

CARS
GREATEST AUTOMOBILE DESIGNER OF ALL TIME คารวะอาจารย์สิครับ ! รวม 8 ดีไซน์เนอร์ยนตกรรมระดับตำนานที่ต้องรู้จัก
By: GEESUCH January 17, 2025 233861
วันครูปี 2025 หนึ่งวันของปีที่ให้เราได้เคารพถึงอาจารย์คนสำคัญในชีวิตของตัวเองอย่างลึกซึ้งไปด้วยกัน และสำหรับเหล่าผู้หลงใหลในยนตกรรม ไม่ว่าจะรักดีไซน์หรือหลงใหลฟังก์ชันสมรรถนะของแบรนด์ใหน รถเหล่านั้นล้วนมีหยาดเหงื่อและความคิดสร้างสรรค์จากมือเปื้อนน้ำมันจาก AUTOMOBILE DESIGNER อาจารย์ผู้ออกแบบอยู่เบื้องหลังเสมอ
UNLOCKMEN อยากใช้โพสต์นี้พาทุกคนกลับไปอ่านเรื่องราวกว่าจะมาเป็นที่สุดของนักออกแบบยนตกรรมและรถรุ่นสำคัญของโลก ผู้กำหนดภาพลักษณ์และดีไซน์ให้กับเหล่า Iconic Car ที่เติมเต็มจินตนาการ ความเร็ว และความฝันของเด็กผู้ชายทั่วโลก
คำว่า MOONEYES คือประวัติศาสตร์ของ American Hot Rod ของก่อนยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงทศวรรษ 1970 และชื่อของบุรุษพระจันทร์ Dean Moon ก็ยังเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดของโลโก้สีเหลืองสองตาเริ่มต้นจากตรงนี้ ..
Dean Moon เกิดในปี 1927 เมือง New Richland รัฐ Minnesota พ่อของดีน Dallas เป็นเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมันในฉากหน้า แต่ว่าฉากหลังนำเหล้าเถื่อนเข้ามาขาย พอขายไปขายมาก็ถูกตำรวจจับ ทำให้ต้องขายปั๊มทิ้ง และทั้งครอบครัวต้องย้ายไปที่ California ลงเอยกันที่ในเมือง Norwalk โดยที่ดัลลัสได้ซื้อร้านกาแฟต่อจากคนอื่นเปิดเป็น Moon Cafe ในช่วงเวลานั้นแน่นอนว่าดีนก็ต้องทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในคาเฟ่ช่วยกิจการครอบครัว โดยที่ตลอดระยะเวลาของการตอกบัตรเข้างานใจของดีนไปอยู่ที่โรงรถหลังบ้านของลุงอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าลุงของดีนเป็นคนที่คลั่งไคล้การถ่ายภาพและเรื่องรถ เขาเลยมาทำช็อปเล็ก ๆ ไว้ทำรถที่ด้านหลังของคาเฟ่
ช่วงเวลาผ่านไป วัยรุ่นดีนถูกเกณฑ์เข้าไปประจำการกองนาวิกโยธินในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนเมื่อสงครามจบลงและปลดประจำการ ดีนกลับบ้านที่ California เพื่อทำงานฝึกฝนเป็นช่างเครื่องให้กับตัวแทนจำหน่ายรถ Lincoln-Mercury แถวบ้าน พอสั่งสมประสบการณ์มากเข้า ความเป็นผู้หลงใหลในความเร็วของดีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทำความเร็วให้กับรถของคนอื่นแต่ดีนยังเป็นนักแข่งรถตัวยง มีครั้งหนึ่งที่เขาแข่งรถบนถนนสาธารณะกับเพื่อนอย่างผิดกฎหมายจนถึงขั้นต้องติดคุกถึง 4 วัน !
ดีนค้นพบทักษะใหม่ของตัวเอง ‘ถ่ายรูป’ ติดมาจากคุณลุงตอนคาเฟ่สิ่งที่จะช่วยให้เขาสามารถโปรโมทธุรกิจแต่งรถระดับโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่นาน ดีนเริ่มต้นเปิดร้าน Moon Automotive ที่โรงรถหลังคาเฟ่ Moon Cafe โดยมี Buzz พี่ชายของเขาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ และร้านของดีนก็ส่งแรงกระเพื่อมให้กับอุตสาหกรรมแต่งรถอย่างรุนแรงด้วยการทำออพชั่นเสริมเจ๋ง ๆ มากมาย แล้วความเป็น Designer Car ระดับท็อปของดีนเริ่มต้นขึ้นในวันนั้น ผ่านสินค้าขายดีมาก ๆ ของร้านอย่าง foot-shaped gas pedal / spun aluminum Moon fuel tank / Moon spun aluminum wheel discs และแล้วก็มาถึงจุดที่ทักษะการถ่ายรูปของดีนช่วยให้ร้านของตัวเองดังขึ้นไปอีก เพราะว่าดีนจะคอยถ่ายรูปเหล่าอะไหล่รถแต่งในร้านสั่งให้กับนิตยสารรถ พร้อมกันนั้นเขาก็ได้โปรโมท Moon Automotive ไปในตัว
ในปี 1950 ดีนย้ายไปอยู่ที่ Santa Fe Springs เปลี่ยนชื่อบริษัทขยับขยายเป็น Moon Equipment มาพร้อมกับโลโก้ MOONEYES สุดไอคอนิกที่ทุกคนจำได้ เรื่องสนุก ๆ ของเบื้องหลังโลโก้นี้คือมันถูกออกแบบโดย Logo Designer ที่ทำงานให้กับ Disney เออ ! ไม่แปลกเลยว่าทำไมสัญลักษณ์นี้ถึงมีความขี้เล่นแบบเด็ก ๆ อยู่ในนั้น
พอเข้าสู่ปี 1960 บริษัท Moon Equipment ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในฐานะของแบรนด์ที่ซัพพอร์ตรถแข่งไม่ว่าจะประเภท drags หรือการแข่งบนท้องถนน ดีนดูแลกิจการของตัวเองจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1987 แล้วบริษัทก็ถูกขายให้กับเพื่อนสนิทและคู่ค้าในญี่ปุ่นคนเดียวของ Moon Equipment Shige Suganuma กับ Chico Kodama ทั้งคู่ต่อยอดเจตนารมณ์ของดีนเป็นอย่างดี ต่อยอด MOONEYES YOKOHAMA สำหรับชิเกะเขามองว่าดีนและ MOONEYES เป็นผู้กำหนดวัฒนธรรม Hot Rod และรถยนต์ใน Califor และไม่ใช่ในสายรถของ HOT ROD เท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าแห่งความคิดสร้างสรรค์ในวงการ AUTOMOBILE ทุกคนอีกด้วย
“Nakai-san / Nakai-san !”
ตำนานที่ยังมีลมหายใจเซนเซย์ของเหล่าผู้หลงใหล Porsche Wide Body ชายชาตรีหนึ่งเดียวแห่งแดนอาทิตย์อุทัยคนนี้ Akira Nakai ที่เราไม่สามารถใช้คำว่า ‘ช่างคัสตอมรถยนต์’ มาอธิบายเขาได้แล้ว แต่ว่าต้องใช้คำว่า ‘ศิลปิน’ มานิยามบุรุษคนนี้
Akira Nakai หรือที่หลายคนเรียกกันอย่างเป็นกันเองว่า Nakai-san ผู้ชายมาดเท่ ที่มีภาพจำของควันบุหรี่ล้อมรอบตัวตลอดเวลา มือนึงถือขวดเบียร์ Stella Artois ในขณะที่อีกมือวาดอากาศราวกับกำลังออกแบบอะไรบางอยู่อยู่ตลอดเวลา ทรงผมที่ยุ่งเหยิงสะท้อนคาแรคเตอร์การทำงานด้วยสองมือของตัวเอง เราแทบไม่เคยเห็นภาพ Nakai-san ทำงานผ่านผู้ช่วยหรือลูกน้องเลย
จุดเริ่มต้นของ RWB (Rauh-Welt Begriff) คงไม่แตกต่างจากสำนักแต่งรถอื่น ๆ เท่าไหร่ นั่นคือความคลั่งไคล้ในการแข่งรถยนต์ของเจ้าของอู่ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ผ่านภาพยนตร์บู๊สุดมันส์จาก American อย่าง Gone in 60 Seconds (Original) และ The Cannonball Run การได้เห็น Eleanor Mustang หรือ Lamborghini Countach ออกซิ่งท้ายปัด เป็นความทรงจำที่กำหนดเส้นทางชีวิตของ Nakai-san เป็นต้นมา
แรกเริ่มเดิมที Nakai-san ยังไม่มี Porsche ในครอบครองด้วยซ้ำ ย้อนไปในช่วงปี 90’s Nakai-san สมัยวัยรุ่น เป็นหนึ่งในสมาชิกทีม Rough World Drift Crew ใช้รถ Toyota Corolla AE86 ที่ผ่านการโมดิฟายอย่างเต็มที่ และนั่นก็ทำให้ชื่อของ Nakai-san เริ่มปรากฎอยู่ในวงการแต่งรถบ้างไม่มากก็น้อย
ในขณะที่ชีวิตยังอยู่กับการ drift รถ และทำงานในอู่ซ่อมรถไปด้วย ในช่วงปลายวัย 28 ปี จุดเปลี่ยนชีวิตก็เดินทางมาหา Nakai-san ถึงที่ วันนั้นเขาได้พบกับ Porsche 911 (930) รุ่นโมเดลปี 1974-89 ที่ประสบอุบัติเหตุและถูกส่งเข้ามาซ่อมแซม ซึ่งการออกแบบและเทคโนโลยีของ Porsche 911 ทำให้ Nakai-san หลงเสน่ห์เครื่องยนต์ air-cooled flat-six engine ในทันใด แม้จะจดจำระบบทุกอย่างเกี่ยวกับมันได้อย่างฝังใจ แต่ยังมีความรู้สึกบางอย่างที่ Nakai-san คิดว่า Exterior ภายนอกยังดูขาดอะไรไปบางอย่าง มันยังไม่ดูโหดพอเมื่อเทียบกับสมรรถนะจากเครื่องยนต์ air-cooled flat-six engine ของ 911 จึงเกิดเป็นความค้างคาใจที่ทำให้เจ้าตัวยึดติดอยู่กับ 911 เป็นต้นมา
หลังจากนั้นไม่นาน ความลุ่มหลงก็กลายเป็นความจริงขึ้นมา Nakai-san ในวัย 28 ปี ได้ครอบครอง Porsche 911 930 (1975 – 1989 Air-cooled, 3.0-litre 911 Turbo) และลงมือปั้นภาพในหัวให้ออกมาเป็นจริง Porsche 911 ที่มี Body part เหมาะสมกับความแรงและคาแรคเตอร์ของรถ มันคือ matte-black RWB 930 Widebody คันแรกของ Nakai-san โดยตั้งชื่อให้มันตามยี่ห้อเบียร์ที่เจ้าตัวชื่นชอบว่า “Stella Artois” แต่ต้องใช้เวลาอีกนานถึง 6 ปี กว่าแบรนด์ RWB จะถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ
ชื่อ RWB (Rauh-Welt Begriff) มาจากภาษาเยอรมัน แปลว่า “Rough World Concept” ซึ่งมาจากชื่อทีมในอดีตของตัวเองในยุค 90’s นั่นเอง ทุกครั้งที่ผู้คนได้เห็น “Stella Artois” ของ Nakai-san ก็ยิ่งเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก ทำให้ชื่อของ RWB เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ จนวันนี้คือตำนานไปแล้ว
ชื่อของ Harley Earl ในธุรกิจยนตกรรมคือผู้บริหารระดับสูงระดับรองประธานของ North America’s General Motors ก่อนที่จะล่วงลับไป แต่ก่อนที่จะไต่เต้ามาสู่ระดับนี้ ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นเขาเคยดำรงตำแหน่ง Head Of Design มาก่อน !
เอิร์ลเริ่มอาชีพการงานของตัวเองใน General Motors ด้วยการลาออกจากมหาวิทยาลัย Stanford University เพื่อทำงานคู่กับพ่อของเขา Earl Automotive Works เพื่อเรียนรู้การบริหารธุรกิจในโลกของยนตกรรม โดยหลังจากที่ทำงานไปสักพักบริษัท Earl Automotive Works ก็ถูกซื้อโดยตัวแทนจำหน่าย Cadillac ชื่อ Don Lee ซึ่งวันนั้น Lawrence P. Fisher ผู้จัดการฝ่ายการผลิตที่มาเดินเยี่ยมชมบริษัทของพ่อลูกทั้งสองก็เห็นในความสามารถของเอิร์ลและขอให้เขามาทำงานเป็นดีไซเนอร์ที่สำนักงานใหญ่ของ General Motors
ผลงานระดับมาสเตอร์พีซของเอิร์ลที่ทั่วโลกรู้จักกันดีคือ 1927 LaSalle มันขายดีซะจนขนาดว่าเอิร์ลถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการฝ่าย Art & Color Section ของ General Motors แล้วในช่วงชีวิตการทำงานตำแหน่งนี้ของเอิร์ลเขาก็สร้างผลงานรถสุดไอคอนิกเอาไว้มากมายหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Buick Y-Job / Le Sabre / หรือ Chevrolet Corvette เองก็ตาม
ถ้าพูดถึงประวัติศาสตร์วงการ ITALY AUTOMOBILE แล้วล่ะก็ ชื่อของ Battista Farina นับเป็นดีไซน์เนอร์คนสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เด็ดขาด เพราะคุณลุงคือผู้ให้กำเนิดสำนักออกแบบรถยนต์ในตำนาน Carrozzeria Pininfarina ในปี 1930 และมีชื่อเสียงอย่างสุดขีดในปี 1950 ที่ Ferrari เซ็นสัญญาให้ออกแบบตัวถังระดับตำนาน ไม่ว่าจะเป็น ferrari 212 / ferrari Dino Berlinetta Speciale / รวมถึงผลงานชิ้นเอก Ferrari Testarossa เส้นทางของฟารินาจบลงในวันที่เขาได้ทิ้ง Alfa Romeo Duetto ที่เปิดตัวในงาน Geneva Motor Show 1966 เอาไว้ให้โลกนี้ หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือนฟารินาก็เสียชีวิตลงในวัย 72 ปี เป็นคุณลุงที่ทำงานอย่างหนักจนวันสุดท้ายเพื่อทิ้งความสร้างสรรค์ไม่เหมือนใครเอาไว้ให้โลกของยนตกรรม
นี่คือหนึ่งในนักออกแบบที่ยอดเยี่ยมที่สุดใน Bertone ชื่อของ Italian Design House ที่สร้างรถสุดไอคอนิกระดับโลก ซึ่งมาร์เซลโลคือคนดีไซน์รถรุ่นที่สำคัญ 2 รุ่นของ Lamborghini ได้แก่ Lamborghini Miura และตำนานซูเปอร์คาร์ Lamborghini Countach การมีทั้งสองรุ่นนี้ประดับ Portfolio ทำให้มาร์เซลโลกลายเป็นนักออกแบบที่โดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่งในยุคของตัวเอง
ชื่อแบรนด์ Nissan อยู่คู่กับ Shiro Nakamura มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1999 และดำรงตำแหน่งสุดท้าย Chief Creative Officer ก่อนจะตัดสินใจเกษียณในปี 2017
เส้นทางบนถนนที่วิ่งด้วย 4 ล้อของคุณนากามูระได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาเลือกเรียนสาขา industrial design ในมหาวิทยาลัย Musashino Art University จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่เมือง Pasadena รัฐ California เพื่อศึกษาต่อในสาขา Transportation Design แล้วเมื่อสั่งสมความรู้มากพอ คุณนากามูระเข้าทำงานกับในพาร์ท Advanced Design Studio กับ General Motors Detroit หลังจากทำงานออกแบบหลายที่ พอปี 1997 คุณนากามูระก็ทำงานเป็น Head Of Design กับ Isuzu
แล้วปี 1999 คุณนากามูระก็ลาออกตามคำแนะนำของ Carlos Ghosn เพื่อมาอยู่กับ Nissan และได้ดีไซน์รถรุ่นไอคอนิกมากมาย ไม่ว่าจะ Fairlady Z / Murano / Cube และ nissan GT-R ที่สุดแห่งสัญลักษณ์ของ JDM CAR ในปี 2010 ด้วยความสามารถที่เก่งกาจนี้เองทำให้คุณนากามูระได้รับรางวัล EyesOn Design Lifetime Achievement Award เพื่อเป็นรางวัลให้แด่คนทำงาน
หลังจากที่ Malcolm Sayer ลาออกจาก Bristol Aeroplane Company ลาออกจากวงการอากาศยาน มัลคอมก็เข้าไปทำงานประจำมหาวิทยาลัย Baghdad University โดยเป็นผู้บุกเบิกคณะ Faculty of Engineering ให้ที่นี่ แล้วจากนั้นมัลคอมก็เลือกที่จะกลับบ้านเกิดในอังกฤษ ปี 1950 ก็ได้รับเลือกให้เป็นวิศวกรของ Jaguar แล้วเพราะว่ามีความรู้ด้านอากาศพลศาสตร์มากกว่าใคร ทักษะตรงนี้ทำให้มัลคอมได้สรรค์สร้างงานออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ Jaguar ไม่ว่าจะ C- & D- Type / XJ13 & XJS และ E-Type รุ่นที่นับว่าภาคภูมิใจที่สุดของมัลคอม
Georges Paulin ถูกเรียกว่า AUTOMOBILE DESIGNER ที่สร้างรถดีไซน์สำคัญของฝรั่งเศส โดยที่ในปี 1934 พอลลินเริ่มต้นทำงานกับ Marcel Pourtout บริษัทประกอบรถชื่อดังจากฝรั่งเศส ที่ออกแบบรถอย่าง Delage D8 / Talbot-Lago / Panhard coupe และ Darl’mat Peugeot Roadsters ที่ใช้ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ในช่วงปี 1937 – 1938
และนอกจากจะทำงานดูแลออกแบบรถที่ว่าไป พอลลินยังเป็นหนึ่งในผู้สร้าง Eclipse Roof หลังคาพับเก็บได้ไฟฟ้ารุ่นแรกอีกด้วย ตั้งแต่ปี 1938 – 1939 พอลลินทำงานให้กับ Rolls-Royce-Bentley และดีไซน์รุ่นระดับตำนาน Rolls Royce Corniche 1 ด้วย