Entertainment

ขออีกตอนจะนอนแล้ว! 5 ซีรีส์เจ๋ง ๆ ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ที่ผู้ชายอย่างเราห้ามพลาด

By: unlockmen July 6, 2018

สำหรับวงการภาพยนตร์ การขยายเนื้อเรื่องเดิมจากเรื่องที่มันขายดิบขายดี เป็นอะไรที่เราเห็นกันได้อยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำภาคต่อ การ Remake ใหม่ในโครงเรื่องเดิม เปลี่ยนโปรดักชั่น ผู้กำกับอะไรก็ว่าไป การ Reboot เริ่มเล่าเรื่องกันใหม่ตามแต่ต้องการ อยากจะไปเริ่มจุดไหนก็ได้ทั้งนั้น หรือจะเป็นการจับเอาไปทำซีรีส์ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่นัก โดยเฉพาะเรื่องที่มีข่าวออกมาหนาหูว่าจะมีภาคสองแน่นอน แต่รอแล้วรอเล่าข่าวนั้นก็เงียบหายไป บางเรื่องขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ก็ไม่ได้ไปต่อ ไม่มีแม้แต่ข่าวคราวอะไรทั้งนั้น เลยย้ายจากจอเงินมาสู้จอแก้วแทน UNLOCKMEN ชวนมาดูซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ สำหรับคนที่ติดใจเนื้อเรื่องเดิม แต่จอเงินเขาไม่ให้ไปต่อ

Bates Motel ดัดแปลงมาจาก Psycho

จากภาพยนตร์ที่เยี่ยมยอดมาสู่ซีรีย์ที่กระแสตอบรับดีไม่แพ้กัน อย่าง Bates Motel ที่เนื้อเรื่องเดียวกับภาพยนตร์ Psycho อันโด่งดังนั่นเอง ผลงานภาพยนตร์ขาวดำ จากผู้กำกับ อัลเฟร็ด ฮิตช์ค็อก เรื่องจะเริ่มเล่าที่ตัวละครที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่าง Marion Crane ที่ขโมยเงินจากออฟฟิศของเธอแล้วหนีออกนอกเมืองไป ฝนตกฟ้าร้อง สูตรสำเร็จของหนัง Triller ก็โผล่มาบีบให้เธอต้องเลี้ยวรถเข้าไปพักที่ Bates Motel (ชื่อเดียวกับซีรีย์) ที่ที่เธอได้พบกับ Norman Bates ที่อาศัยอยู่กับแม่ของเขา แต่อยู่ได้ไม่นานก็ได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงซะแล้ว คนรู้จักของเธอจึงเริ่มออกตามหา แต่ตามไปตามมา ก็ไม่อาจมีชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้ มาดูกันว่าสุดท้ายแล้วใครจะมาไขปริศนาว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องพักของ Bates Mote กันแน่

ใครที่ดูฉบับภาพยนตร์มาแล้ว อาจจะไม่ค่อยชอบเวอร์ชั่นซีรีย์นี้เท่าไหร่ แม้จะใส่เรื่องราวใหม่ ๆ แทรกเข้าไป เพิ่มความตื่นเต้นจนรู้สึกว่ามันสนุกกว่า แต่ความยืดเยื้อยาวนานออกไปหลายซีซั่น ทำให้คนที่เคยรู้ตอนจบรู้สึกว่ามันไปไม่ถึงไหนสักที เอาเป็นว่าถ้าไม่เคยดูเวอร์ชั่นหนัง อาจจะยังไม่ต้องรีบดูก็ได้ สามารถดูซีรีย์ได้เลยแบบไม่ต้องดูหนังมาก่อน อาจจะสนุกกับมันมากกว่าด้วยซ้ำ

Fargo ดัดแปลงมาจาก Fargo

ซีรีย์จากภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันของ Coen brothers แถมโปสเตอร์ก็แทบจะหาจุดที่ต่างกันไม่ได้อีกต่างหากกับเรื่อง Fargo  เวอร์ชั่นซีรีย์นี้จะถูกตีความใหม่ แต่ใช้โลเกชั่นในเรื่องเป็นที่เดิม ที่ยังคงเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บของหิมะ ที่จะมาเกาะกินความรู้สึกของทั้งตัวละครและคนดูไปพร้อม ๆ กัน แต่ก็ยังได้ Coen brothers มาเป็น Producer ในเวอร์ชั่นซีรีย์ด้วย เราจะไม่รู้สึกว่า Mood And Tone มันจะหนีกันไปไกลนัก

เรื่องราวก็ยังคงสไตล์ของ Coen brothers นั่นแหละ ที่เล่นกับเงินและความโลภของคนที่ผลักดันให้ทำได้ทุกอย่าง แม้แต่จ้างคนมาจับเมียตัวเองเรียกค่าไถ่ อย่าง Jerry Lundegaard แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวมันไม่เคยง่ายขนาดนั้น เมื่อความโลภไม่ได้อยู่แค่ในตัว Jerry เพียงคนเดียว ส่วนแบ่งของเรื่องนี้แตกหน่อออกมาเหมือนหัวไฮดร้า จนกลายเป็นเรื่องราวยุ่งเหยิงเกินที่เขาจะรับมือไหว มาดูกันว่าเขาจะหาทางลงให้เรื่องนี้ยังไง

ขอเตือนไว้ก่อน ใครที่ไม่ใช่สายไดอะล็อกดูคนนั่งคุยกัน ขอให้ข้ามเรื่องนี้ไปทั้งเวอร์ชั่นหนังและซีรีย์ เทียบง่าย ๆ ก็ให้เอา No Country for Old Men ของ Coen brothers นั่นแหละเป็นมาตรฐาน ถ้าดูเรื่องนั้นได้ก็ต้องดูเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าดูแล้วหลับ (แบบเรา) ก็เลื่อนไปเลือกเรื่องอื่นกันดีกว่า

Limitless ดัดแปลงมาจาก Limitless

ชื่อเดิมเนื้อเรื่องเดิมแต่กระแสไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่ในเวอร์ชั่นหนัง แต่เป็นเวอร์ชั่นซีรีย์ เพราะเสียงแตกออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน บางคนถึงขนาดดูสองตอนแล้วก็ต้องปิด แต่บางคนกลับชื่นชอบไม่แพ้เวอร์ชั่นหนัง เรื่องราวคร่าว ๆ ก็คือพระเอกของเราได้ยาที่อ้างว่าเพิ่มพลังให้สมองได้ในช่วงที่เขากำลังหมดไฟกับชีวิตพอดี พอได้ยามาเติมพลังให้กับชีวิตอีกครั้ง เขาก็ใช้มันแบบบ้าคลั่ง จนตัวเขาเองขาดมันไม่ได้ ยานั่นก็ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ มาดูกันว่าพระเอกของเราจะทำยังไง

เวอร์ชันหนังนั้นไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะใช้เวลาแค่สองชั่วโมงรวบรัดตัดตอน มันเลยสนุกในตัวมันอยู่แล้ว แต่เวอร์ชั่นซีรีย์คนก็บ่นกันเรื่องบทอ่อนเนี่ยแหละ อาจเป็นเพราะมันจำเป็นต้องยืดเนื้อเรื่องให้ไกลมากพอที่จะขายได้จนจบทั้งซีซั่น เลยออกมาไม่ถูกใจสักเท่าไหร่

Van Helsing ดัดแปลงมาจาก Van Helsing

หนัง Action กึ่ง Horror ที่หลายคนชื่นชอบ เพราะมันสนุก เดินเรื่องไว ดูง่าย ไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อนนัก ด้วยความเท่ของ Hugh Jackman ที่ส่งให้บทนี้โคตรเท่เข้าไปใหญ่ เรื่องราวของ บุรุษที่เป็นตัวแทนขององค์กรลับทำหน้าที่ปราบปีศาจอย่างลับ ๆ นั่นทำให้เขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นฆาตกรอยู่เสมอ เขาจึงใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอยู่กับความทรงจำในอดีตที่ขาดหายไป เมื่อเขาได้เดินทางมายัง Transylvania เมืองที่เป็นต้นกำเนิดของปีศาจร้ายอย่าง Count Vladislaus Dracula (Richard Roxburgh) และแวมไพร์สาวที่เป็นเหล่าสนมของเขา ที่พยายามทำการทดลองปลุกซากศพให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาต้องค้นหาคำตอบกันว่าพวกนั้นทำไปเพื่ออะไร และที่นี่ยังทำให้เขาได้ค้นพบบางอย่างในอดีตของเขาอีกด้วย

ส่วนเวอร์ชั่นซีรีย์นั้น ฉีกแนวด้วยการตีความตัวละครใหม่ให้เป็นมือปราบสาวสุดเซ็กซี่ ที่เป็นลูกหลานของ Van Helsing นั่นแหละ แต่ Period จะเป็นช่วงเวลาปัจจุบัน ไม่ใช่ย้อนยุคแบบในภาพยนตร์ ส่วนเนื้อเรื่องจะเป็นการไล่ล่าแวมไพร์ที่ครองโลกในตอนนั้น เพื่อให้มวลมนุษยชาติอยู่รอดปลอดภัย หลายคนบ่นเรื่องเนื้อเรื่องที่อืดอาดยืดยาด แต่ถ้าใครมาสายนี้อาจจะชอบก็ได้ ต้องลองพิสูจน์กันในเวอร์ชั่นซีรีย์

Constantine ดัดแปลงมาจาก Constantine

ใครที่ชื่นชอบปีศาจแบบตามศาสนา ไม่ใช่ผีแบบ Ghost ล่ะก็ แนะนำเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ เพราะเรื่องนี้จะเต็มไปด้วย ปีศาจ ศาสนา ลูซิเฟอร์ นรก สวรรค์ แต่ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของความเท่ที่ไม่ได้ให้ตัวเอกมายืนสวดมนต์ไล่ผีแบบเรื่องอื่น ๆ ความเท่ของการปราบผีระดับตำนาน เรื่องราวของ John Constantine (Keanu Reeves) เขาไม่ได้เป็นนักบุญ แต่เขาคือผู้ที่เคยผ่านความตาย และมีพรสวรรค์ในการเห็นสิ่งใด ๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์ เขาใช้ชีวิตเพื่อกำจัดพวกเกเรกลับนรกไม่ให้เหลือซาก

เวอร์ชั่นซีรีย์เราต้องลบภาพ Constantine คนเท่ พูดน้อย ออกไปได้เลย เราจะได้เจอ Constantine มาดกวนแทน ส่วนเนื้อเรื่องนั้นก็อยู่ในเส้นเรื่องเดียวกัน แต่ข่าวร้ายคือมันมีเพียงซีซั่นเดียวและไม่ได้ไปต่ออีกต่างหาก แม้ทางแฟน ๆ จะเรียกร้องให้ทำต่อด้วยการติดแฮชแท็ก #SaveConstantine แต่ NBC ก็ไม่ได้เห็นใจแต่อย่างใด ลอยแพเรื่องนี้ไปแบบถาวร อาจจะเป็นเพราะเรตติ้งในอเมริกาไม่ถึงเป้า จึงต้องบอกลาเรื่องนี้ไปแบบน่าเสียดาย

เรื่องไหนที่ติดตามกันตั้งแต่เป็นภาพยนตร์ และยังคงอยากจะรีรันเนื้อเรื่องที่มันถูกจริตเราซะเหลือเกิน ตามไปเสพความมันส์กันต่อได้ในเวอร์ชั่นซีรีส์ที่เราได้แนะนำไว้ให้ หากใครอยากได้ภาพยนตร์หรือซีรีส์แบบไหนอีก สามารถแนะนำกันเข้ามาได้ คิดซะว่าแลกกันดูกับเพื่อน

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line