Omar Sharif จากเส้นทางลูกพ่อค้าในอียิปต์ สู่พรมแดงฮอลลีวู้ด แห่งยุค 60s

มีนักแสดงจากหลากหลายประเทศที่เลือกที่จะมาตามหาความฝันใน Hollywood ดินแดนที่สามารถมอบได้ทั้งชื่อเสียง เงินทอง และความรักจากคนทั่วทุกมุมโลกให้แก่คุณอย่างง่ายดาย นี่เองคงเป็นเหตุผลที่นักแสดงไม่น้อยต่างพากันมาเสี่ยงโชค เพื่อว่าโอกาสจะพาเขาไปสู่จุดนั้นได้ และเขาคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาผู้เป็นลูกชายของพ่อค้าไม้ในอียิปต์ ที่พาตัวเองมาปรากฏตัวอยู่ในแผ่นฟิล์มของภาพยนตร์ยุค 60 จนได้ รวมทั้งคว้ารางวัลสูงสุดอย่าง Golden Globe ไปครองอีกต่างหาก เขาคือผู้ที่ไม่เคยจำกัดฝันของตัวเอง นี่เองเป็นเหตุผลที่ในวันนี้เราได้หยิบอีกหนึ่งชีวิตที่น่าสนใจของผู้ชายคนนี้มาฝากกัน หลายคนคงอาจเคยคุ้นชื่อเขามาแล้วบ้าง Omar Sharif

Omar Sharif เกิดในเมืองที่ห่างไกลจากเมืองหลวงของอียิปต์หลายพันกิโล อย่างเมือง Alexandria เขามีพ่อผู้เป็นพ่อค้าไม้รายใหญ่ในเมืองแห่งนี้ ซึ่งอพยพมาถึงอียิปต์เมื่อประมาณ ต้นคริสตศักราชที่ 19 และมีแม่เป็นผู้เสมียนของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ในยุคนั้นน้อยครอบครัวนักที่จะนับถือศาสนาคริสต์ในประเทศที่เรียกได้ว่ามีรากฐานทางศาสนาอื่นที่มั่นคงขนาดนั้น แต่ครอบครัวโอมาร์ก็เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่เลื่อมใสในศาสนาคริสต์ นิกายแคธอลิก อย่างเต็มเปี่ยม

ในวัยเด็กโอมาร์เริ่มต้นเรียนที่โรงเรียนในเมืองอเล็กซานเครีย จนกระทั่งครอบครัวของเขาได้ตัดสินใจย้ายเข้าสู่เมืองไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ เมื่อเขาอายุได้เพียง 4 ปี  โอมาร์ในวัยเด็กฉายแววทางด้านภาษาออกมาให้คนอื่นเห็นเป็นที่ผิดสังเกตุ จนทุกคนต่างยอมรับว่าเด็กคนนี้ในภายภาคหน้าต้องมีความรอบรู้ทางด้านนี้อย่างแน่นอน และคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อโอมาร์ในวัยผู้ใหญ่ สามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา ได้แก่ ภาษาฝรั่งเศษ, อิตาเลี่ยน, กรีก, สเปน และอารบิค ด้วยทักษะทางด้านนี้ก็ได้เป็นประตูแห่งโอกาสด่านแรกให้แก่ตัวของเขาเองในอนาคตอันใกล้ ความคล่องแคล่วในภาษาอย่างมากมายเป็นโอกาสให้เขาสามารถรับบทบาทได้หลากหลายเชื้อชาติในภาพยนตร์ของกระแสหลักอย่างฮอลลีวู้ด อันเป็นเหตุให้เขาเริ่มถูกจดจำจากเหล่าบรรดาผู้กำกับได้ในฐานะนักแสดงสมทบ ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาพูดถึงรายละเอียดกันอีกครั้ง

เรื่องน่าแปลกอีกอย่างหนึ่งในชีวิตของผู้ชายคนนี้ก็คือ ครอบครัวของเขาได้มีโอกาสใกล้ชิดกับ กษัตริย์ แห่งอียิปต์ ณ เวลานั้นด้วย ซึ่งกษัตริย์คนนั้นก็คือ  King Farouk นั่นเอง กษัตริย์พระองค์นี้ได้เดินทางมาเล่นไพ่ที่บ้านเขาเป็นประจำ ด้วยความสนิทสนมกับแม่ของโอมาร์ โดยโอมาร์ได้เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ที่ครอบครัวของเขามีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกับกษัตริย์นั้นก็เพราะแม่ของเขา “คบค้ากับเฉพาะคนชั้นสูง” กษัตริย์ฟารัคเป็นแขกประจำของบ้านโอมาร์จนกระทั่งท่านต้องทรงลี้ภัยออกจากประเทศไปในปี 1952 เพราะเกิดการปฏิวัติขึ้นในอียิปต์

ชีวิตของโอมาร์ในเส้นทางการแสดงเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1954 เขาได้มีโอกาสแสดงในภาพยนตร์อียิปต์หลายต่อหลายเรื่อง เป็นเหตุให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตกในชั่วเวลาไม่นานนัก กระแสความดังของเขาในอียิปต์ยังคงแรงอย่างต่อเนื่องฉุดไม่อยู่ตลอดช่วงยุค 50 นอกจากนี้จากการแสดงภาพยนตร์ก็ทำให้เขาพบกับภรรยาในอนาคตของตัวเองจากการได้แสดงภาพยนตร์ร่วมกันอีกด้วย เธอคนนั้นก็คือ Faten Hamama

ในปี 1962 จากความโด่งดังของโอมาร์ในอียิปต์ ทำให้ขื่่อของเขาไปถึงหูผู้กำกับในฮอลลีวู้ดอย่าง David Lean จนทำให้โอมาร์ถูกชักชวนให้มาร่วมแสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเป็นเรื่องแรกในเรื่อง Lawrence of Arabia มิหนำซ้ำจากภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งๆ เป็นเรื่องแรกของเขาบนเวทีโลก กลับได้รับรางวัลนักแสดงนำหน้าใหม่ดีเด่น จากเวที Golden Globe ด้วยอีกต่างหาก และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นให้การแสดงภาพยนตร์ในวงการนี้ของเขาเปิดฉากขึ้น

ในปี 1965 โอมาร์ก็ได้ทำการย้ายครอบครัวของเขาออกจากอียิปต์เพื่อมาอาศัยอยู่ในยุโรปในที่สุด จากการแนะนำของผู้กำกับภาพยนตร์ผู้มีชื่อเสียงอย่าง David Lean ทำให้ผู้กำกับคนอื่นๆ ต่างทยอยพากันมาชักชวนให้เขาไปมีส่วนร่วมในหนังของตัวเอง โดย Fred Zinnemann หนึ่งในผู้กำกับชื่อดัง ได้กล่าวว่า เดวิดยกย่องโอมาร์ถึงขนาดบอกว่า “โอมาร์จะกลายเป็นนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้อย่างแน่นอน” และก็เป็นจริงดังว่า โอมาร์มีผลงานภาพยนตร์ที่ได้แสดงลงไปมากมายนับไม่ถ้วนตลอดช่วงอายุของเขา ตลอดช่วงยุค 60 – ศตวรรษที่ 20 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดังๆ อย่าง Heaven before i die, Green Ice, Blood line, Funny lady และอื่นๆ อีกมากมาย

ส่วนทางด้านชีวิตส่วนตัว โอมาร์ และฟาเธน มีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ซึ่งลูกชายของพวกเขาก็เคยได้ร่วมปรากฏตัวในภาพยนตร์ที่โอมาร์แสดงด้วย เช่นเรื่อง Yuri นั่นเอง จนกระทั่งในปี 1966 ชีวิตรักของพวกเขาก็เริ่มไม่ราบรื่นอีกต่อไป โดยทั้งคู่ได้ตัดสินใจแยกกันอยู่ และหย่าขาดกันที่สุดในปี 1974 โดยหลังจากนั้นโอมาร์ไม่เคยตกหลุมรักผู้หญิงคนไหน หรือแต่งงานใหม่อีกเลย จวบจนเขาจากโลกนี้ไปในวันที่ 15 กรกฎาคม ปี 2015 ที่ผ่านมานี้เอง ด้วยวัย 83 ปี

โอมาร์มีผลงานภาพยนตร์มากกว่า 70 เรื่อง และผลงานซีรี่ย์อีกกว่า 10 เรื่อง ตลอดช่วงชีวิตนักแสดง

โอมาร์ทำการแสดงภาพยนตร์จนกระทั่งขวบปีสุดท้ายที่เขาเสียชีวิต ในเรื่อง 1001 Inventions and the World of Ibn Al-Haytham