บทสัมภาษณ์ที่ไม่ตลก แต่ยียวนของเบนซ์ ธนชาติ ผู้เขียน New York 1st time

หากคุณยังจำคลิปวิดีโอใน youtube ที่ชื่อว่า BKK 1st Time เกี่ยวกับฝรั่งที่มาเมืองไทยแล้วเจอประสบการณ์โดนคนไทยด่าครั้งแรกของคุณลุง Nelson ได้ ชายผู้ที่อยู่เบื้องหลังของคลิปนี้คือหนุ่มมาดกวนคนหนึ่ง นามว่า เบนซ์ ธนชาติ ศิริภัทราชัย

ผู้เขียน New york 1st Time และ The Real Alaska หนังสือที่พูดถึงประสบการณ์ต่างแดนที่พูดได้เต็มปากว่าสำนวนยียวนสุดๆ วันนี้ Unlockmen ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ถึงแนวคิด และชีวิตของผู้ชายคนนี้ที่ต้องบอกว่า 30 นาทีของการคุยกันนั้น เราได้ยกให้เขาเป็นหนุ่มสุดเจ๋งมากความสามารถของ Unlockmen ไปแล้ว

ตั้งแต่ทำคลิปมีคนดูเป็นล้านๆ วิว มีหนังสือมาแล้ว 2 เล่ม มีนิทรรศการเป็นของตัวเอง คุณคิดว่ามันมากพอที่จะบอกว่าเจ๋งไหม

ไม่ค่อยสนใจเรื่องนั้นอะครับ เอาจริงๆ คือมีงานเยอะ ก็เลยเอาเวลาที่ดูว่าเราเจ๋งหรือเปล่าไปทำงาน เราเป็นคนชอบทำงานมีความสนุกกับการทำงาน ถ้าอยู่เฉยๆ ฟังเพลงดูหนังบางครั้งจะเริ่มรู้สึกไม่มีความสุข แต่ถ้าทำอะไรออกไปจะค่อนข้างแฮปปี้นะ เพราะฉะนั้นเราก็จะเอาเวลาไปดูว่าแฮปปี้หรือเปล่า อย่างทำงานเสร็จใหม่ๆ มันจะมีความรู้สึกแฮปปี้ว่าเออ กูทำอันนี้เสร็จไปแล้วนะ ต่อไปจะไปทำอย่างอื่นแล้วนะ เราจะลิสต์ไว้ว่าอยากทำอะไรบ้างในชีวิต พอมาดูก็จะเออ เราทำอันนี้ไปแล้วนะ โอเค รู้สึกใช้ชีวิตคุ้มขึ้นมาอีกระดับ

ผลตอบรับที่ดีเหล่านี้ มันเป็นแรงขับให้เราสร้างผลงานออกมาเรื่อยๆ หรือเปล่า ดูจากการออกหนังสือหัวปีท้ายปี

เราเป็นคนไม่ชอบทำอะไรซ้ำๆ ครับ ก็อยากหาอะไรใหม่ๆ ทำไปเรื่อยๆ อย่างเขียนแนวนี้มาแล้วนะ เขียนนิวยอร์กมาแล้วนะ เราก็จะไปหาอย่างอื่นที่เราไม่เคยทำ ไม่งั้นงานมันก็จะนิ่งอยู่ที่เดิม งานแต่ละชิ้นมันควรจะบอกว่าเราได้เติบโตจากชิ้นที่แล้วยังไงบ้าง มันไม่ใช่ว่าเราออกมาชิ้นใหม่ๆ เพื่อที่จะได้เอาตังคนเรื่อยๆ แบบนั้นมันจะไม่เติบโต ซึ่งมันไม่มีอะไรการันตีด้วยซ้ำว่าชิ้นใหม่ที่เราทำมันจะเวิคหรือเปล่า แต่เราคิดแค่ว่ามันควรจะทำ ไม่งั้นมันก็จะย่ำอยู่กับที่ มันก็จะกลายเป็น New York 1st time 2nd time 3rd time ไปเรื่อยๆ

ก่อนหน้าที่จะมี New york 1st time มีผลงานอะไรมาก่อนบ้าง

ก็จบจากธรรมศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และภาพถ่ายครับ จบปุ๊ปก็ไปทำหนังกับพี่เจ้ย ผู้กำกับลุงบุญมีระลึกชาติ ไปออกกองอยู่ประมาณ 6 เดือน ไปอยู่ในป่า 3-4 เดือน มีโปรดักชั่นอีก 2 เดือน ระหว่างนั้นก็ทำบล็อกชื่อว่าวันก่อนครับใน exteen.com กับ บก.แบงค์ของเซลมอน ก็อัพเรื่องตลกเรื่องกวนตีน แบบวันก่อนครับ ทำไมครับ จนได้รวมเล่มแล้วขายกับ a book อันนั้นเป็นเล่มแรกของเราจริงๆ ที่เป็นนักเขียนร่วม ระหว่างนั้นพี่เจ้ยก็บิ้วให้ไปเรียนต่อ เราก็ไปเรียนที่นิวยอร์ก ที่ SVA จากนั้นก็ทำงานรับจ้างนู่นนี้ เขียนคอลัมน์ให้หนังสือพิมพ์ไทยที่นู่น แปลหนังสือให้มติชนส่งกลับมาไทยอะไรแบบนี้ครับ

เมื่อกี้พูดถึงเจ้ย อภิชาติพงศ์ แสดงว่าเขาเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตคุณใช่ไหม

ใช่ครับ พี่เจ้ยสอนเราในหลายๆ เรื่องทั้งเรื่องการทำงาน ว่าทำงานยังไงให้คนแฮปปี้กับเรา คนเก่งจริงๆ คือคนที่ทำงานแล้วคนร่วมงานด้วยมีความสุข สอนเรื่องการมองศิลปะ อย่างคนดูที่หนังพี่เจ้ยแล้วแบบอะไรมีคนนั่งอยู่กลางแดด แล้วมีหมาวิ่งไปวิ่งมาไม่เห็นจะมีอะไร แต่พี่เจ้ยบอกเออนั่นแหละ ศิลปะมันไม่ต้องหลุดโลก ถ้าเป็นหนังมันก็ไม่จำเป็นต้องระเบิดกระท่อม ระเบิดหุ่นยนต์ คือมันแค่เข้าไปดูลมพัดกิ่งไม้ แดดค่อยๆ ไล่มาเป็นเงา เท่านี้มันก็สวยแล้ว ให้แง่คิดว่าศิลปะมันเป็นเรื่องไรก็ได้ อยู่ที่คุณมองและให้เวลากับมันแค่ไหน ทุกอย่างถ้าเราให้เวลากับมันก็เกิดความงามได้

แล้วอย่างนี้ผู้ชายแบบไหนที่คุณคิดว่าเจ๋ง หรือเป็นไอดอลของคุณบ้าง

คนที่เราชอบก็หนึ่งเลยนะก็พี่เจ้ยนั่นแหละ แล้วก็อย่างเราทำหนังเราก็จะชอบ Wes Anderson, Roy Andersson, Noah Baumbach อีกชุดหนึ่งก็คือเราชอบ Comedian American ครับ เราชอบไปดู Standup Comedy นิวยอร์คเป็นเมืองที่ Comedy เยอะ ตามผับทุกเย็นก็จะมีให้ดู มีธีมว่าจะพูดเรื่องอะไร อย่างเขาจะพูดเรื่องเหยียดเพศ เหยียดผิว แต่ก็สามารถทำให้มันตลกได้ แล้วคนก็ให้อภัย คือเวลาฝรั่งเขาไปดูเขาก็จะทำใจให้หลวมๆ คนที่เราชอบก็จะมี Louis Ck ,Demetri Martin, Russell Peters ลองไปให้ดูได้ตาม youtube เลย อย่างเวลาคนถามเวลาฝึกภาษาอังกฤษทำอย่างไร เราก็จะบอกให้ฝึกจาก Standup เนี่ยแหละดี

เพื่อนผู้ชายที่เมืองไทยกับที่นิวยอร์กมีความเหมือนหรือแตกต่างกันไหม

นิวยอร์กมีความเป็นปัจเจกบุคคลมากกว่า ใครจะทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว เพื่อนที่ไทยก็จะมีความเป็นกลุ่ม เป็นก๊ก ไปไหนไปเฮกัน นั่นคือเซนท์โดยรวมของคนที่นิวยอร์ก ว่าแบบกูจะเป็นตัวของตัวเองให้ถึงที่สุด เพราะมันคือความหลากหลายคนละวัฒนธรรมคนละเชื้อชาติ มันจะมีคำพูดว่า “แม้คุณจะเป็นหนึ่งในล้านแต่คุณสามารถเจอคนอย่างคุณอย่างน้อยแปดคนได้ในนิวยอร์ก”

เห็นด้วยไหมกับการที่คนบอกว่าสิ่งที่เราได้มาทั้งการถ่ายรูปกับการเขียนหนังสือมันคือพรสวรรค์ ไม่ใช่ความพยายาม

มันต้องฝึกบ่อยๆ อยู่แล้วครับ ทุกอย่างมันเกิดจากการทำไปเรื่อยๆ คือมันจะมีคนบอกว่า ถ้าคุณอยากจะเก่งคุณต้องทำมันหนึ่งหมื่นชั่วโมง เราว่ามันจริงนะทำไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่การซ้อมอย่างเดียว ระหว่างทางมันจะเห็นว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง ทำไปเรื่อยๆ จุดอ่อนมันก็จะน้อยลง เราก็จะเก่งในสิ่งนั้น มันต้องมีความชอบเบื้องต้น ยิ่งชอบก็ยิ่งอยากทำ

ของติดกระเป๋าของเบนซ์ ธนชาติ

เราสังเกตว่าคุณเป็นคนที่ชอบหยอกล้อสังคม ทั้งการตั้งสเตตัส การเขียนหนังสือ หรือแม้แต่คอลัมน์ Talk with Mr.Nelson ต่างทำให้เรามองว่าคุณเป็นคนแบบนั้น แล้วคุณเป็นแบบนั้นจริงๆ ไหม

เราชอบกวนตีนสังคมอะ เรารู้สึกว่าสังคมเรามันมีอะไรที่น่ากวนตีนอะ มันมีความเซอร์เรียลเยอะ ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งระบบสังคม การปฏิบัติต่อกัน เราชอบกวนตีนอะ คนชอบมองว่าเราเป็นคนตลก เราว่าเราไม่ใช่คนตลก เราชอบกวนตีน! กวนตีน ใจมันกวนตีนอะ มันหาคำจำกัดความยากมากเลยอะครับ พอๆ กับคำว่าเกรงใจเลย ไม่รู้จะเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไร แต่เราชอบเป็นอย่างนั้นนะ กวนตีนทำให้เรามองในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้มองครับ

อย่างคลิปของลุง Nelson ที่คุณเลือกใช้ Social Network เป็นตัวเผยแพร่ แบบนี้คุณคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับแวดวง Social Network ในเมืองไทยบ้าง

Social Network เหมาะกับคนไทยครับ เพราะคนไทยมีนิสัยที่ไม่ชอบเผชิญหน้ากัน แล้วก็ชอบอยู่เป็นกลุ่ม ไม่ค่อยมีความเป็นปัจเจก ชอบทำอะไรลับหลัง ชอบนินทา แล้ว Social Network มันสนองในแง่ของการให้คนไปอยู่หลังคีย์บอร์ด สร้างตัวตนผ่านอันนั้น เราว่ามันเวรี่ไทยเลยอะ ที่เราใช้ก็เพราะเรารู้ถึงประสิทธิภาพของมันในแง่นี้ เราก็อยากทำอะไรเพื่อโปรโมทตัวเองอยู่แล้วครับ มันเป็นหนังสือออกใหม่ เราก็เป็นนักเขียนหน้าใหม่ เพราะฉะนั้นมันก็ควรมีอะไรปูทางให้เห็นว่ามันจะออกมาในโทนนี้นะ ว่ามันกวนตีนนะ

ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำมา มันเกิดมาจากความรักที่จะทำใช่ไหม

อืมใช่ คือมันเป็นวิถีของคนทำงานสายครีเอทีฟ รับอะไรเข้าไปแล้วมันต้องทำ มันไม่ใช่ความสุข มันไม่ใช่ความรักด้วยซ้ำไป เราเรียกมันว่า Flow ครับ คนทำงานมันจะมีภาวะที่ตัวเอง Flow พอนับหนึ่งแล้วสองสามสี่มันจะมาเอง บางทีไม่หิวข้าวด้วยซ้ำ ไม่ง่วงนอนด้วยซ้ำ อยากทำงานนี้ให้ดีที่สุด คือเราเสพติดอารมณ์นั้นอะครับ มันได้สนองได้ไหลไปเรื่อยๆ เราก็เลยชอบทำงานครับ

Photo : Arm Strong