วิธีเอาตัวรอดเมื่อถ้าคุณต้องทำงานอยู่ท่ามกลาง TOXIC WORKPLACE

คราวที่แล้วเราได้แนะนำเรื่อง 5 CHECKLISTS ระบุสัญญาณว่าที่ทำงานของคุณเต็มไปด้วย TOXIC WORKPLACE ไปแล้ว และอย่างที่สัญญาว่าเราจะมานำเสนอวิธีเอาตัวรอด ถ้าเช็คแล้วพบว่าที่ทำงานของคุณมันช่างเต็มไปด้วยความ Toxic Workplace

ซึ่งในสถานการณ์ที่งานเป็นสิ่งหายาก จะลาออกเพื่อหนีปัญหาก็ไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดีนัก เลยอยากจะแนะนำเคล็ดลับที่จะทำให้ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างมีความสุขได้ แม้จะอยู่ใน toxic workplace ก็ตาม ซึ่งมีหลักง่ายๆ ดังต่อไปนี้

หลีกเลี่ยงดราม่า (avoid drama) ไม่นินทา หรือ ตัดสินคนอื่นจากคำนินทาเพียงอย่างเดียว ควรตัดสินจากข้อมูลอย่างรอบด้าน ทั้งจากประสบการณ์ของเราเอง และ ประสบการณ์ของคนอื่น หากเป็นไปได้ มีอะไรก็ควรพูดคุยกันตรง ๆ ไม่ว่าจะกับเพื่อนร่วมงาน หรือ เจ้านายที่มีปัญหา เพื่อให้ปัญหานั้นได้รับการแก้ไข ไม่ถูกซุกอยู่ใต้พรม ซึ่งยิ่งมีปัญหาคาใจซุกไว้มาก ยิ่งจะทำให้บรรยากาศในการทำงานมาคุเสียเปล่า ๆ

ตัวบริษัทเองก็ควรสร้างช่องทางการสื่อสารที่ทำให้เกิดการพูดถึงปัญหาด้วย เช่น อาจจะทำเป็นช่องทางการสื่อสารแบบลับๆ ที่จะทำให้ผู้รายงานปัญหาไม่รู้สึกว่า จะถูกคุกคามในอนาคตเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

สร้างขอบเขตในการทำงานที่ชัดเจน (establish boundaries) ในบางกรณีที่อยู่ใน toxic workplace ก็ยากที่จะปฏิเสธการทำงานเกินเวลา หรือทำงานในวันที่ควรจะได้พัก จึงต้องมีการกำหนดขอบเขตในการทำงานและการใช้ชีวิตที่ชัดเจน เพื่อให้พวกเขาบาลานซ์ทั้งสองสิ่งนี้ได้ อาจเป็นแนวทางปฏิบัติง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่น จะทำงานทุกอย่างให้เสร็จในวันธรรมดา จะเช็คไลน์ที่ทำงานถึงเวลากี่โมง เป็นต้น แต่จะดีที่สุดถ้าเราเข้าใจรูปแบบขององค์กรที่เราอยู่ตั้งแต่แรก เช่น ทำงานในกองถ่าย ย่อมต้องมีการล่วงเวลาเป็นเรื่องปกติ ถ้ารับเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรก ก็จะไม่มีปัญหาความไม่พอใจตามมา หรือถ้ารับไม่ได้ ก็ควรหาองค์กรที่เข้างานและเลิกงานตามเวลาปกติ

สร้างพื้นที่ทำงานด้านบวก (create a positive workspace) การตกแต่งโต๊ะทำงานของเรา จะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย รวมถึงมีความสุขใจในการทำงานมากขึ้นได้ เช่น เราอาจจะเอากรอบรูปมาตั้ง หรือ วางแจกันที่มีดอกไม้สวยๆ รวมถึง การแปะ post-it ที่เขียนข้อความให้กำลังใจ เป็นต้น

อย่านำความรู้สึกด้านลบจากที่ทำงานกลับบ้านมาด้วย (don’t take negativity home with you) จำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออก เพราะ นอกจากจะไม่ทำให้ความเครียดอยู่กับเรานานเกินไปแล้ว ยังทำให้เราใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวได้อย่างมีความสุขที่สุดอีกด้วย และจะทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานในวันถัดๆ ไปตามมา ดังนั้นต้องพยายามอย่าเอาความเครียดจากที่ทำงานไปลงกับคนรอบข้าง ข้อนี้สำคัญมาก

จริงใจกับตัวเอง (stay true to yourself) เมื่ออยู่ใน toxic workplace เราอาจจะรู้สึกอยากจะเอาชนะหัวหน้า หรือเพื่อนร่วมงานบางคน เราควรจะหยุดความคิดนั้นซะ เพราะว่า บางครั้งมันอาจจะทำให้เราแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีออกมาได้ เช่น ไม่ยอมตั้งใจทำงานที่คน ๆ นั้นมอบหมาย หรือแสดงสีหน้าท่าทางที่ไม่ดี ชวนให้บรรยากาศโดยรวมเสียไปหมด เป็นต้น

ซึ่งท้ายที่สุด จะทำให้พวกเขาสามารถตำหนิเราได้ เวลาที่งานออกมามีความผิดพลาด ดังนั้นเราจึงต้องจริงใจต่อตัวเอง ไม่แสดงพฤติกรรมแย่ ๆ เพื่อแก้แค้นคนอื่น พยายามประนีประนอมกับเพื่อนร่วมงานในเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน

แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องอย่าลืมว่า เราไม่ได้อยู่ลำพังบนโลกนี้ และเราสามารถขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อน หรือ ผู้เชี่ยวชาญ การปรึกษาและรับฟังความคิดเห็นจากคนอื่น อาจจะช่วยให้เราสามารถทางออกของปัญหาได้เร็วกว่าคิดเองคนเดียว

ดังสุภาษิตไทยที่ว่า ‘สองหัวดีกว่าหัวเดียว’