GOODBYE GINTAMA ก่อนงานเลี้ยงจะเลิกรา อะไรคือสิ่งที่ทำให้มังงะเรื่องนี้ครองใจนักอ่านมากว่า 15 ปี

‘งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา’ คือสัจธรรมความจริงของทุกอย่างบนโลก เช่นเดียวกับวงการมังงะที่ตอนนี้งานเลี้ยงซึ่งเฉลิมฉลองต่อเนื่องยาวนานมากว่า 15 ปีกำลังจะสิ้นสุดลง

เพราะล่าสุดมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า ‘Gintama’ มังงะจอมกวนที่อยู่คู่นิตยสาร Shonen Jump มาอย่างยาวนานจะจบบริบูรณ์ในอีก 5 ตอนข้างหน้า

ถึงแม้ว่าจะพอรู้อยู่บ้างแล้ว แต่เมื่อมีประกาศออกมาจริง ๆ เราก็อดใจหายไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แฟนเดนตายแต่ก็ติดตามมาโดยตลอด และตัวละครอย่าง ‘ซากาตะ กินโทกิ’ ก็กลายเป็นหนึ่งใน Iconic ของ Shonen Jump ไปแล้วก็ว่าได้ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง นารูโตะ, ลูฟี่, และกอร์น

ดังนั้นอย่างน้อยก่อนจากลากันเราจึงอยากเขียนถึง Gintama ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มังงะเรื่องนี้ครองใจนักอ่านและอยู่ยั้งยืนยงใน Shonen Jump มากว่า 15 ปี

ผสมความสนุกกับเกร็ดประวัติศาสตร์เข้าด้วยกัน

เรื่องราวของ Gintama เกิดขึ้นในยุคเอโดะ เป็นช่วงที่กำลังเปลี่ยนผ่านอำนาจการปกครองจากระบบโชกุนสู่ระบบบริหารโดยรัฐบาลกลาง ซึ่งผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคือการที่เหล่าซามูไรผู้อารักษ์ขาบรรดาโชกุนต่างพากันตกงานกันอย่างพร้อมเพรียง ทุกคนต่างต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความหวังในการมีชีวิต

Gintama อ้างอิงบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีตัวตนอยู่จริงมากมายหลายคน จึงทำให้ผู้อ่านอย่างเราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟมาพร้อมความสนุกไปในตัว

ใครบอกว่า Gintama เป็นการ์ตูนตลกโปกฮาไร้สาระไปวัน ๆ เราขอเถียงขาดใจ!

ทุกตัวละครต่างมีด้านดี ไม่เว้นแม้แต่ตัวร้าย

ตัวละครฝ่ายร้ายส่วนใหญ่ที่เราเจอในมังงะมักจะมีแค่มิติเดียว สีดำสนิทจิตใจเต็มไปด้วยความชั่วร้าย แต่ใน Gintama ตัวละครเหล่านั้นถึงแม้จะทำพฤติกรรมที่ไม่ดี อย่างไรก็ตามทุกคนก็มีเหตุผลที่ผลักดันให้พวกเขาทำอย่างนั้นแทบทั้งสิ้น ไม่ได้ชั่วร้ายอย่างไม่มีเหตุผล และบางครั้งตัวละครที่เคยร้ายมาก่อนก็ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญจนค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นจนสุดท้ายคนอ่านอย่างเราก็หลงรักและเอาใจช่วยพวกเขาไปโดยไม่รู้ตัว

ความไม่มีแก่นสารในความมีแก่นสาร

อาจารย์ Hideaki Sorachi ผู้เขียนคือหนึ่งในอัจฉริยะแห่งวงการมังงะก็ว่าได้ เขาเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ในการทำให้การ์ตูนที่เหมือนจะซีเรียส อ้างอิงประวัติศาสตร์ กลายเป็นการ์ตูนตลกที่อ่านเมื่อไรก็หัวเราะน้ำตาไหลทุกครั้ง นอกจากนั้นเขายังสร้างโลกของ Gintama ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง สูงถึงขั้นที่ว่าถ้าใครไม่เคยอ่านมาก่อนแล้วเห็นผ่าน ๆ คงงงแน่นอนว่าทำไมในยุคเอโดะมีโทรศัพท์ Smart Phone ใช้ เลยเถิดไปจนการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว

ซึ่งถ้านักเขียนไม่มีฝีมือ Gintama จะกลายเป็นมังงะเลอะเทอะไร้สาระไปในทันที แต่อย่างที่บอก Hideaki Sorachi คืออัจฉริยะ เขาเปลี่ยนความไร้สาระให้กลายเป็นเสน่ห์จนนักอ่านตกหลุมรัก

ลายเส้นหลากมิติ

นอกจากเนื้อเรื่องที่ไร้สาระแต่มีเสน่ห์แล้ว ลายเส้นของ Gintama ก็ไม่เป็นสองรองใคร อาจารย์ผู้เขียนสามารถเปลี่ยนอารมณ์ภายในเรื่องจากตลกเฮฮาไปเป็นดราม่าซีเรียสได้ด้วยลายเส้นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้คนอ่านอย่างเรารู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะที่สวิงเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา จับทางได้ยาก

ล้อเลียนและจิกกัด

อีกหนึ่งสิ่งเกี่ยวกับ Gintama ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือการล้อเลียนและจิกกัดการ์ตูนเรื่องอื่น ที่ไม่ว่าเมื่อไรก็เรียกเสียงฮาได้ทุกครั้ง ผู้เขียนหยิบทุกอย่างในวงการการ์ตูนญี่ปุ่นมาล้อเลียน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเอง เรียกได้ว่าถ้าใครไม่รู้ว่าตลอด 15 ปีที่ผ่านมาวงการการ์ตูนญี่ปุ่นเกิดอะไรขึ้นบ้าง มาอ่าน Gintama เรื่องเดียวคุณจะได้รู้ทุกอย่าง

ซากาตะ กินโทกิ

และเหตุผลสุดท้ายที่เรารักการ์ตูนเรื่องนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ‘ซากาตะ กินโทกิ’ ตัวละครเอกของเรื่องที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ

ซากาตะ กินโทกิ เดิมเป็นซามูไร ช่วยปกป้องญี่ปุ่นจากการรุกรานของชาวสวรรค์หรือมนุษย์ต่างดาว แต่ต่อมาเขาเริ่มรู้สึกว่าการต่อสู้กับชาวสวรรค์เป็นการกระทำที่สูญเปล่า จึงได้พลิกผันตนมาเป็นนักรับจ้างอิสระในเอโดะ โดยเปิดร้านที่ใช้ชื่อร้านว่า ร้านกินจังรับจ้างสารพัด

กินโทกิคือตัวละครที่มีความกวนบาทาขั้นสุดยอด มุกตลกของเขาคือหนึ่งในใต้หล้า แต่ในขณะเดียวกันฝีมือการต่อสู้ก็ไม่เป็นสองรองใคร และเวลาซีเรียสก็เท่สุด ๆ จึงไม่แปลกใจเลยที่นักอ่านจะตกหลุมรักตัวละครตัวนี้

สุดท้ายแล้วภาพนี้คงอธิบายการจากลาได้ดีที่สุด ขอบคุณ Gintama ที่มอบความสุขให้พวกเรามาตลอด 15 ปี คุณคือตำนานแห่ง Shonen Jump และจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป