Entertainment

Jim Carrey เพราะในชีวิตจริงไม่ได้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

By: unlockmen August 13, 2015

“เขามีความสามารถอันน่าทึ่ง จนแทบจะถึงขั้นน่าสะพรึงกลัว” นี่คือคำชมที่หนังสือพิมพ์เคยเขียนวิจารณ์ชายคนที่เรานำเรื่องราวของเขามาฝากกันในวันนี้ เขาคืออีกหนึ่งตัวอย่างที่พิสูจน์ว่า ความสามารถเป็นสิ่งที่ดึงความสำเร็จมาสู่ชีวิตได้โดยไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเกิดมาในครอบครัวที่เพรียบพร้อม ชายคนที่เรากำลังพูดถึงเป็นหนึ่งในนักแสดงตลกแถวหน้าของวงการฮอลลีวู้ด เขามีผลงานภาพยนตร์มาแล้วมากมาย หลายๆ คนในตอนเด็ก คงจำเขาได้จากบทบาท The mask มนุษย์ที่สวมหน้ากากสีเขียว และตามมาด้วยภาพยนตร์ตลกสุดฮา Dumb and Dumber ที่ประสบความสำเร็จมากในยุค 90 คนที่เรากำลังพูดถึงคนเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขาคนนี้ Jim Carrey

Jim-Carrey-young-shot

Jim Carrey เป็นนักแสดงอีกหนึ่งคนในฮอลลีวู้ดที่เป็นชาวแคนาดา โดยจิมเกิดและเติบโตในเมืองนิวมาร์เก็ต จังหวัดออนโตริโอ้ เขามีแม่เป็นพนักงานทำความสะอาดบ้าน และมีพ่อเป็นนักบัญชี เขามีเลือดมากกว่า 4 เชื้อชาติไหลวนเวียนอยู่ในร่างกาย อันได้แก่ ฝรั่งเศษ, สก็อตทิช, ไอริช จากฝั่งแม่ และ แคนาดา จากทางฝั่งพ่อ อย่างที่เขาว่ากันว่าเด็กที่เกิดมาโดยมีเลือดหลายเชื้อชาติจะฉลาด คำพูดนี้คงจะน่าเชื่อถือขึ้นมาบ้างหากเรานำมาเปรียบเทียบกับชีวิตของเด็กคนนี้

จิมในวัยเด็กเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และเป็นที่รักของเพื่อน เขาฉายแววความฉลาดให้อาจารย์ในชั้นเรียนเห็นตั้งแต่อยู่ขั้นประถม จนกระทั่งอาจารย์จะให้เขาออกมาเล่าเรื่องตลกให้เพื่อนๆ ฟัง ทุกวันก่อนหมดคาบเรียนวันละ 15 นาที เมื่อเข้าสู่วัยมัธยม จิมเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยม เมืองเบอร์ลิงตัน ในจังหวัดเดียวกัน ซึ่งเขารักจังหวัดบ้านเกิดของตัวเองมาก เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าชีวิตในการแสดงของผมไม่ประสบความสำเร็จแบบนี้ ผมคงจะตัดสินใจทำงานอยู่ในโรงถลุงเหล็กที่เมืองฮามิลตัน(จังหวัดออนโตริโอ้)แน่นอน”

carrey3

ถึงอย่างนั้นก็ตาม จิมในวัยรุ่นคาดหวังที่จะออกไปไล่ล่าความฝันการอยู่ใต้แสงสปอตไลท์ที่เขาชื่นชอบ  ทำให้จิมในวัยนั้นตัดสินใจทิ้งเมืองที่เขารักไว้ข้างหลัง เพื่อออกมาลองเสี่ยงโชคชะตาในเมืองหลวงของรัฐออนโตริโอ้ อย่างเมืองโตรอนโต้

ด้วยความที่พ่อของจิมมีงานเสริมเป็นอาชีพนักดนตรี ทำให้เขาสนับสนุนลูกชายของตัวเองอย่างมากทางด้านนี้ พ่อของเขาได้ฝากฝังจิมให้แก่เพื่อนที่เปิดคลับอยู่ในเมืองโตรอนโต้ เพื่อลองให้จิมไปแสดง One Stand up Comedy อีกทั้งยังเป็นคนพาขับรถไปส่งด้วยตัวเองทุกคืนอีกด้วย จิมเริ่มทำการแสดงเดี่ยวครั้งแรกที่คอมมาดี้คลับ Yuk Yuk’s ณ เมืองโตรอนโต้ ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม ทำให้เจ้าของคลับได้ตกลงให้เขามาเล่นที่นี่ได้เป็นงานอดิเรก จนกระทั่งครอบครัวของจิมประสบปัญหาด้านการเงิน ทำให้จิมได้ทำการตัดสินใจเล่นประจำให้แก่คลับ เพื่อเอาเงินส่วนนั้นมาช่วยจุนเจือครอบครัว

Duck_Factorytytyutfuty

และคนที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาลก็ได้ก้าวเข้ามาในช่วงระยะเวลานี้เอง คืนหนึ่งเมื่อจิมได้เล่นอยู่ที่คลับ Yuk Yuk’s เหมือนวันอื่นๆ ทั่วไป ได้มีคนๆ หนึ่งได้เข้ามาชื่นชม และทำความรู้จักกับเขา คนๆ นั้นก็คือ  Rodney Dangerfield นักแสดงตลกชื่อแดงแห่งวงการฮอลลีวู้ดในยุคนั้นนั่นเอง และเขาผู้นี้จะเป็นผู้ที่เปลี่ยนเส้นทางอนาคตของจิมต่อมา

รอดนีย์ได้พูดกับจิมว่าเขาสามารถมีส่วนช่วยผลักดันให้ความสามารถของจิมไปไกลได้กว่าการมานั่งเล่นอยู่ในคลับแบบนี้ ไม่นานรอดนีย์ก็ได้พาจิมมุ่งสู่เมือง Las Vegas เมืองสวรรค์ของเหล่านักแสดงทันที ไม่นานจากลาสเวกัส จิมก็มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองฮอลลีวู้ด เมืองที่เขาเชื่อว่าจะสามารถมอบโอกาสให้เขาได้ไกลกว่า

1200

ในปี 1992 จิมได้เริ่มเล่นที่คลับ The Comedy Store ในเมืองฮอลลีวู้ดนั้นเอง และด้วยลีลาที่ฉายแวว ทำให้เขาได้มีโอกาสไปทำการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนในรายการ  An Evening at the Improv และในปีถัดมา กราฟชีวิตทางด้านการแสดงของเขาก็พุ่งถึงขีดสุดเมื่อเขาได้มีโอกาสไปออกรายการ The Tonight Show ของ Jimmy Follon ด้วยรายการนี้เองที่ถือเป็นใบเบิกทางในอาชีพ และทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ส่วนชีวิตทางด้านการแสดงของจิมก็เริ่มต้นขึ้นในปี 1984 เมื่อเขาได้เริ่มไปทำการร่วมคัดเลือกนักแสดงในละครซิตคอมเรื่อง The Duck Factory ของช่องชื่อดังอย่าง NBC ด้วยความสามารถทำให้เขาได้ถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนักแสดงนำจนได้ในท้ายที่สุด ปีต่อมา ในปี 1985 เขาก็ได้รับบทบาทให้เป็นตัวเอกจนได้ในละครซิตคอมเรื่อง Once Bitten หลังจากนั้นเขาก็ได้มีรับบทบาทให้แสดงต่อมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Peggy Sue Got Married (1986), The Dead Pool (1988) และ Doing Time on Maple Drive (1994)

rexfeatures_1580198a

ปี 1994 เป็นปีที่เปลี่ยนให้จิมกลายเป็นซูปเปอร์สตาร์ในวงการในที่สุด เขาได้รับงานแสดงภาพยนตร์ที่สร้างชื่อมากมาย อีกทั้งเรื่อง The Mask ที่เขารับเล่นในปีนั้น ก็กลายเป็นหนังยอดฮิตติดกระแสทั่วโลก รวมทั้งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในรางวัล Golden Globe จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่เพียงแค่นั้น เขาก็ได้รับงานแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Dumb and Dumber ซึ่งกล่าวขานกันว่าเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้เรื่องหนึ่งในยุคนั้นเลย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้ไปทั่วโลกกว่า 270 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 9,400 ล้านบาท

จากนั้นในปี 2004 แครี่ก็ได้ผันตัวเองมาลองรับบทในหนังโรแมนติกดูบ้างจากเรื่อง  Eternal Sunshine of the Spotless Mind ซึ่งกลับประสบความสำเร็จอย่างน่าตกใจ โดยเขาถูกสำนักข่าว CNN วิจารณ์ว่า “เป็นนักแสดงที่มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด” นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถูกเสนอเข้าชิงรางวัลในเวที Golden Globe ถึง 4 รางวัลด้วยกัน ทำให้สิ่งนี้เป็นสิ่งพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าจิมเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีความสามารถรอบด้าน ทำให้เขามีงานแสดงมาจนกระทั่งถึงยุคนี้นั่นเอง

jim_carrey_photo_by_dreamdrawing-d4fhwob

ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินทั้งหมดจากการโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงทั้งสิ้น 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 5,250 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงอีกคนหนึ่งที่พิสูจน์ว่าอารมณ์ขันสามารถถ่ายทอดศิลปะที่ดีออกมาได้มากมาย ไม่เว้นแม้แต่งานภาพยนตร์จริงๆ ถึงแม้ชีวิตที่เริ่มต้นของเขาจะไม่ได้สวยหรูเหมือนนักแสดงคนอื่นๆ แต่ด้วยความอุสาหะ และความสามารถก็ได้เป็นตัวทำหน้าที่ดึงเขามาอยู่จุดนี้แทน เพราะฉะนั้นถ้าใครมีเพื่อนที่มีอารมณ์ขันอยู่ข้างกายก็จดจำเขาไว้ให้ดีนะครับ ไม่แน่ในอนาคต คุณอาจเห็นเขาไปยืนอยู่บนเวทีโลกอย่างผู้ชายคนนี้ก็ได้ ผู้ชายที่เรียกเสียงหัวเราะให้เราได้เสมอ Jim Carrey

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line