Business

‘บาส ZAAP’ ชายผู้นำความสนุกมาต่อความสนุก จนเกิดเป็นอาณาจักรอีเว้นท์ชั้นนำของประเทศ

By: Thada January 2, 2018

“เด็กรุ่นใหม่มัวแต่เสียเวลาคิดถึงสิ่งแปลกใหม่ที่มันไม่เคยมีอยู่บนโลก…เราถูกสอนให้มี Role Model คือ Mark Zuckerburg,  Jack Ma, Steve Jobs แต่มันเป็นแค่ 1 % บนโลกเท่านั้น เราไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่เลย แค่หยิบของใกล้ตัวมาต่อยอด ก็สามารถประสบความสำเร็จได้แล้ว”

นี่คือคำพูดของ CEO วัยเพิ่งผ่านเบญจเพสได้ไม่นาน แต่ชั่วโมงบินบนถนนสาย Event Organizer ของเขาเรียกได้ว่าไม่แพ้ใครในประเทศนี้อย่างแน่นอน สำหรับคุณบาส – เทพวรรณ คณินวรพันธุ์ ซีอีโอสุดหล่อจากบริษัท ZAAP Party

หลังจากที่เราได้ติดตามผลงานของ ZAAP มาอย่างต่อเนื่อง จนทราบมาว่าในปัจจุบัน บริษัท ZAAP Party แทบจะกลายเป็น Event Organizer ที่มีงานรัดตัวชนิดเดือนชนเดือน หัวกระไดไม่เคยแห้ง โดยเฉพาะงานใหญ่ประจำปีอย่าง Single Festival  คอนเสิร์ตรวมคนโสดแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย  หรือจะเป็นมหกรรมคอนเสิร์ต EDM เปียกน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่มีใครเหมือนอย่าง Waterzonic ล้วนเป็นผลงานของบาสแทบจะทั้งหมด

 

จากความสำเร็จที่เราได้กล่าวไปข้างต้น ทำให้ทีมงาน UNLOCKMEN คิดว่าน่าสนใจดีถ้าเราจะได้รู้มุมมองวิธีคิดของบาสกันมากขึ้น แม้คิวงานจะรัดตัวอย่างมาก แต่บาสก็ได้สละเวลามาพูดคุยกับเรา พร้อมให้แง่คิด ประสบการณ์ที่แสนยอดเยี่ยม เพื่อเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจไปสู่คนที่มีฝัน และอยากจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันกับเขา

 

Pre-Production : เมื่อเริ่มต้นจากติดลบ ใช้มันเป็นพลังเพื่อเอาชนะ

UNLOCKMEN : เราทราบมาว่า อันที่จริงแล้วก่อนหน้าที่บาสจะเริ่มทำ ZAAP ก็มีงานอีกหลายสาขาที่สามารถเลือกทำได้ อาทิ นักแสดง รวมถึงนักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติ ทำไมถึงเลือกเส้นทาง Event Organizer

‘ต้องเล่าย้อนให้ฟังก่อนว่า ตอนแรกสมัยมัธยมก็ชอบงานแสดงเบื้องหน้าแหละ แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย เรามีโอกาสได้เรียนคณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีโอกาสได้ทำละครเวทีคณะ เลยรู้สึกชอบทำงานเบื้องหลัง ชอบในขั้นตอนการจัดละครเวที เลยคิดว่า เอาวะ! ลองเสี่ยงดูสักตั้ง หยุดงานเบื้องหน้า ไม่ไปแคสติ้งอีกเลย ทั้งที่ตอนนั้นกำลังจะได้เซ็นสัญญาเข้าช่อง และมีงานแสดงละครเข้ามาแล้วด้วย

แต่เรารู้สึกชอบการจัดการออร์แกไนเซอร์ เลยผันตัวเอง ทิ้งเงินตรงนั้นไปหลายบาทพอสมควร หันมาทุ่มเทให้กับงานกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนั้นเราได้เป็นทูตกิจกรรมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์พอดี เลยมีโอกาสได้สนองความต้องการในส่วนนี้’

UNLOCKMEN : จุดเริ่มต้นของ ZAAP เริ่มขึ้นตอนไหน?

‘ตอนที่เราเป็นทูตกิจกรรมมหาวิทยาลัยเนี่ยหละ คือตอนนั้นเราอยากทำคอนเสิร์ตการกุศล โดยหลายคนอาจจะไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้ว งาน ZAAP ครั้งแรกสุดคือการจัดการกุศล เป็น Charity Concert by TU Ambassador  ซึ่งเรานำรายได้ในการจัดคอนเสิร์ตไปช่วยผู้ประสบอุทกภัย 11 โรงเรียน

แต่ผลปรากฎว่าเจ๊งไม่เป็นท่า ซึ่งเรายอมรับเลยว่าทำไปแบบไม่มีความรู้ในการจัดงานอีเว้นท์แม้แต่นิดเดียว ไม่รู้ว่าต้องตั้งราคาบัตรเท่าไหร่ target group เป็นใคร ก็ตั้งราคาบัตรแพงไป สุดท้ายก็ติดหนี้พ่อก้อนแรกในชีวิตร่วม ๆ  9 แสนบาท โดยตอนนั้นอยู่แค่ปี 3 แต่เรารู้สึกว่ายังยอมแพ้ไม่ได้ ก็คิดหาวิธีต่าง ๆ นา ๆ ดันทุรังจัดไป สุดท้ายก็ไม่รอด งานติดขัดตลอด ไม่ลงตัวสักที

กระทั่งวันหนึ่ง ได้เจอกับเพื่อน ๆ เรานี่แหละ ก็บอกว่า “ไอ้บาสทำไมไม่ลองจัดปาร์ตี้ดูวะ”  ด้วยความที่เราไม่รู้เลยว่าจุดแข็งคือเรารู้จักคนเยอะ เป็นคนเยอะที่ไม่ถนัดชวนกันไปทำความดีเท่าไหร่ (ขำ) ก็เลยจุดประกายเป็นที่มาของ ZAAP Party’

UNLOCKMEN : แสดงว่า ZAAP เริ่มตั้งแต่สมัยเรียน แล้วมีวิธีแบ่งเวลาอย่างไร

‘ถ้าคนไม่รู้จักเรา จะไม่รู้ว่าเราทำทุกอย่างในมหาวิทยาลัย เป็นประธานชมรมบาสเกตบอล ซึ่งทำให้เราต้องซ้อมบาสทุกเย็น ซ้อมบาสเสร็จ เราต้องทำรับน้องอีก เพราะเราเป็นประธานคณะ ไหนจะงานทูตกิจกรรมอีก แต่ละวันมันค่อนข้างจะวุ่นวายมาก ทำให้เราได้ฝึกบริหารจัดการตัวเอง เพราะเราเชื่อว่าทุกคนสามารถทำอะไรหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน แต่เราต้องรู้จัก Work by Duty คือทำตามหน้าที่ตัวเองก่อน และต่อมาค่อย Work by Passion นั่นคือทำในสิ่งที่เราอยากทำ เรายึดถือลำดับความสำคัญจากสองสิ่งนี้ จนผ่านช่วงเวลาหนัก ๆ มาได้ และก็เรียนจบมาในเกรดที่พอรับไหว

ซึ่งทั้งสองเคล็ดลับนี้ ก็กลายเป็น Traditional การทำงานของ ZAAP ในปัจจุบัน จนเป็นที่มาของอีกหลาย ๆ โปรเจค นอกเหนือจาก ZAAP Party’

UNLOCKMEN : ช่วยย้อนประสบการณ์งาน ZAAP Party ครั้งแรกให้ฟังหน่อย 

‘ย้อนไปตอนที่เราได้ไอเดียจากการคุยกับเพื่อน ๆ ในตอนนั้น เราก็เริ่มมองหาสิ่งใกล้ตัว ค่อย ๆ เก็บรายละเอียดทีละเล็กละน้อย ตัวอย่างเช่น เวลาเราไปร้านเหล้า แล้วนักร้องใช้มุข ‘ขอเสียงหน่อย บลา ๆ ๆ’ คนก็จะกรี๊ดกันประมาณนึง แต่พอนักร้องบอก “ขอเสียงคนโสดหน่อยเว้ย” คนแม่งจะกรี๊ดดังกว่าการขอเสียงอะไรในโลกนี้อะ นั่นแสดงว่าคนเราให้ความสำคัญกับ status ความโสดมากนั่นเอง’

‘จากไอเดียนั้น ก็เลยเป็นที่มาของการทำ ZAAP  party ในชื่อ เป็นโสดทำไม จริง ๆ การทำปาร์ตี้ก็มี element หลักอยู่ไม่กี่อย่าง มีศิลปิน มีธีมปาร์ตี้ มีเครื่องแต่งกาย พอคอนเซ็ปต์ออกมาดูดีละ เราก็อยากหาลูกเล่นที่จะสร้างความแตกต่างให้กับงาน แล้วช่วงนั้นไปเจองาน Heineken Sensation มาไทยพอดี เราก็ชอบไอเดียที่ทำให้ทุกคนใส่สีขาวทั้งงานไปเที่ยวได้ เราเลยบอกทีม creative ว่าอยากให้คนใส่คอสตูมมาปาร์ตี้ของเราบ้าง

ซึ่งเราคงไม่ทำธีมซุปเปอรฮีโร่อยู่ละ เพราะคนไทยก็คงไม่แต่งมา เลยได้เป็น “ไม่โสดขาว เหงาดำ” ปรากฎวันนั้นคนใส่สีดำทั้งงานเลย และก็ได้ผลตอบรับที่ดีมาก ๆ’

‘เห็นไหมว่าจุดเล็ก ๆ ที่เราเป็นคนช่างสังเกต สามารถต่อยอดไปได้ไกลมากกว่าที่คิด แต่คนส่วนมากชอบมองแต่ภาพกว้าง ไม่ได้มองจุดที่ง่ายของมัน คิดแต่ว่าต้องใหญ่ ต้องลงทุนเยอะ ต้องใช้ศิลปินระดับโลก โปรดักชั่นต้องอลังการ จุดเริ่มต้นของเรามันมาจากจุดเล็กมาก ๆ  เรามองเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครคิดจะนำมาสร้างประโยชน์ต่อยอด คนส่วนมากไปร้านเหล้าเพื่อไปสนุก เราเป็นคนรักสนุก เราแค่นำความสนุกมาต่อความสนุก แล้วสร้างรายได้ สร้างโอกาสให้กับทีมงาน รวมถึงตัวเราเองเท่านั้นเอง’

 

 Production : ถ้าสัญชาตญาณบอกว่าใช่ ก็ลงมือทำเลย

UNLOCKMEN : มีวิธีการทำงาน หรือคิดงานอย่างไรบ้าง

‘ต้องบอกก่อนเลยว่า ทุกโปรเจคที่ผ่านมา มันมาจากตัวเราแทบจะทั้งหมด เหมือนที่บอกไปว่าเรามักจะหยิบจุดเล็ก ๆ นำมาต่อยอด ซึ่งเราคิดว่าก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริงได้ เราต้องมั่นใจก่อนว่ามัน Make Sense ที่จะทำ ถ้ารู้สึกแปลก ๆ กับไอเดียนั้น เราจะยังไม่ลงมือทำทันที คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยคิดเรื่องนี้ เอาอารมณ์ความรู้สึกตัวเองเป็นหลัก และคิดถึงเงินมาก่อน  แต่เนื่องจากเราทำมาเยอะจนรู้ว่าอะไร Make Sense น่าเสี่ยง อะไรไม่ Make Sense ควรเลี่ยง ส่วนเรื่อง Make Money ค่อยว่ากัน หลักการที่เราใช้โคตรจะง่าย จริง ๆ แล้วเราไม่ได้คนเก่งกาจอะไรเลย’ 

UNLOCKMEN : การประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่เยอะ ใช้เคล็ดลับอะไรในการพาตัวเองและบริษัทประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

‘เราต้องทำตัวเป็นคนน้ำครึ่งแก้วตลอดเวลา  คนที่ล้มเหลวส่วนใหญ่ หรือแม้แต่ตัวเราเองเมื่อก่อน มักจะทำตัวเป็นคนน้ำเต็มแก้ว เหมือนจะฟังแต่ก็ไม่ฟัง อาจเพราะ passion หรือความเชื่อมั่นในตัวเองมีมากเกินไปจนไม่ฟังใคร แต่บทเรียนที่เราได้รับก็คือ การเป็นคนน้ำครึ่งแก้วเสมอดีที่สุด เราจะสามารถเติมความรู้ apply งานของเราเข้าไปด้วยได้ตลอดเวลา น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าแบบนี้ยังไงก็ไปได้ไกลไม่มีตัน เพราะต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวคนเดียว การจะประสบความสำเร็จในระดับใหญ่ เราไม่สามารถทำมันด้วยตัวคนเดียวลำพังได้ ดังนั้นเราต้องทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดเวลา’

‘รวมถึงต้องพยายามสอนตัวเองตลอดว่าตอนนี้เรายังไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเราบอกว่าตอนนี้ประสบความสำเร็จแล้ว พอแล้ว เราจะเริ่มขี้เกียจ ตื่นมาคิดว่าเราได้เงินตั้งเท่านี้แล้ว พอแล้ว จะทำอะไรเยอะแยะ ไฟมันดับ แบบนี้ยังไงก็ถอยหลังลงคลอง ซึ่งทุกวันนี้เราไม่คิดแบบนั้น ยังมีอะไรที่เราอยากทำอีกเยอะ อยากทำงานให้มันดีอย่างนี้ต่อไปอีกเรื่อย ๆ ตอนนี้เราเพิ่งจะอายุ 26 เอง ลุยให้เต็มที่ตอนนี้ แล้วค่อยไปหยุดตอนจะเข้าโรงแล้วก็ได้ (ขำ)’

UNLOCKMEN : ไปหาไอเดียครีเอทีฟในการทำงานแบบนี้มาจากไหนเยอะแยะ 

‘เชื่อไหมว่าในบริษัท ZAAP ไม่มีตำแหน่งครีเอทีฟ เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีความเป็นครีเอทีฟอยู่ในตัวเอง อย่างโปรเจคที่ผ่านมาส่วนใหญ่เกิดจากสิ่งเล็ก ๆ ที่อยู่รอบตัว เราไม่เชื่อเรื่องสิ่งใหม่ในโลกนี้ ไม่เชื่อเลย อย่าพยายามหาสิ่งใหม่ มันไม่มีหรอก ถึงมีก็เหลืออยู่ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่แล้วมนุษย์เราก็แค่เอาสิ่งเก่ามาทำให้ดีขึ้น เช่น Waterzonic เกิดจากที่เราไปเที่ยวสงกรานต์ ก็เห็นสงกรานต์ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาได้เป็นกอบเป็นกำ เป็นสัญลักษณ์อันดับต้นของประเทศไทย บวกกับตอนนั้นเจอดนตรี EDM เลยเกิดเป็นไอเดียว่า ถ้าเราเอา water festival มาบวกกับ EDM ไปเลย น่าจะมันส์สุด ๆ จนเกิดมาเป็น Waterzonic ก็เป็นอีกสิ่งที่เราคิดจากจุดเล็ก ต่อยอดมาเป็นรูปธรรมที่ยิ่งใหญ่ในทุกวันนี้’

‘ต้องเป็นคนช่างสังเกต สังเกตทุกสิ่งรอบข้าง พยายามใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป สิ่งรอบตัวเราคือความรู้ทั้งหมด ต้องขโมยมันมา แล้ว apply ให้ดียิ่งขึ้น พอเราทำความเข้าใจ เอามันมาประยุกต์ใช้ ก็จะเกิดสิ่งใหม่ที่กลายเป็นลายเซ็นของตัวเองได้เช่นกัน’

‘เด็กรุ่นใหม่มัวแต่เสียเวลาคิดถึงสิ่งแปลกใหม่ที่มันไม่เคยมีอยู่บนโลก เพราะทุกคนถูกสอนมาให้มี Role Model เป็น Mark Zuckerburg,  Jack Ma, Steve Jobs แต่มันเป็นแค่ 1% บนโลกเท่านั้น จึงแห่กันไปตีความคำว่าครีเอทีฟ เป็นการต้องสร้างอะไรที่มันใหม่ ไม่เคยมีอยู่บนโลกนี้ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่เลย แค่หยิบของใกล้ตัวมาต่อยอดก็สามารถประสบความสำเร็จได้แล้ว’

 

Post-Production : ยอมรับข้อผิดพลาด และเรียนรู้ที่จะแก้ไขมัน

UNLOCKMEN : พอย้อนกลับไปมอง มีอุปสรรคอะไรบ้างที่ทำให้เราท้อแท้ 

‘เอาแบบเฟลที่สุดเลยนะ ก็คือตอนขาดทุนต้นปีนี่หละ ใครจะไปคิดว่าทำมาขนาดนี้จะขาดทุนได้ เหตุผลเนื่องมาจากงาน Single festival เลื่อนเวลาจัดงาน ทำให้ขายบัตรไม่ได้ตามเป้า อารมณ์คนช่วงนั้นไม่พร้อมที่จะปาร์ตี้ กลุ่ม target หลักก็อยู่ในช่วงสอบอีก ทำให้เราขาดทุนไป 30 กว่าล้านบาทจนต้องขายหุ้นบางส่วนออกไป

ถ้าเป็นแต่ก่อนเราคงรับไม่ได้ เครียดมาก แต่เราอยู่กับปัญหามาตลอด และเรียนรู้ที่จะแก้ไขมัน ธุรกิจออร์แกไนเซอร์ปัญหาแม่งเยอะมากนะ อย่างหน้างานถ้าอยู่ดี ๆ ศิลปินไม่ยอมขึ้นจะทำยังไง ถ้าต้องเปลี่ยนที่จัดงาน ต้องเลื่อนวันจะทำยังไง จะถึงงานละ ใบอนุญาตไม่ผ่าน มันมีปัญหาตลอด ซึ่งมันสอนให้เราเรียนรู้ที่จะมองหาข้อดีของมัน จากเคสที่ขาดทุนไป 30 ล้าน เรากลับมองว่า ใช่เราขาดทุน ทางแก้คือต้องขายหุ้นออกไป แต่เราได้ คุณชัชวาลย์ เจียรวนนท์ และ พี่วู้ดดี้ มาถือหุ้น กลับกลายเป็นการต่อยอดธุรกิจ แถมเราก็ยังได้ทำงานที่เรารักต่อไป แค่หุ้นอาจจะน้อยลงเท่านั้นเอง ทุกอย่างมีอุปสรรคเสมอ อยู่ที่เราจะเลือกมองหาแสงสว่างในอุปสรรคเหล่านั้นเจอหรือเปล่า’

UNLOCKMEN : ปัจจุบันดูเหมือนทุกอย่างไปได้ดียิ่งกว่าที่วางเป้าเอาไว้ ยังมีอะไรที่อยากกลับไปแก้ไขในอดีตบ้างไหม

‘สำหรับเรา เราคิดมาตลอดว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เกินฝันไปไกลมากแล้ว เคยมีบ้างที่นั่งคิดกับตัวเองว่า ถ้าเกิดกูไม่ได้ทำ ZAAP ชีวิตนี้จะทำอะไรวะ? แต่คิดไม่ออกจริง ๆ เพราะงั้นสิ่งที่จะทำต่อไปก็คือ ทำไปเรื่อย ๆ ทำให้ดีที่สุด เราเดินต่อด้วยความสนุกกับมัน มองหาแง่มุมดี ๆ ของมัน ที่ผ่านมาก็ช่างมัน ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดอะไร เพราะคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว และมันก็เป็นชิ้นส่วนที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้’

UNLOCKMEN :  พอจะจำได้ไหมว่าทำปาร์ตี้ไปทั้งหมดกี่งานแล้ว 

‘ทำงานมา 5 ปี ก็น่าจะร่วม ๆ 600 กว่าโปรเจคแล้วนะ’

UNLOCKMEN :ตอนนี้ ZAAP มีโปรเจค ใหม่ ๆ อะไรบ้าง นอกเหนือจาก ZAAP Party

‘ปีหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ คือ ZAAP ของเราจะมีคอนเซ็ปต์คือ “ZAAP is your friend” เราจะไป back to basic กลับไปหา target เด็กมหาลัยอีกครั้ง ถ้าได้ first jobber มาก็ถือเป็นกำไร และนี่คือครั้งแรกที่เราจะเปิดเผยไลน์โปรเจคดังต่อไปนี้ 

1 . Your  Party ที่จะมีงาน Music Festival อย่าง Waterzonic, Spacejam, Fullmoon, Single Festival, เด็กสายศิลป์, S2o, Bangkok Countdown และอีกมากมาย

2. Your Music เราจะผลักดันวงการเพลงไทยด้วยการทำให้เด็ก ๆ มีเพลงเป็นของตัวเอง เราจะมีโปรดิวเซอร์ มืออาชีพมาให้คำปรึกษา ทำเพลงอย่างจริงจังขายใน iTune เราจะขยายคอขวดของตลาดเพลงไทยซะ

3. Your Shopping  ก็คือ ZAAP on sale เราจะซัพพอร์ตงานไทยไปขายที่จีน หรือต่างประเทศ เพราะเรามีความคิดว่า multi-brand ชาติอื่นมาที่ไทยแล้วมาเอาเงินคนไทยไป ทำไมเราไม่เอา multi-brand ไทยไปต่างประเทศ เราไม่อยากมาจัดที่สยามแล้วคิดจะมากินเงินคนไทยด้วยกันเอง

4. Your Game เราไม่ได้จะทำในเชิง eSport ให้คนมาแข่งขัน แต่เราอยากสร้าง Community เพื่อคนที่รักเกมได้มาสนุกสนานกัน

5. Your Food ก็จะเป็นเกี่ยวกับเรื่องของอาหารที่จะแนะนำในสไตล์ของเราเอง

โดยภายใต้ไลน์ทั้งหมดนี้ ก็จะมีโปรเจคย่อย ๆ อีกอย่างเช่น  ZAAP ROOM ที่จะผลักดันวงการดนตรีใต้ดินในบ้านเรา และอื่น ๆ อีกเพียบ ก็อยากให้ติดตามชมกัน รับรองว่ามันส์จัดอัดแน่นแน่นอน’

UNLOCKMEN : เท่าที่ฟังมาเหมือนทุกโปรเจคต่อจากนี้ จะเน้นทำเพื่อต่อยอดให้คนอื่นในสังคม 

‘มันคือ Give and Take สัจธรรมง่าย ๆ แต่คนส่วนใหญ่ชอบคิดถึงแต่เรื่องจะหาเงินเข้ากระเป๋า จะไปเอาเขาฝ่ายเดียวแบบนี้ก็ผิดแต่เริ่ม เพราะไม้จะไปได้ แต่อาจจะไปได้ไม่ไกล แต่ยังไงเราก็ต้องเริ่มหันมารักตัวเองบ้างหละ (ขำ) เพราะเราพึ่งไป life coaching มาสองวัน ทำให้รู้ว่าเราแม่งไม่รักตัวเองเลย ซึ่งมันไม่ดีนะ เราต้องกลับมารักตัวเองบ้าง ถ้าเรารักตัวเองเป็น เราก็จะรักคนอื่นได้ง่ายขึ้น’

UNLOCKMEN : โปรเจคเยอะงี้ไม่กลัวผิดหวังบ้างหรอ

‘อย่างที่บอก เรา Work by Passion ทุกอย่างคือตัวเรา ความชอบของเรา ซึ่งก็บอกไม่ได้หรอกว่าทุกโปรเจคจะประสบความสำเร็จ แค่ปังสัก 2-3 อันจากทั้งหมดก็พอแล้ว อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย’

UNLOCKMEN : ถ้างั้นช่วยฝากถึงงานที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ของ ZAAP หน่อย 

‘เอาที่ใกล้ที่สุด ที่เพิ่งผ่านไปก็  Bangkok countdown เมื่อวันที่ 30-31 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งอยากจะขอเล่าย้อนให้ฟังว่าโปรเจคเริ่มเกิดจากที่ตัวเราเองเคาท์ดาวน์ในผับมา 2-3 ปี แล้วรู้สึกเบื่อ ก็คิดในใจว่ามันไม่มีที่ใหม่ให้ไปเลยหรอวะ อย่าง Central World ก็คงไม่ใช่ทางเรา ดังนั้นเลยไปคุยกับพี่วู้ดดี้ว่า งั้นเรามาสร้างแลนด์มาร์คใหม่สำหรับคนที่ชื่นชอบดนตรี EDM เลยละกัน จึงเกิดเป็นงาน TBC  ซึ่งเราใช้ทีมงานเดียวกับ S2O ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าจัดเต็มทั้ง line up, production มันส์กันข้ามปีไปพร้อมกับดีเจระดับโลกกัน’

‘ส่วนอีกหนึ่งงานที่เราภูมิใจมาก และกำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ก็คือ G19 โดยเราได้โอกาสจากค่าย Genie ในการจัดการออร์แกไนซ์ทั้งหมด เริ่มขายบัตรวันที่ 7 มกราคมนี้ อยากให้ทุกคนมากันเยอะ ๆ  เพราะคงไม่มีคอนเสิร์ตไหนที่รวม 20 วงดนตรีแนวหน้าของเมืองไทยได้ขนาดนี้ แสดงโชว์ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน แค่พูดก็รู้สึกตื่นเต้นท้าทายมากเลยเนี่ย (หัวเราะ)’

UNLOCKMEN : สุดท้ายอยากให้บาส ช่วยปลุกไฟให้กับผู้อ่าน UNLOCKMEN ที่กำลังมีความฝัน หรือมีบาสเป็นไอดอล ปิดท้ายก่อนจากกันในวันนี้

‘เอาง่าย ๆ ใช้ได้จริงแล้วกันครับ ตราบใดที่มันเป็นแค่ฝัน มันก็ยังเป็นฝันที่ไม่เกิดขึ้นจริง แต่ถ้าคุณลงมือทำมันก็อาจจะเป็นฝันที่เกิดขึ้นจริงก็เป็นได้ แค่นั้นเอง’

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line