GROOMING

นักวิจัยเผย! ‘ผู้ชายไว้หนวดเครา’ไม่ใช่แค่เท่แต่ลดแรงจากการกระแทกและการโดนต่อยได้

By: PSYCAT May 21, 2020

หนวดเคราผู้ชายไม่ได้เป็นเพียงสิ่งใช้เพิ่มความเท่ หรือความพึงพอใจส่วนบุคคลเท่านั้น แต่คล้ายกับว่าหนวดเคราผู้ชายได้กลายเป็นพื้นที่พิศวงที่นักวิจัยจำนวนมากเข้ามาศึกษาวิจัย จนหลายครั้งพบข้อเท็จจริงใหม่ ๆ ชวนหลงใหล และบางครั้งก็พบผลสรุปใหม่ ๆ ที่ชวนให้ขนพองสยองขวัญ

ทั้งงานวิจัยที่ออกมาบอกว่าหนุ่ม ๆ ที่ไว้หนวดเครานั้นดึงดูดสาว ๆ มากกว่า หรืองานวิจัยที่บอกว่าหนวดเคราผู้ชายนั้นอาจมีแบคทีเรียกจากอุจจาระปนเปื้อน! สารพัดงานวิจัยที่ชวนให้ทั้งไว้หนวด และไม่ไว้หนวด

อย่างไรก็ตามในแง่ความสะอาดเราว่าขึ้นอยู่กับการดูแลสุขอนามัยส่วนตัวว่าเคร่งครัดมากน้อยแค่ไหน ถ้าดูแลดีเป็นพิเศษก็หายห่วง หนวดเครายังเป็นภาพตัวแทนความเท่ของผู้ชายได้เป็นอย่างดี

หนวดเครายังมีประโยชน์อีกมาก แต่งานวิจัยที่เราอยากชวนหนุ่ม ๆ มารับรู้ในวันนี้ยิ่งส่งผลให้หนวดเคราดูน่าทึ่ง (และชวนพิศวง) ขึ้นไปอีกระดับ เมื่อนักวิจัยออกมาบอกว่าหนวดเครานั้นอาจวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อลดแรงกระแทกที่อาจจะตีแสกเข้ามาที่หัวของเราเมื่อไรก็ได้

งานวิจัยชิ้นนี้มีชื่อว่า “Impact Protection Potential of Mammalian Hair: Testing the Pugilism Hypothesis for the Evolution of Human Facial Hair” ศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของขนที่ขึ้นบนใบหน้ามนุษย์และทดสอบสมมติฐานที่ตั้งขึ้นมาว่าจริง ๆ แล้วหนวดเคราที่ขึ้นมาพวกนี้มันสามารถลดแรงกระแทกให้กับใบหน้าเราได้หรือไม่

สมมติฐานนี้เริ่มมาจากจุดตั้งต้นของวิวิฒนาการมนุษย์ โดยมนุษย์เราก็ไม่ต่างจากลิงขนาดใหญ่ (great apes) ทั้งหลายที่เพศชายหรือเพศผู้นั้นมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงอย่างมหาศาล ซึ่งความรุนแรงนี้ก็มุ่งตรงไปที่เพศชายด้วยกัน เมื่อมนุษย์เพศชายใช้ความรุนแรงเข้าต่อสู้เพื่อเอาชนะกันแบบมือเปล่า “ใบหน้า” จึงถือเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตี

จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลการศึกษาส่วนใหญ่ออกมาระบุตรงกันว่า มนุษย์เพศชายนั้นได้รับบาดเจ็บหรือมีบาดแผลบริเวณใบหน้าจากการต่อสู้มากกว่ามนุษย์เพศหญิง โดยมนุษย์เพศชายนั้นต้องทนทุกข์ทรมานกับบาดแผลหรือการบาดเจ็บบริเวณใบหน้ามากกว่ามนุษย์เพศหญิง 68–92% เลยทีเดียว

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เจ้าของงานวิจัยชิ้นนี้กล่าวถึง Sexual Dimorphism หรือลักษณะที่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันมีต่างกันไปตามแต่ละเพศ เช่น ผู้ชายและผู้หญิงเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่หน้าอกของผู้ชายมีลักษณะแบนราบ ในขณะที่หน้าอกของผู้หญิงนั้นมีขนาดใหญ่กว่า หรือโครงไหล่ของผู้ชายที่กว้างและใหญ่กว่าผู้หญิง โดย Sexual Dimorphism เหล่านี้ก็ถือเป็นอีกสัญลักษณ์บ่งบอกว่าผู้ชายคนไหนจะแข็งแกร่งหรือดีกว่าผู้ชายคนอื่น ๆ

“กระดูกใบหน้า” เองก็บ่งบอกความยิ่งใหญ่ของ Sexual Dimorphism ในแบบผู้ชาย ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อมีการต่อสู้ฟาดฟันกัน มนุษย์จึงมักโจมตีที่ใบหน้า จนทำให้มนุษย์ผู้ชายนั้นมีอัตราการแตกหักของกระดูกใบหน้าจากการต่อสู้สูง และนั่นก็พอบอกเราได้ว่าทำไมผู้ชายถึงมีหนวด ในขณะที่ผู้หญิงไม่ได้มีหนวด หรือมีมากไม่เท่าผู้ชาย

นักวิจัยจึงสันนิษฐานว่าขนบนใบหน้าที่งอกออกมานั้นวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อภารกิจบางอย่างในการลดแรงกระแทก หรือการแตกหักของกระดูกใบหน้าซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญอันบ่งบอกความเป็นชาย การเอาชนะ และหมายถึงการได้ผู้หญิงมาครองอีกด้วย

ไม่ใช่แค่มนุษย์ก่อนประวัติศาสตรเท่านั้นที่หนวดเคราถูกเชื่อมโยงกับการเป็นจ่าฝูง แต่ปัจจุบันผู้ชายไว้หนวดไว้เคราเต็มรูปแบบ มักถูกเข้าใจว่าเป็นผู้ชายที่โดดเด่นกว่า ทั้งด้านการเข้าสังคมและพฤติกรรมแบบผู้ชาย ๆ เมื่อเทียบกับผู้ชายที่โกนหนวดเคราเกลี้ยงเกลา

เมื่อสมมติฐานออกมาว่าหน้าที่ของหนวดเคราตั้งแต่แรกเริ่มอาจจะมีขึ้นเพื่อรองรับแรงกระแทก ลดความเสียหายจากการถูกกระแทกที่ใบหน้า Ethan Beseris, Steven Naleway และ David Carrier ทีมนักชีววิทยาผู้ทำงานวิจัยชิ้นนี้ จึงจำลองหัวมนุษย์ขึ้นมา แบ่งออกเป็นหัวมนุษย์จำลองที่เกลี้ยงเกลาไร้หนวด แบบเล็ม ๆ หนวด และแบบที่หนวดเคราเต็มพิกัด

จากนั้นก็รัวหมัด พุ่งแรกกระแทกใส่หัวมนุษย์จำลองแต่ละแบบที่เตรียมไว้ ก่อนผลการทดลองจะออกมาว่าหัวมนุษย์จำลองที่มีหนวดเคราแบบจัดเต็มนั้นสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดีกว่า หัวมนุษย์จำลองที่มีหนวดเคราแบบเล็ม ๆ หรือแบบที่ไม่มีหนวดเคราเลย โดยใบหน้าที่มีหนวดเครานั้นรองรับกระแทกได้มากกว่าใบหน้าเกลี้ยงเกลาถึง 37% นั่นหมายความว่าหนวดเคราที่มากพอสามารถป้องกันกรามของเราไม่ให้บาดเจ็บได้เลยทีเดียว

 

ข้อมูลจากงานวิจัยชิ้นนี้จึงสนับสนุนสมมุติฐานตั้งต้นได้เป็นอย่างดีว่า หนวดเคราของมนุษย์นั้นใช้ป้องกันบริเวณโครงกระดูกใบหน้าอันบอบบางไม่ให้ถูกทำลาย เห็นไหมว่าหนวดเคราของผู้ชายนี่นอกจากจะเท่แล้ว ยังช่วยรองรับแรงกระแทก หมัดตรง ในกรณีที่เราเผลอไปกวนเท้าใครเขาเข้า

อย่างไรก็ตามแม้จะมีงานวิจัยรองรับ แต่ UNLOCKMEN ก็ไม่สนับสนุนให้ไปหาเรื่องใครซี้ซั้ว เพราะถึงหนวดจะช่วยดูดซับแรงกระแทกพอได้ ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจะไม่รัวหมัด หรือประเคนอาวุธใส่ส่วนอื่นของเรา ที่สำคัญการไม่หาเรื่องใครก็ปลอดภัยกับชีวิตและทรัพย์สินของเราที่สุดนั่นเอง

 


SOURCE 1 2

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line