เปิดกรุสมบัติ ISIS แหล่งรายได้ของมันมาจากไหนบ้าง

ระหว่างที่เราดูข่าว ISIS ก่อการร้ายในทุกวัน ทั้งการขยายพื้นที่ควบคุมใน Syria และ Iraq และการวางเครือข่ายก่อการร้ายในประเทศต่างๆอย่างฝรั่งเศส ยุโรป ซึ่งต้องใช้เงินจ่ายเบี้ยเลี้ยงนักรบกล้าตายที่ได้รับเงินสูงกว่าที่กองทัพบางประเทศจ่ายให้ทหารของตัวเอง ยังต้องมีเงินในการจัดหาอาวุธหนักต่างๆ เงินในการใช้จ่ายเพื่อทำให้เครือข่ายทำงานได้อย่างไม่มีสะดุดเช่นค่าอาหารสำหรับประชาชนและทหารของตัวเอง ค่าตอบแทนสำหรับนักลงทุนที่จ่ายเงินให้ขบวนการนี้ ซึ่งมีการคำนวนว่า ​ISIS กำลังปกครองพื้นที่ขนาดไม่ต่ำกว่าประเทศอังกฤษ มีประชาชนและทหารอยู่ราว 8 – 10 ล้านคน ถ้าจ่ายเงินไม่พอ ISIS เองก็เสี่ยงที่ประชาชนและทหารจะลุกขึ้นมาทำลายสิ่งที่สร้างเอาไว้

น่าแปลกที่ผู้นำหลายประเทศ มักจะร่วมมือกันกำจัดเส้นทางของเงินที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้ขบวนการก่อการร้าย ซึ่งส่วนใหญ่จะสามารถตรวจสอบและดำเนินการไม่ยากนัก เพราะมักจะเป็นเงินจากมือมืดต่างแดนที่อัดฉีดเข้าไป แต่ในกรณีของ ISIS นั้นไม่เหมือนกัน ขบวนการสุดโหดนี้มีความฉลาดและเน้นสร้างความยั่งยืนของแหล่งรายได้ มีการจัดวางระบบการคลังไม่ต่างจากที่แต่ละประเทศมี เพื่อให้แน่ใจว่าขบวนการจะปฏิบัติภารกิจต่อไปได้โดยยากต่อประเทศอื่นในการตรวจสอบและตัดท่อน้ำเลี้ยงดังกล่าว คำถามที่น่าสนใจกว่านั้นคือ แหล่งรายได้ที่สูงถึงราว 90 ล้านบาทต่อวันนั้นมาจากไหนกันแน่?

น้ำมัน

คงไม่มีใครแปลกใจกับข้อนี้ เพราะล่าสุดรัสเซียเพิ่งจะออกมาแฉวงจรการรับซื้อน้ำมันดิบระหว่าง Turkey กับ ISIS เพื่อแลกกับเงิน อาวุธ และการฝึกทหารหน่วยกล้าตาย ซึ่ง ISIS ครอบครองแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่มากมายทั้งใน Iraq และ Turkey ทุกครั้งที่ ISIS บุกรุกพื้นที่ใหม่ๆ มักจะพุ่งไปหาบ่อน้ำมันเพื่อนำออกไปขายตามชายแดนพื้นที่ปกครองของตัวเอง ลูกค้ามีทั้งประเทศใกล้เคียง นักลงทุน นักธุรกิจมากมาย

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีหลายประเทศต่างพากันทิ้งระเบิดใส่บ่อน้ำมันภายใต้การปกครอบของ ISIS ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำเนินการในบ่อน้ำมันเสียชีวิตไปมากมาย และประเทศที่เคยซื้อน้ำมันจาก ISIS ต่างกลัวโดยรัสเซียเล่นงาน หลังจากเปิดโปง Turkey แบบคาหนังคาเขา แหล่งรายได้นี้จึงค่อนข้างลดลงไปเยอะ และเป็นปัญหาใหญ่สำหรับ ISIS เช่นกัน

รีดภาษี รีดเงินจากธนาคารหรือผู้ประกอบการในพื้นที่

เนื่องจาก ISIS ปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่ใน Syria และ Iraq แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะโดน ISIS ฆ่า แต่ต้องโดนรีดภาษีเงินได้ หรือภาษีเพื่อการใช้น้ำประปา ไฟฟ้า และการใช้ชีวิตแต่ละวัน ซึ่งภาษีนี้มีทั้งพื้นที่ที่ไม่แพงกว่าเดิมมากนัก ไปจนถึงพื้นที่ที่โดนโขกสูงยับไม่ต่างจากการโดนรีดไถเงิน เช่นเดียวกับธนาคารที่มักจะโดน ISIS เอาเงินออกมาดื้อๆ รวมไปถึงบริษัทต่างๆที่ล้วนโดนรีดไถเพื่อแลกกับการ “ไม่ตาย”

มีการคำนวนประเมินกันว่า ISIS ได้เงินจากการรีดไถเงินจากคนในพื้นที่ปีละไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท

เรียกค่าไถ่

ข้อนี้ถือเป็น classic case ที่ทำให้คนทั้งโลกได้เห็นความโหดเหี้ยมของ ISIS จากการโชว์ตัดคอตัวประกันเชื้อชาติต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่ามีหลายประเทศที่ยอมจ่ายเงินตามที่ ISIS เรียกร้อง มีการประเมินจาก U.N. ว่า ISIS ทำเงินไปอย่างน้อย 1,000 ล้านบาทขึ้นไป แต่ระยะหลังหลายประเทศร่วมมือกันออกนโยบายไม่จ่ายเงินค่าไถ่ ซึ่งอาจจะดูว่าโหดร้ายสำหรับญาติพี่น้องที่โดนลักพาตัวไป แต่เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ถ้าไม่ได้เงิน มันก็คงเลิกจับตัวไปเอง ประมาณนั้น

นอกจากการเรียกค่าไถ่ระดับประเทศแล้ว ISIS ยังมีการเรียกค่าไถ่ในพื้นที่ด้วยเช่นกัน

เงินบริจาคจากมือที่ 3 

อย่างที่บอกไปว่า ISIS ไม่ได้ปฏิบัติการภายใต้แหล่งเงินทุนจากท่อน้ำเลี้ยงมากนัก แต่ก็ยังถือว่าเป็นอีกแหล่งเงินทุนที่ได้มาประมาณ 1,200 ล้านบาทในช่วงปี 2013 – 2014 ซึ่งเหล่านักธุรกิจหรือตระกูลเศรษฐี หรือแม้แต่รัฐบาลของประเทศร่ำรวยอย่าง Saudi Arabia, Qatar, Kuwait, UAE ที่ยอมจ่ายเงินให้ ISIS เนื่องจากความหวาดกลัว รวมถึงการหวังผลให้ทำลายเป้าหมายที่มีร่วมกับแนวทางของ ISIS เช่นการทำลายประเทศ Syria หรือการหวังผลให้เข้าไปบุก Iran เป็นต้น

ขายของเก่าของสะสมทางประวัติศาสตร์

ว่ากันว่านี่เป็นอีกเหตุผลที่ ISIS ระเบิดทำลายโบราณสถานหรือพิพิธภัณฑ์ใน Iraq และ Syria ทุกครั้ง เหตุผลนึงอาจจะเป็นการลบประวัติศาสตร์ของมุสลิมต่างนิกาย แต่อีกเหตุผลนึงคือการทำลายร่องรอยว่ามีการเอาของอะไรไปขายให้กับนักสะสมบ้าง ซึ่งน่าขำที่สินค้าดังกล่าวมีการส่งไปขายในหลายประเทศ แม้แต่ประเทศที่ร่วมรบโจมตี ISIS เช่นประเทศแถบยุโรปก็ตาม มีการคำนวนกันว่านี่คือแหล่งรายได้หลักที่มาแทนที่บ่อน้ำมัน ทำรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี

การเกษตร

ไม่รู้ว่าเป็นเหตุบังเอิญ หรือเป็นแผนของ ISIS ระหว่างที่บุก iraq และ Syria แต่ตอนนี้ ISIS ควบคุมพื้นที่การเกษตรหลักที่ใหญ่ที่สุดอยู่ และข้าวสาลี ข้าวโพด และพืชสำคัญอื่นๆ รวมถึงแร่ธรรมชาติต่างๆเช่นฟอสเฟต ซัลเฟอร์ ประเมินคร่าวถ้า ISIS ขายสินค้าดังกล่าวในตลาดมืด จะสามารถทำเงินได้ขั้นต่ำราวๆ 6,000 – 9,000 ล้านบาท

Reference : Agenda.com, Washington Post, CNN,