เบื้องหลังการจัดตารางแข่ง PREMIER LEAGUE ฟุตบอลยอดฮิตจากเกาะอังกฤษ

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นับเป็นลีกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดทั่วโลก กำลังจะกลับมาเตะกันอีกครั้งในอีกไม่กี่อาทิตย์ที่จะถึงนี้ แต่เบื้องหลังตารางเตะ 380 นัดนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และการแก้ไขตารางเตะเพื่อไม่ให้ชนกับนัดฟุตบอลยุโรปนั้นทำอย่างไร เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกทีมในลีกมากที่สุด วันนี้มาดูเบื้องหลังการจัดตารางของพรีเมียร์ลีก จาก Glenn Thompson เจ้าหน้าที่จาก Atos ที่ช่วยทำให้การจัดตารางนั้นเกิดขึ้นได้

การจัดตารางพรีเมียร์ลีกนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงต้นปี ซึ่งนั่นก็คือก่อนที่พรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อนหน้าจะสิ้นสุดลงเสียอีก โดยนี่จะเป็นช่วงที่ Thompson ได้ปฏิทินการลงแข่งโดยคร่าวๆ มา รวมทั้งช่วงเวลาที่มีพักเบรคไปเตะทีมชาติ การแข่งขันบอลถ้วยต่างๆ ที่จะทำให้เขาและทีมสามารถเริ่มวางช่วงเวลาการแข่งในแต่ละนัดลงไปได้

Thompson แบ่งทั้งฤดูกาลด้วยวิธี “Sequencing” ซึ่งจะแยกย่อยออกเป็น 5 เซ็ตด้วยกัน โดยเซ็ตในครึ่งหลังของฤดูกาล จะเป็นการสลับกันกับครึ่งแรกของฤดูกาลของทีมเหย้า-เยือน และมีกฏเหล็กสำคัญข้อหนึ่งในการจัดตารางการแข่งขันก็คือ ในทุกๆ 5 นัดที่แต่ละทีมลงเตะ จะต้องแบ่งเป็น 3 เกมเหย้ากับ 2 เกมเยือน (หรือสลับกันได้)

ที่สำคัญก็คือทีม ๆ นึงจะไม่สามารถเป็นเจ้าบ้านหรือทีมเยือนติดต่อกันเกิน 2 นัดได้ นั่นรวมถึงบอลถ้วยต่างๆ ด้วยเช่นกัน รวมทั้งสองนัดแรกและสุดท้ายของฤดูกาล ทีมๆ นึงจะต้องมีการสลับเหย้า-เยือนกัน เพื่อไม่ให้มีการได้เปรียบเสียเปรียบกับทีมอื่นๆ โดยเฉพาะนัดท้ายๆ ที่หลายทีมต้องการแต้มมากที่สุดนั่นเอง

นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องความปลอดภัยในการเป็นเจ้าบ้านของทีมคู่ปรับร่วมเมือง ยกตัวอย่างเช่นแมนยูไนเต็ดกับแมนซิตี้ และลิเวอร์พูลกับเอฟเวอร์ตัน ซึ่งเป็นทีมร่วมเมืองแมนเชสเตอร์กับลิเวอร์พูลตามลำดับ ดังนั้นหากทีมใดทีมนึงเป็นเจ้าบ้านอยู่ อีกทีมจะต้องออกไปเยือนในนัดๆ นั้น เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยของแฟนบอลนั่นเอง

ไม่ใช่แค่ทางพรีเมียร์ลีกกับ Atos ที่จะจัดตารางเองเท่านั้น พวกเขายังรับฟังจากบรรดาทีมฟุตบอลทั้ง 20 ทีมในลีกอีกด้วย โดยจะมีการส่งฟอร์มให้ทุกทีมกรอกในเดือนมีนาคม ซึ่งมีคำถามสามข้อดังนี้

– มีวันไหนที่ไม่อยากเป็นทีมเหย้าหรือไม่ (พิจารณาคู่กับคำแนะนำจากตำรวจท้องถิ่น)
– มีทีมไหนที่อยากเจอเป็นพิเศษหรือไม่
– มีทีมไหนที่ไม่อยากเจอในวันแกะกล่องของขวัญหรือไม่ (Boxing Day วันที่ 26 ธันวาคมของทุกปี)

ซึ่งจากคำถามเหล่านี้ พรีเมียร์ลีกจะให้แต่ละสโมสรจัดความสำคัญว่าข้อไหนที่พวกเขาต้องการมากที่สุด และพยายามจัดตารางให้ตอบสนองกับความต้องการให้ได้มากที่สุด และจากสถิติพวกเขาอ้างว่าสามารถทำได้สูงถึง 85% ของที่ทั้งลีกต้องการเลยทีเดียว

สำหรับในปีนี้ พรีเมียร์ลีกจะเริ่มเตะคู่แรกในคืนวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม (เช้าวันที่ 10 สิงหาคม) โดยเป็นรองแชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับนอริช น้องใหม่จากแชมป์เปียนชิพ และฤดูกาลจะไปสิ้นสุดในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม ที่ทุกคู่จะลงเตะพร้อมๆ กัน และมาดูกันว่าใครจะสามารถคว้าแชมป์ปีนี้ไปครองได้สำเร็จ