6 TIPS ที่จะทำให้คุณ “มีความสุขตลอดเวลา” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณก็ตาม!!

คนเราทุกคนมักจะรู้สึกว่า ความสุขของเรานั้น จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสถานการณ์ภายนอก หรือเวลาที่เราได้อะไรบางอย่างตามความคาดหวัง แต่นั่นมันเป็นเหมือนการรอคอยให้ถูกหวย ซึ่งเราทำได้เพียงแค่ลุ้น และไม่สามารถควบคุมให้มันเกิดขึ้นด้วยตัวเองเอง มีหลายต่อหลายคนพูดเอาไว้ว่า ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะมัวแต่รอ ดังนั้น มันจะดีกว่าไหม? ถ้าเราจะเลิกรอให้ความสุขมันเดินเข้ามาหาโดยที่เราไม่รู้ว่ามันจะมาเมื่อไหร่ และเปลี่ยนเป็นฝ่ายที่จะเดินเข้าหามันเองซะเลย

How to Stay Happy No Matter What

เราจะทำอย่างไรให้ความสุขมันคงอยู่กับเราไปตลอด? หลายคนคงเคยมีคำถามแบบนี้เกิดขึ้นมาในหัวกันแน่นอน  แต่จะมีเพียงสักกี่คนกัน ที่ลงมือค้นหาคำตอบอย่างจริงจัง และได้คำตอบที่ถูกต้อง แต่วันนี้ชาว UNLOCKMEN ทุกคนจะไม่ต้องเสียเวลาไปลองผิดลองถูกค้นหาคำตอบที่ว่านั้นเอาเองกันให้ปวดกบาล เพราะเราได้นำเอา 6 วิธี ที่จะทำให้คุณกลายเป็นคนที่มีความสุขทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม มาฝากกับชาว UNLOCKMEN ทุกคนถึงที่ หากใครที่อยากรู้ว่า ทำอย่างไรชีวิตถึงจะมีความสุขความสุขตลอดเวลาล่ะก็ นี่คือคำตอบที่จะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน

Don’t look for happiness — Radiate it

เรารู้ดีว่ามันคงเป็นเรื่องยาก ถ้าหากจะให้คนเราแสดงออกว่ามีความสุข ทั้ง ๆ ที่ชีวิตเต็มไปปัญหา และเราก็คงไม่กล้าพูดว่า ปัญหาของใครเล็กน้อย ปัญหาของใครใหญ่หลวงกว่ากันแน่ ๆ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะบอกกับทุกคนให้ลองคิดดูสักนิดว่า บางทีการพยายามดิ้นรนค้นหาความสุขอยู่ตลอดเวลานั้น มันอาจจะเป็นสาเหตุของการไม่มีความสุขที่คุณกำลังเป็นอยู่ก็เป็นได้

ซึ่งทางแก้ไขนั้นจะว่าง่ายก็ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินความสามารถคนเราแน่นอน เพียงแค่คุณต้องหยุดที่จะเฝ้ารอความสุขให้เข้ามาหา หยุดมองว่า ชีวิตมันช่างน่าเวทนาหาความสุขไม่ได้มากซะเหลือเกิน และหันไปตั้งกฎให้กับตัวเองขึ้นมาใหม่แทน โดยเป็นกฎที่จะเปลี่ยนมุมมองความคิดจากด้านลบ ให้เป็นความคิดที่เป็นพลังงานบวก

ยกตัวอย่างเช่น ก่อนจะมองว่าสิ่งที่เผชิญอยู่มันแย่ ก็ให้ลองมองหาข้อดีในข้อเสียดูก่อน ลองหาความสุขที่ซ่อนอยู่ในความทุกข์ดูบ้างว่าจริง ๆ แล้ว มันก็มีอยู่ถึงแม้จะเล็กไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าแต่ก่อนที่หาไม่ได้เลย เมื่อคุณสามารถมองทุกอย่างให้เป็นความรู้สึกเชิงบวกแล้ว มันก็ไม่ยากกับการที่คุณจะมีความสุขอยู่ตลอดเวลาในทุกที่ ทุกสถานการณ์ที่คุณกำลังเผชิญ

Stop trying.

ความพยายามนั้น เป็นสิ่งที่ดี และควรมีไว้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่ที่เราบอกให้หยุดพยายามนี้นั้น หมายถึง การพยายามที่มากเกินไป หรือพยายามทำอะไรที่มันไม่ได้ทำให้ตัวเองรู้สึกดี ยกตัวเองเช่น หยุดพยายามทำอะไรเพื่อให้คนอื่นพอใจ, หยุดพยายามที่จะเป็นใครสักคนที่ไม่ใช่ตัวเอง, หยุดพยายามทำอะไรก็ตามที่ตัวเองรู้ว่า ทำไปแล้วมันไม่ได้ก่อให้เกิดความสุขกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย หยุด และเลิกพยายามมันซะ

บางครั้งการที่คนเราพยายามทำอะไรมากเกินไปนั้น มันก็เป็นการกระทำที่ผิดพลาด และทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมชีวิตมันไม่มีความสุขเลย ทั้ง ๆ ที่คนอื่นต่างก็ดูจะแฮปปี้ดีกับสิ่งที่เราทำ คำตอบก็คือ ที่ผ่านมา คุณมัวแต่ไปโฟกัสถึงความสุขของคนรอบข้าง จนลืมสนใจหาความสุขให้กับตัวเอง

ในปัจจุบันนี้ คนเราปล่อยให้สิ่งลวงตาต่าง ๆ มาเป็นเครื่องชี้วัดค่าความสุขมากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นคำชม คำยกย่อง ลาภ ยศ ชื่อเสียง แทนที่เราเกิดมาจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด สิ่งที่ตัวเองชอบ สิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข กลับกลายเป็นต้องไปพยายามทำอะไรที่มันไม่มีความสุข เพื่อให้ได้การยอมรับจากคนรอบข้าง

ถ้าหากว่า คุณอยากที่จะมีความสุขโดยที่ไม่ต้องรอแล้วล่ะก็ ลองหันมาใส่ใจความรู้สึกของตัวเองกันให้มากขึ้นสักหน่อย เพราะบางครั้งความสุขของคุณมันไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่คุณไปพยายามใส่ใจความสุขของคนอื่นจนลืมความสุขของตัวเองไปแค่นั้นเอง

Enjoy being alone.

คนเราพยายาม และดิ้นรนกันอย่างหนัก เพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญกับความเหงาเดียวดาย และการอยู่คนเดียวเพียงลำพัง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนไม่เว้นแม้แต่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน ทุกคนต่างมองหาความสุขของตัวเองก่อนเมื่อมีโอกาสกันทั้งนั้น

การที่คุณอยู่เพียงลำพังตัวคนเดียว หรือว่ามีคนอื่นอยู่กับคุณด้วย แท้จริงแล้วมันแทบไม่มีผลอะไรต่อความสุขของคุณเลยด้วยซ้ำ การใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด เมื่อคุณอยู่ได้ด้วยตัวเอง หาความสุขให้กับตัวเองได้  มันก็เท่ากับว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร และตอนไหนก็ตาม คุณก็จะสามารถหาความสุขมาเติมให้ตัวเองได้ทุกเมื่อ ด้วยที่ไม่ต้องเจอกับความทุกข์จากความโดดเดี่ยว  ความเหงา หรือเศร้าโศกเสียใจอีกต่อไป

Stay open-minded.

อาจจะฟังดูขัดแย้งจากข้อเมื่อสักครู่บ้างนิดหน่อย แต่ถ้าคุณลองคิดให้ดี คุณก็จะเข้าใจความหมายของมันที่อาจจะลึกไปบ้างสักหน่อย ในบางครั้งการที่คนเราจมอยู่กับความคิดตัวเองคนเดียวมากจนเกินไป ก็อาจจะทำให้คุณลืมไปว่า ไม่ใช่คุณคนเดียวที่มีความรู้สึกต้องการความสุขในชีวิต

หากคุณมองทุกการกระทำของทุกคนด้วยใจที่เปิดกว้าง รับรู้ด้วยความเข้าอกเข้าใจ ตัวคุณเองก็จะไม่ต้องรู้สึกไม่ดีกับสิ่งต่าง ๆ ที่คนรอบข้างทำ หรือพูดกับคุณเลย ในทางกลับกัน การทำตัวแบบเปิดรับ และพร้อมเรียนรู้ทำความเข้าใจคนอื่น ๆ  จะทำให้ทั้งตัวคุณเอง และคนรอบข้างมีความสุขได้อย่างแท้จริง แบบไม่ต้องเบียดเบียนความรู้สึกตัวเองแต่อย่างใด

Be grateful.

คุณจะมีความสุขได้ง่ายมาก ถ้าคุณรู้จักคำว่าพอดี หรือพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร, รถ, บ้าน, การงาน หรือแม้แต่รูปร่างหน้าตาของตัวเอง เมื่อคุณรู้สึกพอใจ และเห็นถึงคุณค่าของสิ่งเหล่านี้แล้ว มันจะไม่มีความอิจฉา น้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกไม่มีความสุขเพราะไม่มีอะไรเหมือนกับใครเขา เข้ามาเยือนในชีวิตของคุณอย่างแน่นอน

ขอให้คิดไว้เสมอว่า ความแตกต่างระหว่างคนเรานั้น มันเป็นเรื่องที่วัดความสุขกันไม่ได้ สิ่งต่าง ๆ ภายนอกก็ไม่สามารถทำอะไรคุณได้เช่นกัน มันจะไม่มีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกไม่มีความสุขได้แน่นอน ตราบใดที่คุณยังรู้สึกว่า คุณมีทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม ไม่มีอะไรบกพร่อง หรือ ด้อยไปกว่าคนอื่นเลย

Accept yourself.

ยอมรับในสิ่งที่คุณเป็น กับ การเป็นตัวของตัวเองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เหมือนกันอย่างที่บางคนคิด แต่การยอมรับในสิ่งที่เป็นนั้น มันอาจจะรวมไปถึงการที่คุณจะต้องรู้จักยอมรับ และรู้จักข้อเสีย และข้อผิดพลาดต่าง ๆ ของตัวเอง

บางคนรู้สึกว่า ทำไมตัวเองเกิดมาผิวเข้ม บางคนไม่พอใจที่ตัวเองผมหยิก พาลทำให้รู้สึกเป็นทุกข์ไม่มีความสุขกับสิ่งที่ตังเองเป็น แต่ถ้าคุณสามารถเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองได้ ทั้งข้อดี และข้อเสีย คุณก็จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น อย่างน้อย ๆ คุณเองก็จะไม่มีความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากตัวเองแน่ ๆ

หากใครที่รู้สึกชีวิตมันไม่แฮปปี้อยู่ในตอนนี้ เราอยากให้คุณลองนำเอา 6 ข้อ ที่เราได้แนะนำให้กับคุณในวันนี้ ไปพิจารณาดูสักนิดว่า คุณมีอะไรบ้างที่เป็นอย่าง 6 ข้อที่ว่ามา และมีอะไรบ้างที่พอจะแก้ไขได้ ขอเพียงแค่คุณปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดเสียใหม่ เห็นทุกอย่างเป็นความสุขมากกว่าความทุกข์ให้บ่อยกว่าเดิมอีกสักหน่อย เพียงแค่นี้ คุณก็จะได้ที่มีความสุขกลับมาแน่นอน ถึงแม้ว่าจะไม่ตลอดเวลา แต่มันก็ดีกว่าการนั่งลองให้ความสุขเข้ามาหาเราเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหนจะมาทีหนึ่งอยู่แล้ว จริงไหม?

SOURCE