Ease Cafe & Co-Working Space ย่านอารีย์ อบอุ่นเหมือนบ้าน และตอบโจทย์ทุกการพบปะ

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มองหาคาเฟ่ที่มีความเป็นกลางในเรื่องของการ Hangout นัดพบพูดคุยกับเพื่อนฝูง และสามารถใช้เป็นสถานที่ทำงานได้ด้วย แถมอยู่ในพื้นที่ที่เดินทางไปมาได้สะดวก เราเชื่อว่าสถานที่ที่เรานำมาฝากทุกคนวันนี้ จะต้องเป็นจุดนัดพบที่คุณต้องหลงรักเข้าอย่างจังแน่นอน “Ease Cafe & Co-Working Space”

Ease เป็นร้านคาเฟ่ที่ต้องใช้คำว่าครบวงจรจริงๆ เพราะภายในร้านนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นคาเฟ่ และส่วนที่เป็น Co-Working Space มาเริ่มกันที่ส่วนแรกก่อนก็คือ คาเฟ่ ในโซนของคาเฟ่จะตกแต่งให้มีพื้นที่แบบเรียบง่าย เน้นไปที่สีดำ ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ดูสะอาดตา สร้างบรรยากาศเหมาะที่จะสะสางงานที่คั่งค้างของคุณได้เป็นอย่างดี

คาเฟ่จะมีทั้งโซนหน้าเคาน์เตอร์เป็นเก้าอี้แบบทรงสูง มองเห็นวิวภายนอก แล้วก็มีโซนที่เป็นโต๊ะไม้ยาวสำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่ม รวมไปถึงโซนด้านนอกที่รองรับลูกค้าที่ต้องการสูบบุหรี่ ซึ่งประดับตกแต่งไปด้วยต้นไม้ให้ความร่มรื่นกำลังดี

ส่วนที่ 2 คือชั้นบนของตัวร้าน ที่ทำเป็น Co-Working Space เพื่อเอาใจคนที่ชอบทำงานนอกบ้าน และชาวฟรีแลนซ์ทุกคน รวมไปถึงคนที่ชอบหาแรงบันดาลใจอะไรใหม่ๆ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ และเหมารวมชากาแฟฟรี หรือใครจะสั่งน้ำจากข้างล่างขึ้นมาก็ไม่ว่ากันค่ะ ในส่วนของ Co-Working Space นั้นก็จะแบ่งออกเป็นสองโซนอีกเช่นกัน คือโซนที่เป็นเก้าอี้นั่งตามปกติ กับโซน Bean Bag ให้อารมณ์เหมือนมานั่งเล่นบ้านเพื่อนไม่มีผิด นอกจากนี้ก็ยังมีห้องประชุมไว้บริการสำหรับออฟฟิศที่อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศในการประชุมงานอีกด้วย

มุมบริการชากาแฟฟรี มีเครื่องปริ๊น สแกน ถ่ายเอกสารไว้บริการ  Wi-Fi ในส่วนนี้จะแยกกันกับคาเฟ่ด้านล่าง และมีความเร็วเน็ตที่มากกว่า 

โซน Bean Bag ให้ความรู้สึกสบายเหมือนนั่งอยู่บ้านเพื่อน

คุณออม หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน Ease 

ทีมงานมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณออม หนึ่งในหุ้นส่วนก่อตั้งร้าน Ease ถึงที่มาที่ไป และคอนเซปต์ในการทำร้านนี้ขึ้นมา “เริ่มต้นจาก ออม พลอย ฝ้าย ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนที่ครุศาสตร์ จุฬาฯ รู้จักกันมานานมาก ไปไหนมาไหน Hangout ด้วยกันตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา มันก็เป็นเหมือนความฝันเล็กๆ ของเราที่จะทำธุรกิจด้วยกัน จนในที่สุดเราก็มาเจอบ้านหลังนี้”

“ตอนที่เจอบ้านนี้ครั้งแรกมันไม่ได้อยู่ในสภาพแบบนี้ ต้องรีโนเวทเยอะเหมือนกัน พอดูสเปซแล้ว วินาทีแรกเลยอยากทำร้านกาแฟ ด้วยความที่ชอบกินกาแฟเหมือนกัน ชอบนัดพบปะกันร้านกาแฟ เลยอยากจะมีสเปซที่ได้อย่างใจ เพราะมันก็มีหลายที่ที่ไม่ได้อย่างใจ แต่บ้านหลังใหญ่เกินกว่าจะเป็นแค่ร้านกาแฟ เราเลยคิดต่อว่าจะเอาพื้นที่ไปทำอะไร ตอนนั้นทุกคนมีงานประจำ ยกเว้นออม ซึ่งออกแนวเป็นกึ่งพาร์ทไทม์ ก็เสนอเรื่อง Co-Working Space เพราะที่อารีย์ยังไม่มี เราใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการทำร้านนี้ขึ้นมา ซึ่งทุกคนก็แบ่งหน้าที่กันไปดูแล”

ถามถึงคอนเซปต์ที่คุณออมตั้งใจอยากให้ Ease เป็น ” ง่ายๆ เลยค่ะ อยากให้เขารู้สึกว่ามาบ้านเพื่อน คือมันไม่ต้องซับซ้อน คือยังคิดกันเล่นๆว่า วันนึงมันอาจจะเป็น community อะไรซักอย่าง ที่คนนั้นมาเจอคนนี้รู้จักกัน เป็นสถานที่ Hangout สำหรับคนรู้จักกันที่จะมา get together แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก อยากให้เหมือนมาบ้านเพื่อน มันรวมไปถึงเวลาเราไปเลือกวัตถุดิบ ทำอาหารอะไรก็ตาม เราก็จะรู้สึกว่ากำลังทำให้เพื่อนกิน คือถ้าเรามองลูกค้าเป็นเพื่อนเราก็จะแบบแนะนำว่ากินอันนี้สิอร่อยนะ ไม่ได้เอาของไม่ดีมาหลอกให้เพื่อน”

พูดเรื่องตัวร้านไปก็เยอะแล้ว เราขอพูดถึงเรื่องอาหารการกินที่ทาง Ease Cafe แนะนำไว้ว่าถ้ามาควรสั่งกันบ้าง เริ่มจากตัวแรก Tobiko Fried Rice ข้าวผัดไข่กุ้ง ผัดคลุกเคล้ากับมันกุ้งและเบค่อน โปะหน้าด้วยไข่ดาวและไข่กุ้งอีกหนึ่งที อันนี้พอเราได้ชิมแล้วก็อยากบอกต่อจริงๆ ว่าอร่อยมาก ควรลองเป็นอย่างยิ่ง! (คนเขียนมีโอกาสแวะไปทีไรก็ต้องสั่ง)

Tobiko Fried Rice (150 บาท) 

กินหนักไปแล้วก็ตามด้วยของหวาน Fruit Toast ไม่หวานเกินไป รสชาติกำลังดีทีเดียว ชิมๆ ตัดกับ Ease Coffee กาแฟที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านได้อย่างกลมกล่อม

Fruit Toast (60 บาท) และ Ease Coffee (90 บาท) 

Fruit Toast (60 บาท) 

นอกจากนี้เราก็ยังได้ชิมเครื่องดื่มอีกหลายตัว สิ่งหนึ่งที่เราชอบของร้านนี้ก็คือ รสชาติที่ไม่หวานเลี่ยน ผู้หญิงหรือผู้ชายก็สามารถเอ็นจอยกับขนมและเครื่องดื่มในร้านได้แน่นอน หรือถ้าใครชอบหวานมากๆ ก็สามารถบอกทางร้านได้เลยค่ะ

Snowman Affogato (95 บาท) เป็นไอศครีมที่ดีไซน์มาให้มีหน้าตาเป็น Snowman เวลาจะทานก็ราดด้วยกาแฟที่วางมาด้วย ก็ให้ความรู้สึกคล้ายพวกกาแฟโฟลตอยู่เหมือนกัน และ Espesso Soda เป็นกาแฟ Espesso ผสมโซดา รสชาติก็แปลกใหม่ดีทีเดียว 

Thai Tea Granita (70 บาท) ตอนแรกเราสงสัยว่า Granita คืออะไร พอได้ชิมแล้ว ก็พอจะจำกัดความได้ว่ามันคล้ายกับน้ำแข็งใสนั่นเอง  รสชาติไม่หวานเลี่ยน แต่ถูกใจ

Mojito Granita (80 บาท)ตัวนี้ก็จะรสชาติตามสไตล์ Mojito เลยค่ะ 

ของทานเล่น 2 ตัวสุดท้าย เป็น Fried Kani Stick และ Coff-Tea ตัวแรกเป็นปูอัดทอดเคี้ยวเพลินปากมากๆ ส่วนตัวหลังเป็นเครื่องดื่มที่ผสมระหว่างกาแฟ และชาไทย เป็นรสชาติที่แปลกใหม่ และครีเอททีเดียว

Coff-Tea (90 บาท) และ Fried Kani Stick (80บาท)

ค่าใช้บริการ Co-Working Space

ก่อนกลับเราได้ถามถึงเรื่อง Co-Working Space กับคุณออมว่ามันเหมาะกับคนไทยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งคุณออมก็ได้คำตอบที่น่าสนใจ “ออมว่ายากนะ Co-Working Space มันเป็นเรื่องใหม่ของไลฟ์สไตล์คนไทย ออมก็เคยถามลูกค้าว่า เรามี Co-Working Space นะ อยากลองขึ้นไปใช้ไหม เค้าก็บอกว่า เค้าต้องการที่จะเห็นผู้คน ออมว่ามันเป็นสไตล์การทำงาน บางคนเขาก็จะรู้สึกว่าการได้เห็นผู้คนมันเวิร์คสำหรับเขา แต่บางคนอาจชอบเงียบๆ ก็จะรู้สึกว่าข้างล่างสิ่งรบกวนมันเยอะ คิดว่าให้มันเป็น choice สำหรับเขามากกว่าค่ะ”

ยิ่งคุยกับเจ้าของร้าน และได้ลองไปนั่งทำงานที่ร้านเป็นเวลาหลายวัน ทำให้เรารับรู้ได้ว่า Ease เป็นคาเฟ่ที่ให้ความอบอุ่นกับผู้ไปเยือนได้เหมือนกับการไปบ้านเพื่อนจริงๆ สำหรับคนที่อยากหาสถานที่ Hangout ใหม่ๆ เราเชื่อว่า Ease จะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณถูกใจได้ไม่ยากเย็น

Ease Cafe & Co-Working Space ตั้งอยู่ที่ซอยพหลโยธิน 7 (อารีย์) ลงจาก BTS อารีย์ ทางออก 3 เดินเข้าซอยไปประมาณ 400 เมตร จะเจอซอยขวามือชื่อเจือจิตร Ease จะอยู่ด้านใน

Call. 0928285424

FB https://www.facebook.com/Easebkk

Open-Close : 10 am-10 pm