Brad Pitt จากเด็กเรียนไม่จบ สู่หนึ่งในนักแสดงที่มีผลงานมากที่สุดในฮอลลีวู้ด

คุณยอมสูญเสียได้มากแค่ไหนเพื่อสิ่งที่คุณรัก ? เชื่อว่าหลายคนก็คงมีความคิดแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความเสี่ยงหรือผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมา แต่เขาผู้นี้คือคนที่ยอมทิ้งทุกอย่าง ขอเพียงให้ความฝันของตัวเองออกมาเป็นความจริง เขายอมทิ้งอนาคตของตัวเองด้วยการลาออกจากมหาวิทยาลัย ซึ่งในขณะนั้นเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 2 อาทิตย์ เขาก็จะจบการศึกษาตามหลักสูตรแล้ว แต่เขายืนยันหนักแน่นว่าความฝันเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ และเขาก็ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วในความสำเร็จ ณ ปัจจุบันจากการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลหลายสิบเวที เขามีผลงานภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์มากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Fight Club, 12 Monkeys, 7 years in Tibet, Seven, Mr. and Mrs.Smith, The Curious Case of Benjamin Button และอื่นๆ อีกมากมาย คนที่เรากำลังพูดถึงคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขาคนนี้ Brad Pitt

Brad Pitt หรือชื่อเต็มว่า William Bradley Pitt เขาเกิดและเติบโตในเมือง Shawnee มลรัฐ Oklahoma เขามีพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจรถบรรทุก และมีแม่เป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษาให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่ง เขาได้เข้าทำการศึกษามัธยมต้นที่นั่น ชีวิตในช่วงวัยเด็กของแบรดด์ไม่มีอะไรโดดเด่น เขาดำเนินวิถีชีวิตเสมือนเด็กในย่านตะวันตกตอนกลางของอเมริกาทั่วไป โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ครอบครัวของเขาเป็นคริสเตียน นิกายแบ็บทิสต์ แต่โดยส่วนตัวเขาไม่มีความเชื่อเรื่องศาสนาแม้แต่นิดเดียว

หลังจากนั้น ครอบครัวของแบรดด์ก็ทำการยกครอบครัวย้ายมาอาศัยอยู่ที่ เมือง Springfield มลรัฐ Missouri ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า เมืองแห่งนี้มองไปทางไหนก็จะพบแต่เนินเขา เขาได้เข้าเรียนในระดับไฮสคูลที่โรงเรียน Kickapoo High School และที่นั่นเองที่ทำให้แบรดด์เริ่มฉายแสงในตัวเอง แบรดด์ในวัยนี้ได้กลายเป็นเด็กกิจกรรมที่โดดเด่นของโรงเรียน เขาอยู่ในชมรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ชมรมว่ายน้ำ ชมรมเทนนิส ชมรมกอล์ฟ อีกทั้งเขายังเป็นตัวแทนโรงเรียนในการโต้วาที และมีความโดดเด่นในด้านดนตรีอีกด้วย

ในปี 1982 เมื่อจบไฮสคูล แบรดด์ได้เข้าไปทำการศึกษาทางด้านวารสารศาสตร์ต่อที่ University of Missouri ถึงแม้เขาจะเรียนวิชาเอกเกี่ยวกับทางด้านนักข่าว แต่ด้วยความที่สนใจวงการบันเทิง เขาก็ได้เลือกวิชาโทในด้านการโฆษณา ในขณะเข้ารับการศึกษา แบรดด์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขารู้ตัวเลยว่าเขาไม่ได้มีความชื่นชอบทางด้านนี้เลย อีกทั้งเขารู้ตัวว่าเส้นทางชีวิตของเขาไม่พร้อมจะเลือกเดินทางสายนั้น เพราะเขารักศาสตร์ทางด้านภาพยนตร์เป็นที่สุด ทำให้ต่อมาอีกไม่นาน แม้จะเรียนโฆษณาควบคู่ไปด้วย แต่ก็ไม่สามารถดึงรั้งความฝันของเขาได้อีกต่อไป ก่อนที่มหาลัยจะจบหลักสูตรอีกเพียง 2 อาทิตย์ แบรดด์ก็ได้ทำการลาออก เพื่อไปตามล่าความฝันของเขาที่เมือง Los Angeles

ในปี 1987 แบรดด์ได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมือง Los Angeles เมืองที่เขาเชื่อว่าโอกาสมีให้สำหรับผู้ที่ยอมทุ่มเท และที่นั่นเอง เขาเริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนการแสดง และเริ่มทำงานเสริมอะไรก็ตามที่ขวางหน้าเพื่อหาเงินมาจุนเจือตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น พนักงานขับรถลิมูซีน, แต่งชุดมาสคอตต์เป็นตัวการ์ตูนยืนต้อนรับหน้าร้านไก่ทอดชื่อดัง หรือทำงานอื่นๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ เขาผู้นี้ก็เคยทำมาแล้วทั้งนั้น

ด้วยเหตุที่แบรดด์ได้เข้าเรียนการแสดงในคลาสของ Roy London ผู้เป็นนักแสดงอเมริกาที่มีผลงานมากมาย ด้วยความที่ฉายแววทำให้เขาได้รับโอกาสถูกชักชวนจากอาจารย์เพื่อไปแคสต์ภาพยนตร์ต่างๆ มากมาย ทำให้แบรดด์ได้ไปปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์เรื่องแรกในเรื่อง No way out ในปีเดียวกันนั้นเอง หลังจากแสดงเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์สองสามเรื่อง เขาก็ได้รับการติดต่อจากช่องโทรทัศน์ NBC และท้ายที่สุดก็ได้รับบทในละครแนว Soup เรื่อง  Another World หลังจากเล่นละครเรื่องนี้ เขาก็ถูกทาบทามให้ไปรับบทตัวเอกในละครซิตคอมเรื่อง Growing Pains ต่อจากน้ั้นไม่นาน ช่อง Fox ก็มาทาบทามเขาไปเล่นภาพยนตร์แนวตำรวจสืบสวน เรื่อง  21 Jump Street ทำให้ช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาสร้างฐานด้านชื่อเสียงไว้มากมายจากผลงานทางจอเงิน ซึ่งต้องยอมรับว่าเขาเป็นนักแสดงอีกหนึ่งคนที่ได้รับโอกาสในการแสดงผลงานติดต่อกันรวดเร็วมาก

ในปี 1988 หลังจากที่หนีหายไปแสดงผลงานทางด้านจอโทรทัศน์ไว้หลายเรื่อง แบรดด์ก็ได้รับโอกาสถูกชักชวนให้มาเล่นเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์เป็นเรื่องแรก ในเรื่อง The Dark side of the Sun จากโปรดักชั่น Yugoslavian–U.S แต่น่าเสียดายด้วยเหตุผลทางการเมือง ทำให้สุดท้ายภาพยนตร์เรื่องนี้มาถูกฉายจริงในปี 1997 นับเป็นเวลา 9 ปี หลังจากการถ่ายทำเสร็จสิ้น

ในปี 1989 แบรดด์ก็ได้รับการทาบทามจากค่าย Motion Picture ให้ได้รับบทบาทเป็นตัวเอกอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Happy Together และ Cutting Class ยังไม่จบเท่านั้นด้วยความที่เป็นนักแสดงดาวรุ่งหน้าใหม่ ในปี 1991 เขาก็ได้รับการทาบทามจากทางค่าย HBO ให้ไปแสดงให้ภาพยนตร์เรื่อง The Image หลังจากนั้นแบรดด์ก็ได้รับบทให้เล่นในภาพยนตร์ และซีรี่ย์ตามมามากมายนับไม่ถ้วน

จนกระทั่ง ปี 1995 ปีที่ทำให้ชีวิตทางด้านนักแสดงของแบรดด์พุ่งขึ้นถึงขีดสุดก็มาถึง เขาได้มีโอกาสได้รับบทบาทให้เป็นนักแสดงนำร่วมกับ Morgan Freeman นักแสดงรุ่นเก๋า ในเรื่อง Seven และเรื่องนี้สร้างปรากฏการณ์ประสบความสำเร็จอย่างท้วมท้น เขาถูกนักวิจารณ์ชมว่า “มีพลัง มีความสามารถในการควบคุมการดำเนินเรื่อง และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวแสดง”  ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างกว้างขวางเพียงชั่วข้ามคืนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 327 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 7,000 ล้านบาท

และในปีเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้ทำการแสดงในภาพยนตร์ที่เป็นกระแสโด่งดังอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง 12 Monkeys จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เขาคว้ารางวัล Golden Globe สาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมมาครอบครอง อีกทั้งยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงในเวที Academy Awards ในสาขาเดียวกันอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นปีที่เปลี่ยนชีวิตของชายผู้นี้จริงๆ

หลังจากนั้น แบรดด์ก็โลดแล่นอยู่ในวงการฮอลลีวู้ดอย่างเต็มตัว เขามีผลงานดังๆต่อมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Fight Club, Ocean’s Eleven, The Mexican  Mr. and Mrs.Smith, The Curious Case of Benjamin Button, World War Z ซึ่งปัจจุบันแบรดด์มีผลงานการแสดงภาพยนตร์ไปแล้วมากกว่า 60 เรื่องด้วยกัน ซึ่งถือว่าสูงมาก และยังคงผลิตผลงานออกมาเรื่อยๆ ทุกปี

ถือว่าชายผู้นี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่พิสูจน์ว่าความฝันเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ เรียกได้ว่าการตัดสินใจในความเสี่ยงจากการยอมทิ้งอะไรบางอย่างในชีวิตเพื่อความฝันของเขาในวันแรก กลับกลายเปลี่ยนเป็นรางวัลแห่งโอกาสให้เขาประสบความสำเร็จในภายหลังจริงๆ ดังนั้นตอนนี้ถ้าใครที่กำลังมีความฝัน แล้วกำลังเฝ้ารอโอกาสอะไรบางอย่าง เรื่องราวของชายคนนี้คงพิสูจน์ให้คุณเห็นแล้วว่า โอกาสไม่ใช่สิ่งที่เราจะได้รับจากคนอื่นเท่านั้น หากแต่เป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างได้ขึ้นเอง เหมือนชีวิตของนักแสดงมากความสามารถของเราคนนี้ Brad Pitt

DEAUVILLE, FRANCE – SEPTEMBER 03: U.S actor Brad Pitt arrives for the premiere of “The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford” during the 33rd Deauville American Film Festival on September 03, 2007 in Deauville , France. (Photo by Francois Durand/Getty Images) *** Local Caption *** Brad Pitt