Work

เปลี่ยน 10 นาทีก่อนเริ่มงาน-เลิกงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีเหล่านี้

By: PERLE August 27, 2018

ช่วงเวลาที่เรามักจะใช้มันไปอย่างสิ้นเปลืองและเอ้อระเหยที่สุดของทุกวันทำงานคงหนีไม่พ้น 10 นาทีแรกที่เราเพิ่งมาถึงออฟฟิศและ 10 นาทีสุดท้ายก่อนเข็มนาฬิกาจะเคลื่อนบอกเวลาเลิกงาน

10 นาทีแรกหลังจากเปิดประตูออฟฟิศเข้ามาและนั่งลงที่โต๊ะตัวเอง เรามักจะอยู่ในอารมณ์เนือย ๆ ไฟในการทำงานยังคงจุดไม่ติด ไม่พร้อมจะทำอะไรจริงจังนอกจากการท่องอินเตอร์เน็ตไปอย่างไร้จุดหมายหรือไม่ก็นั่งจับกลุ่มคุยเพื่อนถึงเรื่องสัพเพเหระแทบทุกเรื่อง (ยกเว้นเรื่องงาน)

ส่วน 10 นาทีสุดท้ายก่อนเลิกงาน จิตใจก็มักจะจดจ่ออยู่กับมื้อเย็นที่วางแผนเอาไว้ ภาพยนตร์ที่จองตั๋วเรียบร้อยแล้ว ปาร์ตี้ที่เพื่อนของเราส่งรูปมายั่ว หรือแม้กระทั่งสภาพการจราจรสุดบัดซบที่แค่นึกถึงก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว เราจึงมักปล่อยช่วง 10 นาทีสุดท้ายของการทำงานไปอย่างไร้ประโยชน์

แต่แท้จริงแล้วทั้ง 2 ช่วงเวลานี้คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเตรียมความพร้อมและจัดการงานให้ลุล่วงก็ว่าได้ ดังนั้นเราควรจะทำอะไรในช่วงเวลาดังกล่าวบ้าง UNLOCKMEN มีคำตอบมาฝาก

10 นาทีแรก

อย่าเช็ก Email, Facebook หรือ Social Network ต่าง ๆ

Julie Morgenstern ผู้เขียนหนังสือ Never Check E-Mail in the Morning แสดงความคิดเห็นเอาไว้ว่าการเช็ก Email ไม่ควรเป็นสิ่งแรกที่เราทำในวันทำงานเพราะด้วยความยุ่งหยิงในกล่องจดหมายของเราจะทำให้เราสูญเสียการโฟกัสในเนื้องานและไอเดียในการทำงานจะกระจัดกระจายส่งผลต่อการทำงานของเราในวันนั้นอย่างเห็นได้ชัด

แทนที่จะเช็ค Email ลองเปลี่ยนเป็นหาอะไรที่สร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มเติมความรู้ให้ตัวเองจะดีกว่า การดู TED TALK หรือหาบทความวิชาการเรื่องที่เราสนใจมาลองอ่านคือทางเลือกที่น่าสนใจ อาจจะดูเคร่งเครียดไปสำหรับช่วงเช้าแต่ถ้าทำติดต่อกันเป็นกิจวัตร ความรู้และความคิดของเราจะพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน

วางแผนมุ่งสู่ความสำเร็จ

เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดลองเริ่มต้นในแต่ละวันด้วยการวางแผน หลังจากนั่งลงที่โต๊ะทำงานลองหยิบสมุดขึ้นมาสักเล่ม นิยามคำว่า ‘ประสบความสำเร็จ’ ของตัวเองขึ้นมาว่ามันคืออะไร เมื่อได้ผลลัพธ์ออกมาแล้วก็มาถึงในส่วนของวิธีการ การจะไปถึงจุดนั้นได้มีต้องทำอย่างไรบ้าง ลิสต์ออกมาเป็นข้อ ๆ เพียงเท่านี้ความฝันก็ไม่ได้เป็นเพียงฝันเฟื่องอีกต่อไป แต่เป็นความฝันที่มีเส้นทางทอดไปถึงอย่างชัดเจน

แต่ถ้าใครมีแผนการในชีวิตชัดเจนอยู่แล้วก็ลองเปลี่ยนสเกลการวางแผนลงมาให้เล็กลงก็ได้ หมายความว่าจากการวางแผนสู่ความสำเร็จในชีวิตเป็นการวางแผนเพื่อความสำเร็จในวันนั้น ๆ ต้องทำอย่างไรบ้างงานในวันนี้จึงจะสำเร็จลุล่วงด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

แค่สละเวลา 10 นาทีภาพในหัวที่ดูยุ่งเหยิงก็ชัดเจนขึ้น ลดความวิตกกังวลลงไปเปลาะใหญ่

ตัดสินใจเรื่องสำคัญ

หลายคนอาจจะคิดว่าเวลาในช่วงเช้าเป็นเวลาที่สมองยังไม่ตื่นตัว ควรจะผ่อนคลาย ไม่คิดอะไรเคร่งเครียด แต่แท้จริงแล้วตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เวลาเช้าคือเวลาที่สมองปลอดโปร่งและตื่นตัวที่สุดของวัน นอกจากนั้นบรรยากาศก็ยังเงียบสงบเหมาะกับการตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่สุด เพราะเราจะได้ไตร่ตรองมันอย่างรอบคอบ ไม่เกิดความผิดพลาด

10 นาทีสุดท้าย

เก็บตกรายละเอียด

ตรงกันข้ามกับเวลาเช้า ช่วงก่อนเลิกงานสมองเราจะเข้าสู่ภาวะเหนื่อยล้าเนื่องจากถูกใช้งานหนักมาทั้งวัน ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการคิดอะไรซับซ้อนหรือมีรายละเอียดเยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะปล่อยเวลานี้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ นี่คือเวลาที่เหมาะกับการตรวจทานความเรียบร้อยของงาน จัดการงานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรึกตรองว่าวันนี้เราทำอะไรลงไปบ้าง และอะไรคือสิ่งที่ดี อะไรคือสิ่งที่ควรปรับปรุงเพื่อการเป็นคนที่ดีขึ้นในวันพรุ่งนี้

สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน

ที่ทำงานคือบ้านหลังที่ 2 พูดแบบนี้คงไม่ผิดนัก เพราะในแต่ละวันเราใช้เวลาในสถานที่แห่งนี้ถึง 1/3 หรือบางวันอาจจะถึง 1/2 เลยทีเดียว ดังนั้นการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้การทำงาน เพราะการทำงานในสภาพแวดล้อมผ่อนคลายนั้นส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยตรง และช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างมิตรภาพคือช่วงก่อนเลิกงานนี่แหละ หลังจากเคร่งเครียดมาทั้งวัน การได้พูดคุยไร้สาระตลกโปกฮากับเพื่อนร่วมงานจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์และทำให้เรารู้สึกอยากมาทำงานในวันพรุ่งนี้

 

เวลาแค่ 10 นาทีนั้นเล็กน้อยมาก การทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นกิจวัตรอาจจะดูเป็นเรื่องยุ่งยากในช่วงเริ่มต้น แต่ถ้าเราชินกับมันแล้วผลลัพธ์ที่ตามมานั้นคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ใครอยากลองเปลี่ยนแปลงตัวเองลองนำไปใช้กันได้เลย

 

SOURCE1

 

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line