CARS

ย้อนประวัติกว่า 70 ปี Honda Motorsport ผู้นำความยิ่งใหญ่ MotoGP ที่ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้

By: Chaipohn October 4, 2018

ผู้ชายกับ Motorsport เป็นเหมือนเนื้อคู่ที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ นอกจากความมันส์สุดตื่นเต้นของการแข่งขันความเร็วที่ตัดสินความเป็นผู้ชนะและผู้แพ้กันในเศษเสี้ยววินาที การได้รู้ประวัติความเป็นมาของแต่ละค่ายรถที่ตัดสินใจลงทุนลงแรงมหาศาล เพื่อลงแข่งขันในเวทีระดับโลกโดยหวังจะพิสูจน์ความสามารถและทำลายขีดจำกัดของตัวเอง จะยิ่งทำให้เรามองเห็นความยิ่งใหญ่จากความพยายามของคนในยุคก่อน และช่วยให้การดู Motorsport นั้นมันส์ขึ้นหลายเท่าตัว

ในโอกาสที่น่าภาคภูมิใจของประเทศไทย ที่ได้พิสูจน์คุณภาพของสนามแข่ง ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 2018 MotoGP การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ความเร็วสูงซึ่งถือเป็นที่สุดในระดับโลก เราจึงอยากพาทุกคนย้อน Timeline ไปกับทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ Motorsport นั่นคือ Honda กับจุดเริ่มต้นที่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงยุโรปเพื่อแสดงศักยภาพให้คนทั้งโลกได้รู้จักกับความยิ่งใหญ่ของ Honda และที่สำคัญคือประสิทธิภาพที่ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ของชาว Asia

Early Day

การแข่งขัน MotoGP เป็นการแข่งขันที่เก่าแก่ตั้งแต่ปี 1949 ใช้ความเร็วสูงสุด เดิมแบ่งออกเป็น 4 รุ่น (125/ 250 / 350 / 500 cc) แต่มีการเปลี่ยนไปมาในหลายช่วง เช่น ตัดรุ่น 350 ออก เพิ่มเป็นรุ่น 50 สำหรับมือใหม่ หรือขยายรุ่น 500 เป็น 990 – 10000 cc แต่ไม่ว่าจะรุ่นไหน ก็ต้องใช้มอเตอร์ไซค์ที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีสูงสุด ซึ่งไม่ใช่แค่ประโยชน์ในการชิงตำแหน่งที่ 1 นี่ยังเป็นการคิดค้นและแชร์เทคโนโลยีใหม่ ๆ จากสนามแข่งสู่มอเตอร์ไซค์ในชีวิตประจำวันของเราด้วย

A declaration from Sochiro Honda in 1954 to employees of Honda Motor Co.

“Some five years have passed since the founding of our Honda Motor Co, and I never cease to rejoice that the efforts of all our employees have taken form in the achievement of our epochmaking advances. Since I was a small child my dreams has been to compete in motor vehicle racers all over the world, with a vehicle of my own making, and to win…”

ในช่วงแรกของ World GP (ชื่อเดิมก่อนจะเป็น MotoGP) มอเตอร์ไซค์เชื้อสาย Italy คว้าแชมป์การแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความใฝ่ฝันของ Mr. Soichiro Honda คือการสร้างรถที่คว้าชัยชนะรายการระดับโลก Honda จึงเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่ปี 1959 – 60s แม้จะยังไม่ได้แชมป์ในครั้งแรก แต่ก็ทำอันดับได้ไม่เลว ที่สำคัญกว่าคือทำให้โลก Motorsport ได้รู้จักความสามารถของเทคโนโลยี Honda มากขึ้น

 

The 60’s : JAPANESE BRANDS ERA

แต่แค่ปีเดียว Honda ก็สามารถกลับมาสร้างชื่อในสนาม Grand Prix ระดับโลกคว้าแชมป์ได้ในการแข่งขัน 1961 ในรุ่น 125cc กับ Tom Phillis แบบกวาดเรียบ 8 จาก 12 สนามด้วยเครื่อง RC143 ไม่ใช่แค่นี้ ในปีเดียวกัน Kunimutsu Takahashi ยังได้สร้างสถิตินักแข่งชาวญี่ปุ่นคนแรกที่คว้าแชมป์รุ่น 250cc เป็น Double World Champion ที่ทำให้ทั่วโลกต้องยอมรับในเทคโนโลยีของ Honda อย่างไม่มีข้อสงสัย

Honda ยังคงเดินหน้าคว้าแชมป์อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มความท้าทาย ลงแข่งขันและหวังคว้าแชมป์ในทุกคลาส ทำสถิติที่ดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม FIM ตัดสินใจเพิ่มค่าใช้จ่ายให้แพงขึ้นหลายเท่าในปี 1967 Honda และค่ายผู้ผลิตจากญี่ปุ่นต่างถอนตัวจากการแข่งขันไปเกือบหมด

 

The 80’s : Come back with the more powerful engine : NS500

Freddie Spencer Honda NS500

หลังจากหายหน้าไปจากสนามแข่งถึง 12 ปี ในปี 1979 Honda ได้กลับมาสู่ World GP อีกครั้งเพื่อท้าทายรุ่น 500cc ด้วยอาวุธชิ้นใหม่ NR500 เครื่องยนต์ 4 สูบ ที่แม้จะมีพลังมากกว่า แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่โต น้ำหนักและรอบการจุดระเบิดที่เสียเปรียบเครื่องยนต์ 2 สูบ จึงไม่สามารถสร้างผลงานได้ดีมากนัก NR500 จึงถูกนำออกมาเรียนรู้จุดอ่อนและปรับปรุงพัฒนาใหม่ในปี 1981 และด้วยสปิริตของผู้ก่อตั้งที่ส่งต่อมายังสมาชิกทุกคนในทีม ในปี 1982 นำไปสู่ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรุ่นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ World GP นั่นคือ NS500

Honda กลับมาใหม่ด้วยการเลือกใช้เครื่องยนต์​ 2 จังหวะ V3 500cc ที่มีขนาดเล็กกว่า เบากว่า จึงช่วยให้ควบคุมได้ดีขึ้น มีประโยชน์ด้าน Aerodynamics ทำให้เข้าโค้งได้ดี และใช้ความเร็วออกจากโค้งได้มากกว่า และนักแข่งที่ได้ใช้มันเป็นกลุ่มแรกคือ Freddie Spencer, Marco Lucchinelli และ Takazumi Katayama ในปี 1982 ซึ่งผลงานอันดับ 1 สนามที่ 7 ในปีนี้ เป็นชัยชนะของ Freddie Spencer และครั้งแรกในรอบ 15 ปีของ Honda ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าทีมวิจัยพัฒนา และศักยภาพของเครื่องยนต์ Honda นั้นไม่เป็นรองใคร

Honda NSR500

ในปี 1983 เป็นปีที่ World GP ไม่เหลือพื้นที่ชนะให้นักแข่งคนไหนอีกเลย เป็นปีที่ทั้ง 12 สนามมีเอาไว้แข่งกันชนะอย่างดุเดือดระหว่าง Freddie Spencer ของ Honda และ Kenny Roberts จาก Yamaha แต่สุดท้ายชัยชนะ World GP 500cc ก็ตกเป็นของ Spencer และทีม Honda
แม้จะชนะ แต่ก็ไม่หยุดพัฒนา Honda ยังเดินหน้าอัพเกรดเทคโนโลยีใหม่ ใน NSR500 ปี 1994 ช่วยให้ Mick Doohan พา Honda คว้าแชมป์รุ่น 500cc ได้ถึง 5 สมัย และยังคงครองตำแหน่งแชมป์โลกไว้ได้แม้จะเปลี่ยนคนขับขี่ในปี 1999 และ 2001 ก่อนปิดตำนาน NSR500 อย่างสวยงาม

 

The 2000’s : The Change in Classes and the birth of RC213V

Márquez and the Honda RC213V have no rivals © GOLD & GOOSE/RED BULL CONTENT POOL

อย่างที่บอกว่า มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและ Class มากมายในการแข่งขัน เริ่มจากในปี 2002 FIM ได้เปลี่ยนชื่อคลาส 500cc เป็น MotoGP โดยระบุว่าเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ต้องความจุไม่เกิน 500cc ถ้าเครื่อง 4 จังหวะ ความจุต้องไม่เกิน 990cc Honda จึงพัฒนารถรุ่นใหม่รหัส RC211V เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 990cc เป็นครั้งแรก แต่ก็สามารถคว้าแชมป์โลกได้ทันที และเป็นการปิดฉากเครื่อง 2 จังหวะในรุ่น MotoGP อย่างถาวร

แต่สมรรถนะของการแข่ง MotoGP ช่วงนั้นเร็วถึง 330 km/h อาจจะเร็วมากเกินไปจนมีการถกเรื่องความปลอดภัย FIM จึงลดพิกัดลงอีกครั้งในปี 2007 เหลือ 800cc Honda จึงปรับปรุงใหม่และส่ง RC212V 800cc ลงแข่งขัน แต่ก่อนจะลดพิกัดลงไป Honda ตัดสินใจทิ้งทวนอย่างสะใจด้วย RC211V ที่ผ่านการจูนและลดน้ำหนักมาเป็นพิเศษสำหรับ Nicky Hayden เอาไว้ขี่ซิ่งปิดท้ายให้สะใจชาวโลก

แม้ช่วงแรกผลงานของ RC212V จะไม่เป็นที่น่าพอใจนัก แต่ก็ถูกพัฒนาใส่เทคโนโลยีที่ช่วยให้ใช้ความเร็วเข้าโค้งได้มากขึ้น เช่น Traction Control ที่อัพเกรดใหม่ เรียกว่าความจุลดลง แต่เวลาที่ทำได้ไม่ต่างจาก 990cc เลยก็ว่าได้ จนกลับมาชนะ 13 จาก 18 สนาม ผลงานของ Casey Stoner และ Dani Pedrosa คว้าแชมป์ได้สำเร็จในปี 2011

Marc Márquez Honda RC213V

ในปี 2010 มีการเปลี่ยนชื่อคลาสอื่น ๆ ของ World GP อีกครั้ง โดยเปลี่ยน 250cc เป็น Moto2 พิกัดรถ 600cc ต่อมาในปี 2012 ได้เปลี่ยนชื่อ 125cc เป็น Moto3 พิกัดรถ 250cc และเปลี่ยนพิกัดรถในคลาส MotoGP เพิ่มเป็น 1000cc และ Honda ก็ได้พัฒนารถออกมาใหม่อีกครั้งกับรหัส RC213V 1000cc ที่ยังคงใช้ทำการแข่งขัน MotoGP อยู่ถึงในปัจจุบัน โดย Marc Márquez ใช้รถรหัสนี้คว้าแชมป์ไปครองได้ถึง 4 ครั้งใน 5 ปี ระหว่าง 2013 – 2017 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักแข่งที่อายุน้อยที่สุดที่ได้แชมป์ใน Premier Class

ตลอดระยะเวลา 70 ปีของ MotoGP และการโลดแล่นในวงการ Motorsport ระดับโลกของ Honda ได้ทำการพิสูจน์ตัวเอง สร้างประวัติศาสตร์การคว้าแชมป์สนามมามากถึง 750 ครั้ง และสร้างยอดนักบิดในวงการมาแล้วมากมาย ซึ่งถ้าย้อนกลับไปที่หลักไมล์ความสำเร็จตั้งแต่แชมป์สนามครั้งแรก ต้องขอบคุณ Tom Phillis ที่เชื่อมั่นในศักยภาพและเป็นผู้บุกเบิกเส้นทางสู่โพเดียมอันดับ 1 ไว้ตั้งแต่ปี 1961, รวมไปถึง Jim Redman, Mike Hailwood, Freddie Spencer, Jim Filice,  Àlex Crivillé, Loris Capirossi, Haruchika Aoki, Tomomi Manako, Dani Pedrosa, Casey Stoner, Cal Crutchlow มาจนถึงเด็กระเบิด Marc Márquez เหล่าฮีโร่ที่ช่วยกันคว้าแชมป์ใหักับ Honda และสร้างสถิติแชมป์ 750 สนามเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา เป็นหนทางที่ยากลำบากและใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองยาวนานจริง ๆ

และในการแข่งขัน MotoGP 2018 นี้ พวกเราก็จะได้มาลุ้นเอาใจช่วย Marc Márquez ที่ว่ากันว่าฝีไม้ลายมือเด็ดไม่แพ้ Michael Doohanในยุคก่อนเลย ว่าจะสานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ในวงการ MotoGP ให้กับ Honda ได้หรือไม่

2018 MotoGP in Thailand

ถือเป็นความพิเศษสุดสำหรับคอ Motorsport เพราะในปี 2018 นี้เป็นปีแรกที่ประเทศไทยได้สิทธิการเป็นผู้จัดการแข่งขัน MotoGP ยาวถึง 3 ปีภายใต้ข้อตกลงของการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยจะจัดที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งนอกจากจะไปดูง่ายใกล้บ้าน เรายังจะได้บรรยากาศความมันส์ในการเชียร์ของเจ้าบ้าน เพื่อเอาใจช่วยน้องชิพ นครินทร์ ทีม Idemitsu Honda Team Asia ที่จะแข่งขันในรุ่น Moto3 โดยได้รับการสนับสนุนจาก A.P. Honda ซึ่งเป็นคนไทยคนเดียวในการแข่งขัน MotoGP ฤดูกาลนี้ด้วย

ชิพ นครินทร์ ทีม Idemitsu Honda Team Asia

อีกหนึ่งคนที่อยากให้เราไปเชียร์กัน คือ ก้อง สมเกียรติ นักแข่งที่ได้รับการสนับสนุนจาก A.P. Honda สังกัดทีม Honda Asia Talent Team แข่งในรายการ FIM CEV Moto3 Junior World Championship เพื่อยกระดับไปแข่งใน Moto3 ต่อไปในอนาคต โดยทาง A.P. Honda กำลังขอ Wild Card ให้กับก้อง สมเกียรติ เพื่อได้สิทธิ์ร่วมแข่งในรายการ Moto3 ในประเทศไทย แต่เป็นการร่วมแข่งเพื่อเก็บประสบการณ์ในฐานะเจ้าบ้าน ทั้งหมดนี้น่าจะการันตีว่าห้ามพลาดการแข่งขัน 2018 MotoGP ในวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ด้วยประการทั้งปวง

จาก Timeline ตั้งแต่ปี 1949 เราจะเห็นความพยายามที่ส่งต่อเนื่องเพื่อเอาชนะเป้าหมายในการแข่งขัน MotoGP ของ Honda มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเจออุปสรรคใดก็พร้อมจะวิ่งเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง จากแบรนด์ที่ชาวยุโรปไม่รู้จักตอนนั้น กลายเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลกมาครอบครองได้ภายในไม่กี่ปี และยังไม่ยอมให้อะไรมาหยุดไม่ว่าอุปสรรคหรือการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ตาม เป็นความมุ่งมั่นที่พิสูจน์แล้วว่า ตราบใดที่เรามีความพยายาม ไม่คิดจะยอมแพ้ ความสำเร็จต้องเป็นของเราสักวันนึงแน่นอนครับ

WHAT STOPS YOU? มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด

ติดตามความคืบหน้าของ MotoGP และข่าวสารเกี่ยวกับวงการ Motorsport ได้ที่ 

Website: AP Honda Racing Thailand
Facebook : APHondaRacingTH

VALENCIA, SPAIN – NOV 13: Marc Márquez during MotoGP Grand Prix

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line