์ของเรา แต่เราแนะนำว่ารองเท้าประเภทนี้เลือกซื้อทั้งทีซื้อดีๆ ไปเลย เพราะส่วนใหญ่แล้วถ้าเราเก็บรักษาดีๆ เราจะสามารถใช้ได้ยันรุ่นลูกเลย เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าครั้งเดียวไปเลย
ที่มา Esquier