Business

รู้เขา รู้เรา ได้งานสมใจแน่ ขอแนะนำกลยุทธ์การหางานให้ได้ผล เทคนิคหย่อนเบ็ดเรียก HR สำหรับปี 2018

By: anonymK January 11, 2018
“งานแม่งหายาก”

ประโยคสบถโคตรคลีเช่แบบนี้ คุณยังพูดมันอยู่หรือเปล่า? บางทีการเสพข่าวเรื่องตกงานซ้ำ ๆ จากสำนักงานสถิติแห่งชาติปลายปีที่แล้ว ที่บอกว่าคนตกงานเพิ่ม 1.2 % หรือเกือบ 5 แสนคน มันก็ทำให้ใจของชายอกสามศอกอย่างเรา ๆ ทิ้งดิ่ง หรือเอามาเป็นข้ออ้างในการเลิกหางานแล้วนั่งคอตกอยู่ที่เดิม

แต่อย่าเพิ่งเหมาว่าชีวิตมันแย่ เพราะ UNLOCKMEN มีเทคนิคหย่อนเบ็ดเรียกแขกเหล่า RECRUITER เปลี่ยนชีวิตว่างงานจาก SUCK เป็น SUCCESS แค่ลองเปลี่ยนตำแหน่งมายืนเหนือเกมเดิมที่คุณเคยเล่น แตะมือสลับทางจากเหยื่อมาเป็นพรานเลือกงานที่ชอบ เชื่อเหอะว่าพอเรามั่นใจในตัวเอง งานเฉียบ ๆ มันจะตามมา

สวมวิญญาณ RECRUITER 2018 ปีนี้เขาต้องการอะไรบ้าง

ADECCO THAILAND เขาสำรวจมาว่า HR TREND 2018 เป็นยุคที่บริษัทหันมาใช้โซเชียลกับเทคโนโลยี ในการตามหาและคัดเลือกคนกันมากขึ้น ซึ่งถ้าจะให้รู้เขา รู้เรา ก่อนอื่นเราต้องรู้เทรนด์การทำงานที่บริษัทหลายแห่งจะปรับตัวกันมากขึ้น ถามว่ารู้แล้วได้อะไร ก็เผื่อจะเอาไปดักทางสร้างคะแนน หรือต่อรองกับบริษัทเหล่านั้นดู เพราะสมัยนี้มีออฟชันมากกว่าแค่ทำงานประจำแบบ Full-Time นะ

1. หา Freelance ตามกระแส GIG ECONOMY

เมื่อคนส่วนใหญ่เริ่มไม่อยากทำงานประจำ บริษัทหลายแห่งก็โอเคที่จะเสิร์ฟงานไม่ประจำบางอย่างให้เหล่า Freelance เพื่อตอบไลฟ์สไตล์ยืดหยุ่น เราก็มีงานทำ แต่ต้องเข้าใจว่าอาจจะไม่ได้ Benefit บางอย่าง เช่น Provident Fund, ประกันสุขภาพ, ปรับฐานเงินเเดือนหรือโบนัส แต่บางคนไม่สน ขอแค่บริหารเวลาตัวเองได้ตามสไตล์เด็กรุ่นใหม่ ก็ถือว่า WIN-WIN กันทั้งสองฝ่าย

2. คัดคนที่ใช่ผ่าน ONLINE CHANNEL ที่ใช่

นอกจากรอคนส่งใบสมัครเข้ามา ในยุคที่คนใช้ Internet มากขึ้น แบรนด์ก็มีช่องทางกรองคนที่ใช่ไปในตัว แทนที่จะรับใครก็ได้ ตามเว็บรับสมัครงาน บริษัทหันมาทำ Employer Branding สร้างภาพลักษณ์เรียกคนที่สนใจเข้ามาหาเองถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นการโชว์ความเท่ ความมันส์ ความสบาย หรือแม้แต่การใช้ CSR เป็นตัวชูโรง เพื่อให้คนที่มีไลฟ์สไตล์เดียวกันสนใจ อันนี้ยืนยันว่าได้ผล เพราะงานวิจัยชิ้นหนึ่งจาก NBS เครือข่ายเพื่อธุรกิจที่ยั่งยืนในประเทศแคนาดา บอกว่าผู้สมัครงานเชื่อในการตอบแทนสังคม และคิดว่าถ้าบริษัทดูแลสังคมก็น่าจะดูแลคนภายในได้ดี

3. WORK LIFE BLENDED

ทำงานให้เหมือนอยู่บ้าน ในยุคที่ชีวิตกับงานค่อย ๆ เชื่อมเข้าด้วยกัน องค์กรจึงพากันปรับตัวเองให้น่าอยู่เหมือนบ้าน มีความยืดหยุ่นกับเหล่าพนักงาน ปรับสภาพแวดล้อมให้บริษัทให้สวยงาม ผ่อนคลาย เหมือนนั่งอยู่ในบ้านสบาย ๆ แทนที่จะเป็นคอก ๆ เหมือนสมัยก่อน ถ้าเป็นคนที่ชอบทำงานในบริษัทสวย ๆ ยุคนี้สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย

4. SOFT SKILL 

แม้ AI จะมีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่แทนมนุษย์ค่อนข้างมาก แต่ในบางพื้นที่ อย่างเช่น SOFT SKILL  ที่เป็นเรื่องของทักษะทางสังคม ทั้งการปฏิสัมพันธ์ งานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน และความฉลาดทางอารมณ์ จะเป็นหนึ่งในสกิลที่สำคัญสำหรับอนาคต เพราะเป็นสิ่งที่บรรดา AI ยังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถทำได้ ในทางกลับกัน งานที่ต้องใช้สมองคำนวณ วิเคราะห์นี่แหละที่อยู่ในข่ายอันตราย เพราะยังไง AI ก็สามารถทำได้เร็วกว่าสมองเราแน่นอน

อันที่จริงทั้ง 4  ข้อข้างบนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรแต่เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับสถิติที่  JOBCAST เคยรวบรวมบทวิเคราะห์หรือสถิติไว้หลากแหล่งและพยากรณ์ไว้นานแล้วว่ามันจะเป็นวิธีที่บูม เราเลยคิดว่าเนี่ยแหละใช่ ถึงเวลาที่สวิตช์แทคติกเดียวกันกลับมา BAIT องค์กรกลับ ชิงเอางานดี ๆ กลับมาเป็นของพวกเรา แต่จะมีอะไรบ้างลองตามดูกัน

1. 73 %  ของคนวัย  18-34 หางานผ่านโซเชียล ABERDEEN GROUP ออกมาพยากรณ์ว่า ปี 2020 ครึ่งหนึ่งของตลาดแรงงานจะโดน Gen-Y เข้ามาครองพื้นที่ ซึ่งเป็นสัญญาณให้รู้ว่าถึงเวลาของการใช้โซเชียลมีเดียหางานแบบเต็มตัว เป็นยุคของ Millenium ที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับ Internet

DO :  เมื่อบรรดาผู้ว่าจ้างจะกระโดดลงเล่นในสนามนี้ ให้ทำตัวเป็นเหยื่อที่ดี อยู่ถูกที่ ทำ Profile ให้น่าสนใจ รับรองงานจะมาหา หนึ่งในเว็บน่าคบที่อยากให้ลองคือ LinkedIn เพราะมีโพลเผยว่า 94% ของ Recruiter อยู่บน LinkedIn  แต่แค่  36%  ของ Seeker เท่านั้นที่อยู่ตรงนั้น เพราะฉะนั้นชาว UNLOCKMEN  คนไหนที่สนใจจะหนี  Red Ocean เพื่อสร้างโอกาสหรือทะลวงฝ่าวงเข้าไปในนั้นแล้วโชว์ของ ทำให้ HR ประทับใจซะ

 

2. PLATFORM  การหางานกำลังเปลี่ยนไป เพราะ 3 ใน 5 ของบรรดาผู้สมัคร จบการหาในมือถือ พฤติกรรมที่เปลี่ยนทำให้องค์กรตื่นตัวมาดูแลหน้าเว็บไซต์ตัวเองให้ดี ที่สำคัญคือต้องเป็นแบบ Responsive รองรับการเข้าถึงจากอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เตะตาผู้สมัคร และทำทุกข้อมูลให้ง่ายต่อการเซฟและแชร์

DO : PLATFORM หางานยังเปลี่ยนให้สวยงาม Portfolio และ Resume ของเราก็ต้องเปลี่ยนไม่ให้น้อยหน้า ใครเคยชินกับการทำ Portfolio พื้น ๆ ซ้ำ ๆ กัน ต้องหันไปตั้งใจจัดทำข้อมูล และการออกแบบให้เหมาะกับทาง Online ได้แล้ว เลือกที่อัพโหลดให้เท่กว่าแค่ JobDB อย่างเช่น PINTEREST, ISSUE, BEHANCE, DEVIANTART และอีกหลายที่ อยากโดดเด่นในสาขาไหนก็ศึกษาแล้วไปวาง Port ที่นั่นได้เลย ช่วงสมัครก็จบแบบหล่อ ๆ ด้วยการส่งลิงค์ Portfolio ไปให้ดูบ้าง

 

3. คอนเทนท์ภาพดึงดูดกว่าถึง 94% คอนเฟิร์มมาจาก BLOG ของ HEIDI COHEN หลายองค์กรจึงหันมาใช้คอนเทนท์ดีไซน์สวยงาม สะท้อนภาพลักษณ์ที่ทันสมัยขององค์กร เพื่อดึงการเข้าถึงของผู้สมัคร นอกจากนั้นการแชร์วิดีโอก็กำลังมาวิน หลายแบรนด์เวลาหาคนทำงานก็เริ่มส่งวีดิโอเจ๋ง ๆ ที่ทำให้เราน้ำลายหกอยากเข้าร่วมทีม ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็ตอบได้เลยว่าวัฒนธรรมองค์กรแบบนี้เหมาะกับหรือไม่

DO :  ภาพหรือคลิปที่ปล่อยออกมาจากองค์กรเป้าหมายของเรา เอากลับมาศึกษาให้เข้าใจสไตล์และ DNA ของที่นั่นซะ จากนั้นก็ตกแต่งออกแบบ Resume ให้เข้ากัน เพิ่มโอกาสสัมภาษณ์แบบเนียน ๆ

จุดสำคัญอีกอย่างคือภาพลักษณ์เราทางโซเชียล อย่ามองว่ามันเป็น Private Zone แล้วจะถ่อยเถื่อนแค่ไหนก็ได้ เพราะ Recruiter ยุคนี้เขาตัดเชือกผู้ผ่านเข้ารอบลึกกันทางโซเชียลด้วย เช่น ถ้าตำแหน่งนั้นต้องเก็บความลับ หรือดูแล้วจะต้องแบกรับหน้าที่เยอะ แต่คุณเป็นคนประเภทเรารู้โลกรู้ ด่าเจ้านายเป็นว่าเล่น เกรียนได้โล่ แถมยังเปิด Public ให้คนอื่นเห็นเสมอ แบบนี้ก็สอบตกไปแบบออโต้หลายรายแล้ว

ในยุคที่คนหากันทางออนไลน์ ต่างคนต่างศึกษากันได้ง่าย เราก็น่าจะเอาจุดนี้มาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ซะ ลองทำความเข้าใจคนหางาน ปรับตัวตาม แค่นี้ก็ช่วยเพิ่มโอกาสได้งานแบบไม่เสียเหงื่อแม้แต่หยดเดียว จัดสเตปให้เทพแบบเท่ ๆ ไปให้ถูกทาง รับรองได้ฉายแสงแวววับ เชื่อเราได้เลย เพราะเราก็ทำแบบนี้เวลาหาทีมงานใหม่ ๆ เหมือนกัน

หวังว่าทิปส์นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนในปีนี้สอบผ่านได้งานที่ใช่ที่ชอบ หรือถ้าใครมีทิปส์ที่อยากแบ่งปันจากประสบการณ์แชร์กลับมาหาเราได้ที่ [email protected] บางทีเรื่องที่คุณส่งมาวันนี้อาจถูกส่งต่อเป็นกุญแจแก้ปัญหาของเพื่อน ๆ คนอื่นต่อไปได้อย่างไม่รู้จบนะครับ

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line