Work

ไม่ได้อู้นะ! ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าทำ 5 พฤติกรรมนี้ไม่ใช่คนขี้เกียจ แต่เป็นคนฉลาด

By: anonymK July 18, 2018

ในวันที่ไลฟ์สไตล์ของผู้ชายอย่างเราเริ่มกลายเป็นธุระสำหรับคนใกล้ชิดที่ต้องออกมาแสดงความเป็นห่วงและบีบบังคับกลาย ๆ ให้ทำโน่นนี่และตราหน้าเราว่าขี้เกียจ แน่นอนว่าพวกเรารู้ดีว่ามันไม่ใช่แบบที่เขาบอกสักกะนิด แต่บอกยังไงเขาก็ยังไม่เชื่อสักที เพื่อยืนยันว่าจริง ๆ พวกเราไม่ได้ขี้เกียจ UNLOCKMEN จึงได้รวบรวมข้อมูลผลวิจัยที่ว่าด้วย 5 พฤติกรรมที่คนทั่วไปมองว่า “ขี้เกียจ” แต่มันคือสิ่งที่บอกว่าเราฉลาดล้วน ๆ ลองมาเช็กดูกันอีกทีว่าเราเป็นแบบนี้ไหม ถ้าใช่…ยินดีด้วย คุณไม่ใช่คนขี้เกียจ

 

1. ไม่ได้อยากโซเชียลตลอดเวลา

สาว ๆ และเพื่อนฝูงโปรดเข้าใจ เวลาเราเห็นกรุ๊ปแชทเด้งตลอดเวลาแต่ไม่ได้เข้าไปอ่านหรือไม่ตอบแค่กด ๆ ให้มันขึ้น read ให้จบ ๆ ไปโดยไม่สนใจจะตอบ หรือช่วงปาร์ตี้หลังเลิกงานเราก็แอบลี้หนีนัดตลอด มันไม่ได้แปลว่าเราไม่โปรดักทีฟเท่าคนอื่น ๆ หรือไม่ใส่ใจโลก เพราะมีผลวิจัยของนักจิตวิทยาจาก London School of Economics and Singapore Management University ที่ออกมายืนยันว่าคนฉลาดกว่าหรือคนที่ IQ สูงทั้งหลายเขาไม่ได้ชอบสังสรรค์กับเพื่อนฝูงสักเท่าไหร่ตรงกับความเห็นของ Washington post ที่เคยรายงานไว้ในเรื่องเดียวกันว่า คนเราถ้ายิ่งโซเชียลกับคนใกล้ชิดยิ่งกระตุ้นความสุขส่วนตัวให้เพิ่มขึ้น ยกเว้น “คนฉลาด”

 

2. ชอบชิลจับแมวนั่งตักมากกว่าพาหมาวิ่ง

ถ้าสังเกตกระแสเลี้ยงแมวในหมู่ผู้ชายอย่างเราเริ่มมากขึ้นทุกวัน เวลาใครถามเราว่าทำไมไม่เลี้ยงหมาล่ะมันดูสมาร์ทกว่าตั้งเยอะ อยู่บ้านเลี้ยงแมวนิ่ง ๆ มันไม่เท่นะ ดูขี้เกียจจะตาย เรื่องนี้หันไปตอบโต้คนพูดได้เลยว่าจากผลสำรวจของกลุ่มนักวิจัยจาก Carroll University ปี 2014 เขายืนยันมาเองว่าเห็นเลี้ยงนิ่งแบบนี้มันคือการฟักความฉลาดอยู่ ไม่ได้อู้หรือขี้เกียจ โดยศาสตราจารย์ Denise Guastello ออกมาอธิบายเรื่องนี้ว่าสภาพแวดล้อมการเลี้ยงสัตว์แต่ละชนิดส่งอิทธิพลกับชีวิตของเรา ถ้าเลี้ยงหมาเราอาจดูมีชีวิตชีวาจากการเลี้ยงมัน เพราะต้องพามันออกไปข้างนอกตลอด แต่ถ้าเลี้ยงแมวจะช่วยสร้างความละเอียดอ่อนให้เราได้ แถมยังส่งเสริมกิจกรรมสร้างไอคิวอย่างการอ่านหนังสือด้วย เลยทำให้ฉลาดขึ้นแบบไม่ต้องสงสัย

 

3. ไม่ลุกมาทำอะไรก่อนจนกว่าไฟจะลนก้น

ต้องยอมรับว่าผู้ชายอย่างเราบางทีก็ไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กดีที่สั่งงานอาทิตย์นี้ กำหนดส่งอีกอาทิตย์แล้วจะเริ่มทำมันตั้งแต่วันนี้ แต่เราจะกลับมาติดสปีดลุกมาทำงานจริงตอนใกล้เวลาต้องส่งแล้ว แต่ถึงจะเหมือนผัดวันประกันพรุ่งแค่ไหน ความจริงทุกคนรู้ดีว่าที่เราไม่ลงมือทำมันไม่ได้มีเหตุผลจากความลังเลจะทำงาน แต่เป็นความรู้สึกอยากทำงานให้สมบูรณ์แบบที่สุดมากกว่าและกลัวว่างานมันจะไม่ได้ออกมาอยากที่คาดคิดไว้

ตรงกันกับสิ่งที่ Psychology Today รายงานว่าคนที่มีแนวโน้มความเป็น Perfectionist เขาจะต้องลุยงานจนเสร็จก็ต่อเมื่อรู้สึกว่างานมันสมบูรณ์ถูกต้องที่สุด ความมาตรฐานสูงนี่แหละคือความหน่วงของงานที่เขารู้สึกกังวลจนทำให้งานล่าช้า ไม่ใช่เพราะไม่อยากทำสักนิด

 

4. อยู่ในที่ยุ่ง ๆ รก ๆ ทั้งห้อง ทั้งโต๊ะทำงาน

แม้เราจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างอยู่แล้วว่าพวกครีเอทีฟมักอยู่ในที่รก ๆ แต่เราก็ขอกลับมายืนยันอีกครั้ง ถ้ามีใครมีโอกาสแวะไปบ้านเราหรือมาชี้โต๊ะทำงานแล้วบอกว่า “ทำไมมันรกจัง ขี้เกียจจัดล่ะสิ” จงยืดอกบอกเขากลับไปว่า University of Minnesota เขาออกมายืนยันเรื่องน้ีแล้วว่าสภาพแวดล้อมแบบรก ๆ นี่แหละสร้างแรงบันดาลใจเชิงลึกได้เหลือเกิน เพราะมันทำให้เรารู้สึกเหมือนได้แหกคอกแหดกฎขนบเดิมที่รายล้อมจนจุดประกายความคิดใหม่ได้เรื่อย ๆ

 

5. ไม่ลุกมาทำอะไรเลยสักอย่าง

สล๊อตอาจจะยังเร็วกว่านี้เพราะวันนี้เราเกิดอาการไม่อยากทำอะไรเลย และจะไม่ทำอะไรสักอย่าง แต่นี่ไม่ได้แปลว่าเราขี้เกียจนะ เพราะผลวิจัยล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว The independent เขาออกมารายงานผลการศึกษาในสหรัฐฯ ว่าคนที่ไม่ได้มีทีท่าทีแอคทีฟอะไรมีแนวโน้มว่าจะฉลาดกว่าคนแอคทีฟ โดยนักวิจัยจาก Florida Gulf Coast University ออกมาให้ข้อมูลสนับสนุนว่าคน IQ สูงมักจะเบื่อง่านและไอ้ความเบื่อนี่แหละเป็นสาเหตุให้ไม่อยากจะลุกมาทำอะไร แล้วเอาเวลาส่วนใหญ่ไปใช้คิดให้มากขึ้นแทน ขณะที่คนลุกขึ้นมาทำอาจจะเลี่ยงเผชิญหน้ากับการมานั่งคิดอะไรเลยเอาเวลาไปทำโน่นทำนี่ แหม่ แต่อันนี้พวกเราก็ยังอยากให้ทุกคนทั้งคิดทั้งทำมากกว่านะ

ล้างนิยามเรื่องความขี้เกียจและปมในใจกันสำเร็จแล้ว คราวนี้เราก็บอกตัวเองและคนอื่นได้อย่างภาคภูมิใจว่านี่มันเรื่อง IQ ล้วน ๆ แต่สำหรับใครที่ไม่ได้มีไลฟ์สไตล์แบบนี้เราก็ไม่ได้แนะนำให้คุณลุกมาใช้ชีวิตแบบนี้เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีไลฟ์สไตล์ต่างกัน สนับสนุนให้ทำต่อไปในความเป็นเราถ้ามันไม่ได้เบียดเบียนคนอื่น อย่างข้อ 5 นี่ถ้าเป็นวันทำงานเราว่าคงยากที่จะทำแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้นคงได้กินฝุ่นแทนข้าวแน่นอน

 

SOURCE

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line