Work

INCREASE YOUR PRODUCTIVITY: วิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานง่าย ๆ แต่เห็นผลทันตา

By: PEERAWIT May 9, 2018

คุณเห็นด้วยไหม ? ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะรักษาประสิทธิภาพในการทำงานให้อยู่ในระดับสูงตลอดวันทำงาน ให้เป็นไปตามความคาดหวังของตัวเราเองและหัวหน้า

แล้วเคยเป็นไหม ? ทำงาน 8-12 ชั่วโมงแต่ว่าไม่เสร็จสักงานตามที่วางแผนไว้ เนื่องจากความขี้เกียจ ไม่ก็ขาดความต่อเนื่อง หรือเสียสมาธิง่ายไปหน่อย บ้างก็โฟกัสผิดจุด ไปเน้นงานที่ไม่สำคัญก่อน สุดท้ายกลายเป็นเผาเวลาทิ้งไปเรื่อย ๆ ต้องยกงานของวันนี้ไปทำพรุ่งนี้ เข้าทำนองสำนวน “ดินพอกหางหมู” ไม่มีผิด แบบนี้ถ้าปล่อยไว้เรื่อย ๆ คงจะไม่ดีนัก เพราะเราจะกลายเป็นคนที่มี productivity ต่ำ

คำว่า “Productivity” นั้นหมายถึงการวัด (Measure) ค่าเฉลี่ยของประสิทธิภาพ (Efficiency) การผลิต ซึ่งคำว่า “การผลิต” นั้นจะเป็นอะไรก็ได้ เช่น เงิน, งาน หรือ ผลลัพธ์อื่น ๆ

โดยข้อมูลจาก องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โอซีดีซี) หรือ Organization for Economic Cooperation and Development (OECD) ะบุว่า ประเทศที่มี productivity มากที่สุด 5 อันดับแรกของปี 2017 คือ

  1. ลักเซมเบิร์ก
  2. ไอร์แลนด์
  3. นอร์เวย์
  4. สวิตเซอร์แลนด์
  5. สหรัฐอเมริกา

เอาเป็นว่าไม่ต้องเครียดว่าประเทศไทยอยู่ตรงไหนนะครับ เริ่มที่ตัวเราก่อนเลยดีกว่า ด้วยวิธีการเพิ่ม productivity ของตัวเราเอง ด้วยเทคนิคง่าย ๆ แต่เห็นผลชัดเจนที่ทีมงาน UNLOCKMEN นำมาแชร์ให้ลองนำไปปรับใช้กันดู

 

วางแผนจากความเป็นจริง

ก่อนจะเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ คืนนี้หลังอาบน้ำอาบท่าเสร็จ สบายตัวแล้วก็นั่งลงวางแผนงานของวันพรุ่งนี้ไว้เลย แต่อย่าไปเอางานที่ไม่สามารถทำเสร็จได้ภายในวันเดียวมาใส่ไว้ในแผนรายวัน พยายามยึดเอางานที่เราสามารถเอาอยู่ได้ภายในวันเดียว และลิสต์งานที่ต้องทำให้เสร็จในวันพรุ่งนี้ก่อนเสมอ หรืองานที่สำคัญที่สุดก่อน ถ้าเราสามารถวางแผนงานได้อย่างลงตัวก็จะช่วยให้เรามีเป้าหมายชัดเจน ไม่เสียสมาธิง่าย ๆ และไม่เสียเวลา พอเริ่มแปลนรายวันได้แล้ว ก็เริ่มแปลนเป็นรายสัปดาห์ ต่อยอดสู่แผนระยะยาว วิธีการนี้นอกจากจะช่วยเพิ่ม productivity ได้แล้ว ยังช่วยให้เราไม่เครียดจนมากเกินด้วย

 

มองหาความท้าทายใหม่ ๆ

เอ้า! อ่านหัวเรื่องแล้วอย่าเข้าใขผิดว่าควรหางานใหม่นะครับ (ฮา) แต่หมายถึงว่าเราควรจะพัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ถ้าเราทำอะไรแบบเดิม ๆ ทุกวันก็คงจะเบื่อแย่ และมันจะกระทบกับประสิทธิภาพในการทำงาน แบบนี้ต้องหาไอเดียและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการทำงานแล้ว เพื่อความมันส์ในงานที่เรารักในทุก ๆ วัน

เวลาทำอะไรใหม่ ๆ เราจะรู้สึกตื่นเต้นและมีใจจดจ่อกับมันสุด ๆ ช่วยเพิ่ม productivity โดยอัตโนมัติ ลองดูว่าในออฟฟิศมีอะไรที่คุณอยากจะเรียนรู้เพิ่มเติม ทั้งจากเพื่อนร่วมงานในทีมและแผนกอื่น จากนั้นก็กระโดดเข้าไปลุยซะ รับรองว่าแบบนี้ win-win กันทั้งตัวคุณเองและบริษัทต้นสังกัด

 

แยกแยะเรื่องอื่นออกไปจากเรื่องงาน

หนึ่งในเหตุผลสุดคลาสสิคของการสูญเสียสมาธิในการทำงานก็คือการเอาเรื่องส่วนตัวมาแจมด้วย ซึ่งมันทำให้เราโฟกัสงานในมือยากขึ้นไปอีก ต้องพยายามอย่านำความดราม่าส่วนตัวมาปนกับความเป็นมืออาชีพ ควรตัดเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตออกไปก่อนขณะทำงาน ในทางกลับกัน ก็ควรจะบริหารตัวเองให้ดี ไม่ควรนำงานกลับไปทำที่บ้าน เวลาพักก็ควรจะรีแลกซ์เต็มที่ ใช้เวลากับคนรอบข้างแบบเต็มเหนี่ยว เวลาทำงานก็ลองวางสมาร์ทโฟนของคุณให้พ้นมือหน่อย ส่วนแอปฯ ที่ใช้ติดต่อสื่อสารในคอมพิวเตอร์ เช่น LINE หรือ Facebook ให้ลองตั้งค่าแจ้งเตือนเฉพาะกลุ่มที่ใช้คุยเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวค่อยเอาไว้เช็กตอนพัก

 

ไม่ไหวก็พัก

ถ้าทำงานไปเรื่อย ๆ แล้วรู้สึกว่าตัน สมองตื้อ ความคิดนิ่งมาพักใหญ่ นั่นแปลว่าเราใช้สมองมากเกินไปแล้ว พักเถอะครับถ้ามันมาถึงจุดนี้

หากล้าก็พักสักครู่ ยืนขึ้นยืดเส้นยืดสาย หากาแฟดื่ม เดินเล่นบ้าง (ไม่ได้หมายความว่าให้แวบไปเดินห้าง) โดยการทำ power break นี้ จะช่วยชาร์จแบตให้เราได้อย่างรวดเร็ว ก่อนกลับมาทำงานต่อด้วยความแกร่ง อย่าฝืนทำงานในขณะที่เรารู้ตัวว่าเอาไม่อยู่แน่ ๆ เพราะมันจะทำให้ทุกอย่างยิ่งช้าลงจนหยุดนิ่ง

 

กำหนดเวลาในการทำงาน

หลังจากที่เราวางแผนการทำงานรายวันได้แล้ว อย่าลืมวางเดดไลน์ของแต่ละชิ้นงานด้วย แม้ว่าการขีดเส้นตายในการทำงานจะเป็นการกดดันตัวเองอยู่บ้าง แต่มันก็ช่วยให้เราทำงานสำเร็จตามเป้าหมาย อีกอย่างหนึ่งคือการกำหนดเวลาที่เราจะกลับบ้าน(หลังเวลาเลิกงาน)ในแต่ละวัน เพื่อเป็นการกำหนดเส้นตายอีกเส้น ถ้าเราทำงานเสร็จก่อนเวลาที่วางไว้แล้วยังมีพลังเหลือ ก็เป็นการดีที่จะเริ่มทำงานของวันพรุ่งนี้ล่วงหน้าไว้บ้าง ไม่ก็คิดไอเดียใหม่ ๆ ก่อนกลับบ้าน แบบนี้ถือว่าได้งานเกินเป้า

 

ผักผ่อนให้เพียงพอ

ถ้าคุณเป็นผู้ชายสาย work hard, play hard เราอยากแนะนำให้เพิ่ม rest well เข้าไปอีกคำ เพราะการทำงานหนักมันสร้างทั้งความเหนื่อยล้าและความหิวไม่เบา อย่าลืมรักษาสุขภาพ ทานอาหารให้พอเหมาะ ดื่มน้ำบ่อย ๆ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

พูดถึงเรื่องการกินที่หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่ามันอาจกวนสมาธิในการทำงานของเราได้ ก็คือการกินขนมขบเคี้ยวหรือเครื่องดื่มหลากหลายขณะทำงาน ลองคิดดูว่าการมีขนมเต็มโต๊ะมันจะแย่งซีนคุณจากงานได้ขนาดไหน

นอกจากการดูแลสุขภาพตัวเองแล้ว ควรจะหาเวลาว่างในการทำกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกแฮปปี้ไปด้วย วันรุ่งขึ้นสมองก็จะปลอดโปร่ง โล่งพอที่จะรับมือชิ้นงานที่ถาโถมเข้ามาได้สบาย ๆ

 

ให้รางวัลกับตัวเอง

สุดท้าย อย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมความสำเร็จ คุณควรให้รางวัลตัวเองเมื่องานลุล่วงไปด้วยดี เรื่องนี้เราทำด้วยตัวเองได้ เป็นธรรมดาหากงานดีเราก็จะรู้สึกดีด้วย ควรฉลองกับตัวเองในเรื่องที่สมควร เพราะเราควรค่ากับพลังบวกที่เกิดจากหยาดเหงื่อแรงกายของตัวเอง มันจะส่งผลดีกับชีวิตคุณ แถมยังเป็นแรงจูงใจที่ยอดเยี่ยมในการลุยงานที่ท้าทายกว่าต่อไป พาตัวเองไปกินอะไรดี ๆ บ้าง ไปเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไป อยากได้อะไรก็จัด อย่างกกับตัวเองมากเกิน เดี๋ยวจะรู้สึกไม่เติมเต็ม

 

ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของวิธีการจุดไฟเพื่อให้คุณโฟกัสกับงานได้มากขึ้น มีแรงจูงใจในการลุยงานทุกวัน และเพิ่ม productivity ได้อย่างเห็นผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคน “ต้อง” ทำตามนี้ทั้งหมด ลองครีเอทวิธีมันส์ ๆ ที่เข้ากับตัวคุณเพิ่มเติม แล้ววัดผลว่ามันเวิร์กมั้ย ถ้าได้ผลก็แชร์ต่อ ๆ กัน เชื่อว่าสักวันประเทศเราคงจะติด top 5 ประเทศที่มี productivity มากที่สุด

ทำงานให้สุด แล้วหยุดที่ weekend 

 

SOURCE 1 / SOURCE 2 / SOURCE 3

PEERAWIT
WRITER: PEERAWIT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line