Life

รอยดูดที่คอ ไม่ใช่แค่เสียวซ่าน แต่ทำให้เป็นอัมพาต หรือถึงขั้นตายได้เลยทีเดียว

By: HYENA August 31, 2016

ใครจะเชื่อว่าการแสดงออกถึงความรักนั้น ก็มีอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน เราอาจจะเคยเห็นข่าวหนุ่มใหญ่ตะบี้ตะบันซัดหญิงสาววัยขบเผาะ จะด้วยสาเหตุ หรือความ…อะไรก็แล้วแต่ ผลคือหัวใจวายคาเตียงก็ให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่า “การดูดคอ” ก็มีอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน โดยเฉพาะในหมู่วัยจ๊าบทั้งหลายที่ชอบทำการประทับรอยจูบ  “ดูดคอ” เพื่อทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ดูต่างหน้านั้น สามารถทำให้คุณเป็นอัมพาต และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ตัวอย่างที่มีให้เห็นล่าสุดก็คือข่าววัยรุ่นชายเคราะห์ร้ายคนหนึ่ง อาศัยอยู่ในประเทศ  Mexico  ซึ่งคาดว่าน่าจะเพิ่งผ่านศึกหนักกับแฟนสาวชนิดถึงพริกถึงขิงมาหมาดๆ เกิดเสียชีวิตอย่างปริศนา ในขณะที่กำลังนั่งทานรับประทานอาหารอยู่กับครอบครัว

160831-Hickey-Death-1

จากการสอบถามนั้น ผู้อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า นาย  Julio Macias Gonzalez  อายุ 17 ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิต เริ่มมีอาการชักกระตุกในขณะที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่กับครอบครัว เมื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลแพทย์จึงได้พบกับ “Hickey” หรือรอยดูด เป็นจ้ำม่วงขนาดใหญ่บริเวณลำคอ โดยแพทย์ได้สรุปการเสียชีวิตว่า รอยดูดบริเวณลำคอ ทำให้หลอดเลือดแตกจนเกิดอาการห้อเลือดและกลายเป็นลิ่มเลือด อุดตันจนเลือดไม่สามารถไหลตามเส้นเลือดไปเลี้ยงสมองได้ ทำให้เกิดอาการเส้นเลือดในสมองอุดตันจนเสียชีวิตในที่สุด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับการเสียชีวิตจาก “รอยดูด” โดยแพทย์ได้ล่าวเตือนว่า รอยดูด นี้ ถึงแม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็สามารถก่อให้เกิดการห้อเลือดและถึงขั้นเส้นเลือดแตกได้ ในหลายกรณี รอยดูดนี้ทำให้เกิดลิ่มเลือดที่อุดตัน จนทำให้สมองเป็นอัมพาต แต่ถ้าหากว่าโชคร้ายสุด อาจจะทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตแบบนี้ได้เลยทีเดียว

160831-Hickey-Death-4

แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อเรารู้ถึงอันตรายของการ “ดูดคอ” ก็ควรหลีกเลี่ยง หรือข้ามขั้นตอนนี้ไปทำอย่างอื่นเลยน่าจะดีกว่า  เพราะจากเท่าที่ทราบมาการดูดคอก็ไม่ได้สร้างความสยิวคุ้มค่า ถ้าต้องเสี่ยงกับการเป็นอัมพาต หรือถึงขั้นเสียชีวิต เพราะฉะนั้นวัยรุ่นคนไหนที่ชอบสร้างตราสัญลักษณ์แบบนี้ หรือใครที่มีแฟน มีเพื่อน มีคนรู้จักที่หลงไหลในการประทับเครื่องหมายการค้า ก็อย่าลืมตักเตือนกันให้ระวังภัยอันตรายถึงชีวิตอันนี้ด้วยนะครับ

 

SOURCE

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line