Entertainment

ดาราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน: คุยกับ ‘โอ๊ต ปราโมทย์’ และเพื่อนในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง

By: PSYCAT August 29, 2017

“สุดท้ายแล้วศิลปิน ดารา หรืออะไรก็ตาม ก็คือมนุษย์คนหนึ่ง” นี่คือประโยคที่ออกมาจากปาก โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน ศิลปินที่ขึ้นชื่อว่าพูดจาตรง แรง ชัดเจน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความขี้เล่นที่สุดอีกคนหนึ่งของ พ.ศ. นี้ ใครที่รู้จักเขาก็คงอดจำเขาในฐานะคนขี้เล่น ตรง ๆ พูดจาแบบไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์ แถมเข้าถึงได้ง่ายจนคล้ายกับว่าเขาไม่ได้วางตัวเองเป็นดารา นักแสดง หรือศิลปินใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่จริง ๆ แล้วเขาวางตัวเองไว้เป็นอะไรในวงการนี้ ตัวตนของเขาเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทเป็นอย่างไร UNLOCKMEN อยากชวนทุกคนมาคุยให้เห็นความหล่อจากข้างในของเขาไปพร้อม ๆ กัน

UNLOCKMEN: เวลาพูดถึง โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน ภาพที่คนนึกถึงก็คือความ ตลก เป็นตัวของตัวเอง พูดอะไรแรง ๆ ตรง ๆ จริง ๆ แล้วเป็นคนอย่างนั้นไหม?

ก็เป็นครับ แต่ว่าเป็นคนตลก แต่จริง ๆ ก็เป็นคน Sensitive กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ ขี้น้อยใจ นอยด์บ้างบางเรื่อง แต่ว่าเวลาทำงานจะค่อนข้างเครียด เพราะเวลาได้รับมอบหมายอะไรอยากจะทำให้มันดีที่สุด ไม่ชอบทำอะไรแล้วเหยาะแหยะ

UNLOCKMEN: บุคคลสาธารณะส่วนใหญ่มีภาพลักษณ์ว่าเขาถึงยาก ทำไมเราถึงเข้าถึงง่ายขนาดนี้? ไม่อยาก Keep Look บ้างหรอ? เพราะอะไร?

เราไม่เข้าใจความหมายของคำว่า Keep Look เลย เพราะว่าสุดท้ายแล้วศิลปิน ดารา หรืออะไรก็ตามก็คือมนุษย์คนหนึ่ง มันก็ต้องมีเรื่องรัก โลภ โกรธ หลง มีกิน ขี้ ปี้ นอน ซึ่งมันก็คือความเป็นมนุษย์นี่แหละ เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงต้องไปพยายามเทิดทูนคนเหล่านี้ว่าพวกเขาไมใช่มนุษย์ธรรมดา

UNLOCKMEN: คิดอย่างไรกับแนวความคิดที่ว่าบุคคลสาธารณะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้สังคม?

เราก็รู้ตัวเองนะว่าเราไม่ใช่แบบอย่างที่ดีในบางเรื่อง ในการใช้คำพูด แต่เราอยากบอกว่าในคนหนึ่งคนมันมีหลายมุมนะ คือโลกนี้มันไม่มีอะไรที่ขาวหมดดำหมดหรอก มันมีเทา บางทีก็เทาเข้ม เทาอ่อน

ในความเทาของเรามันก็มีทั้งมุมที่ดีและมุมที่ไม่ดี ดังนั้นไอ้เรื่องคำพูดเราที่ไม่ดี พูดจาสัพยอก พูดจากักขฬะใส่คนอื่น เราก็เอามันเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี อย่างน้อยผู้ปกครองก็จะได้สอนได้ว่าสิ่งที่เราพูดนี่มันไม่ดีนะ เราก็ยินดีที่จะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีในการที่จะให้เอาไปว่ากล่าวตักเตือน เอาไปสอนได้ แต่ในมุมอื่นที่เราเน้นเรื่องการทำงาน การร้องเพลง หรืองานที่เราทำออกมาแล้วมันสนุก ก็ให้แยกประเด็นพวกนี้ให้ออก

อย่าเอาทุกอย่างมารวมแล้วตีความไปว่าเราเป็นคนเลว การพูดคำหยาบไม่ได้ตัดสินได้ว่าเราเป็นคนเลว มีหลายคนที่พูดจาหยาบคายกับเพื่อน ซึ่งเราก็คิดว่าคงไม่มีใคร “สวัสดีครับ วันนี้คุณทานข้าวหรือยังครับ” ได้ทุกครั้ง ซึ่งอันนั้นก็ตัดสินไม่ได้อีกว่าการพูดเพราะนั่นคือความเป็นคนดี ถูกป้ะ?

ฉะนั้น ทุกอย่างในคนหนึ่งคนมันจะมีขาวกับดำ และมันปนกันเป็นสีเทา ๆ ก็เลือกมองเอาแล้วกันว่าอันไหนเป็นแบบอย่างที่ดี อันไหนเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี แล้วเลือกเอามาใช้ในจุดมุ่งหมายที่คุณต้องการจะแนะนำเขา

UNLOCKMEN: การเป็นคน sensitive ทำให้เราแคร์คำพูดคนอื่นมากไหม เวลาเขามาวิจารณ์ถึงตัวตน สิ่งที่เราเป็น เรารับมือกับสิ่งเหล่านั้นยังไง?

ช่างแม่งครับ เพราะบางคนก็มาด่าเรา เหมือนรู้จักกันมา 10 ปี แรก ๆ เรานอยด์นะ แต่หลัง ๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าคนอื่นโดนด่าหนักกว่าเราอีกทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ฉะนั้นเราก็เลยรู้สึกว่าคนเหล่านี้บางทีเขาไม่ได้รู้จักตัวตนของเราจริง ๆ สักแต่ว่าจะด่า สักแต่ว่าจะพิมพ์อะไรลงมาก็ได้ เราก็เลยไม่ค่อยจะให้ความสำคัญกับคนที่ด่าสาด ๆ มา

UNLOCKMEN: ถ้าอย่างนั้นเรารับฟังคนแบบไหน?

ถ้าคนไหนติ แล้วแนะนำ ว่า เฮ้ย พี่ ทำไมพี่ทำอย่างนี้อย่างนั้น พี่ควรจะทำแบบนี้ดีกว่ามั้ย อันนี้เราจะอ่าน เราจะรับฟัง เรารู้สึกว่าอันนี้เป็นกระจกให้เรารู้ว่าอันไหนมากเกินไป อันไหนน้อยเกินไป แต่ถ้ามาแบบ พี่เป็นศิลปิน พี่พูดเหี้ยอะไรวะ ไอ้ควาย หมาเอ๊ย พ่อแม่ไม่สั่งสอน เราก็จะแบบ เฮ้ย มึงรู้จักพ่อแม่กูหรอวะ รู้ได้ไงว่าพ่อแม่กูไม่สั่งสอน พ่อแม่กูสอนเว้ยแต่กูไม่จำ (หัวเราะ)

UNLOCKMEN: งั้นเราก็เชื่อว่าเราทำตามใจคนทั้งโลกไม่ได้?

ถ้าเราไปแคร์ความรู้สึกของคนทั่วโลกทั้งหมดที่พิมพ์มาหาเรา ชีวิตเราจะไม่มีความสุขเลยเว้ย ต้องรู้จักข้ามบ้าง ช่างแม่งบ้าง

UNLOCKMEN: ดูเต็มที่กับงาน กับอะไรหลาย ๆ อย่าง เวลาแย่ ๆ แบบนี้ มีใครหรืออะไรในการช่วยซัพพอร์ตความรู้สึก?

เพื่อนครับ เพื่อนมีผลเยอะ ทุกครั้งที่เราต้องให้สัมภาษณ์เราจะบอกเสมอว่าเราประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้เราต้องให้เครดิตเพื่อนทุกคน มันเป็นกลุ่มคนที่ซัพพอร์ตเราตลอด ในวันที่เราไม่มีอะไรเลย เรามีชื่อเสียงมากขึ้น มีการงานมากขึ้น เพื่อนก็ยังอยู่ ถ้าไม่มีเพื่อนเราก็แย่

UNLOCKMEN: แล้วมาเจอกัน มารวมตัวกันกับเพื่อนสนิท (เป๊ก เปรมณัช, พลอย หอวัง, พิชญ์ กาไชย) กลุ่มนี้ได้อย่างไร? เป็นเพื่อนกันตอนไหน?

สั้น ๆ ง่าย ๆ คือเรานั่งกินเหล้ากัน เลยสนิทกัน แค่นี้เลยครับ

UNLOCKMEN: พอสนิทกันก็เห็นว่ามีรายการที่กำลังทำร่วมกันด้วย อะไรคือจุดเริ่มต้นของการทำรายการ JailBreak ด้วยกัน?

พลอย: ด้วยความที่พลอยเห็นคาแรคเตอร์ของแต่ละคนพลอยก็อยากให้มีอะไรที่เหมือนรายการ Reality พลอยเลยคิดว่าเรามาทำอะไรร่วมกันดีกว่ามั้ย จะได้มีอะไรสนุก ๆ ก็เลยช่วยกันคิดออกมาเป็นรายการนี้ค่ะ ซึ่งตอนแรกมีแค่ 3 คน ไม่ได้จะเอาคนนี้เข้ามา (เป๊ก)

โอ๊ต: ใช่ครับ เป็นภาระมากคนนี้ (หัวเราะ)

UNLOCKMEN: concept รายการ JailBreak คืออะไร?

พิชญ์: จริง ๆ รายการตอนแรกที่เซ็ต Concept ไว้มันจะเป็นท่องเที่ยว วาไรตี้ ประมาณว่าพาเพื่อน ๆ มานั่งคุยกัน คือตอนแรกเรานั่งคุยกันสามคน ถ้าจะมานั่งคุยกัน มันก็จะเหมือนเดิม ต่อให้มีพี่เป๊กเพิ่มมาหนึ่งคนมันก็เหมือนเดิม เลยต้องบิดรายการให้สนุกมากขึ้น เราก็เลยกลายเป็น 4 คน แล้วจากที่เรานั่งรถอย่างเดียว เราก็เอาทั้งนั่งรถด้วย ทั้งออกข้างนอกด้วย

UNLOCKMEN: แล้วทำไมต้องชื่อรายการ JailBreak?

พลอย: Concept แรกคืออยากให้แขกที่มา รู้สึกว่าเขาเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด อยากให้เขาปลดล็อคตัวเอง เอาคาแรคเตอร์ออกมา แล้วมันมีคำคำนึงที่เรารู้สึกว่ามันน่าจะเข้าคือคำว่า JailBreak เหมือนเราได้ปลดล็อคคน อะไรอย่างนี้

เป๊ก: ตอนคิดชื่อ จริง ๆ มันก็เป็นหลายอย่างครับ มันมีอีกหลายชื่อมากที่ขึ้นมา จนมาถึง JailBreak ที่หลุดออกมา แล้วเรารู้สึกว่า เฮ้ย มันดีอ่ะ มันเป็นการปลดล็อค แก้ปัญหามือถือ คือถ้าใครไปด้วยกันกับเรา ก็จะได้ไปกินข้าว ไปร้องเพลง ไปเล่นกีตาร์ ไปปรับทัศนคติกัน ไปปลดล็อค สุดท้ายมันก็เหมือนปลดล็อคไปด้วยกัน ปลดทั้งตัวเองด้วย ปลดทั้งเพื่อน ๆ ที่ขึ้นรถมาด้วยกัน

UNLOCKMEN: ฝากถึงรายการ JailBreak หน่อย?

เป๊ก: ผมพยายามปรับให้เป็นตัวของตัวเองอยู่ เพราะปกติผมจะอยู่ในรายการที่ไม่ค่อยได้เป็นตัวของตัวเอง พอมาเจอเพื่อน ผมก็โดนขุดคุ้ยตัวตนออกมา ดังนั้นเมื่อพวกเราเป็นตัวของตัวเองแล้ว แขกรับเชิญก็ต้องเป็นตัวของตัวเองด้วย ฉะนั้นเราก็มาปลดล็อคไปพร้อม ๆ กันกับ JailBreak เพราะคุณจะได้ดูอะไรที่ปลดแอกศิลปินที่คุณรัก

พลอย: อยากให้ทุกคนมาดูรายการนี้ค่ะ เพราะว่ามันเป็นรายการที่นอกจากจะเห็นพวกเรา 4 คนแล้วยังได้เห็นแขกรับเชิญที่มาในมุมที่เราไม่เคยรู้สึกว่าเขาเป็นคนแบบนี้มาก่อนในรายการอื่น ๆ เรารู้สึกว่าถ้าได้ดูจะ Relax และสนุกไปกับเรา

พิชญ์: ฝากติดตาม JailBreak แล้วก็ติดตามพวกเราไป เพราะเราก็มีโปรเจกต์ที่จะทำรายการ และอะไรอีกหลาย ๆ อย่างในปีหน้า

โอ๊ต: ทุกวันศุกร์ เที่ยงตรงครับ กับรายการ JailBreak ที่ LINE TV ที่นี่ที่เดียวครับ

คงไม่ต่างอย่างที่โอ๊ต-ปราโมทย์พูดไว้ ว่าศิลปิน ดารา นักแสดงก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์คนหนึ่ง เพียงแต่บทบาท อาชีพที่ได้รับหลาย ๆ ครั้งทำให้พวกเขาต้องสวมบทบาทเป็นอะไรที่ไม่ใช่ตัวพวกเขาเอง แต่ไม่ใช่กับโอ๊ต-ปราโมทย์และเพื่อนทั้ง 3 ที่ปลดปล่อยความเป็นตัวตนออกมาเต็มที่และพร้อมจะพาศิลปิน ดาราคนอื่น ๆ มาร่วมปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงไปพร้อม ๆ กัน ถ้าอยากเห็นดาราในแง่ความเป็นมนุษย์มีรัก โลภ โกรธ หลง และเป็นตัวเองเต็มที่ก็ติดตามรายการ Jailbreak ได้ทาง Line TV

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line