Business

10 บทเรียนธุรกิจดี ๆ จากผู้ก่อตั้งแบรนด์ Nike ที่มีมากกว่า ‘JUST DO IT’

By: PSYCAT June 1, 2017

คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์เครื่องกีฬาชื่อก้องโลกอย่าง Nike และถ้ารู้จักแบรนด์อย่าง Nike แล้วก็คงจะไม่พลาดสโลแกนคุ้นหูที่เอาไปปรับใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตอย่าง ‘JUST DO IT’

แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าสโลแกนดังนี่เองเป็นหนึ่งในหลักทางธุรกิจที่ Phil Knight ผู้ก่อตั้ง Nike ใช้เป็นหนทางในการดำเนินธุรกิจของตัวเองมาด้วย ไม่ใช่แค่เป็นสโลแกนเท่ ๆ สำหรับแบรนด์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ‘JUST DO IT’ ไม่ได้เป็นหลักการทางธุรกิจเดียวที่ผู้ก่อตั้ง Nike ยึดถือ แต่เขายังมีบทเรียนทางธุรกิจอื่น ๆ ที่เขาเรียนรู้มาตลอดชีวิตของเขาและแชร์ลงในหนังสือ ‘Shoe Dog: A Memoir by the Creator of Nike’ ซึ่งตอนนี้ก็ถูกย่อขนาดมาให้อ่านง่าย ๆ ไว้ทำตามได้ 10 ข้อด้วยกัน มา มาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน

wearbighorn.com

wearbighorn.com

1.ใช้อายุช่วง 20 ให้คุ้ม ออกเดินทาง ค้นหา และเรียนรู้ซะ

Phil Knight ใช้เวลาหลังเรียนจบไปกับการออกเดินทางเที่ยวรอบโลก ตอนนั้นเขาอายุ 24 ปี การเดินทางในขณะนั้นยังถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ แถมต้องใช้เงินอย่างมาก แต่เขาก็ไปมาทั่ว ทั้ง ญี่ปุ่น ฮ่องกง เวียดนาม อียิปต์ เคนย่า ตุรกี เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ การเดินทางครั้งนั้นทำให้เค้าค้นพบ เรียนรู้ และได้อะไรใหม่ ๆ ทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม รวมทั้งด้านเศรษฐกิจที่เอามาใช้ในชีวิตได้ถึงปัจจุบัน

การเดินทางตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเหมือนยุค 60 อีกต่อไปแล้ว แถมตั๋วก็ถูกแสนถูก ดังนั้นก็อย่าปล่อยโอกาสของการเดินทางและเรียนรู้หลุดมือไปล่ะ

2.เชื่อในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่

Phil Knight เคยขายทั้งประกันและพจนานุกรมมาก่อน และเขายอมรับว่าเขาไม่เชื่อ ไม่อินในสิ่งที่เขาขายเลย ผลที่ออกมา มันเลยทำให้เขาทำสิ่งนั้นได้ไม่ดี

ในทางกลับกันเมื่อเขามาขายรองเท้ากีฬา เขากลับทำมันได้ดีมาก นั่นเพราะเขาเคยอยู่ในทีมนักวิ่งของมหาวิทยาลัย เขาเชื่อในการวิ่ง เขาเชื่อในพลังของกีฬา และความเชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ ความต้องการเอาชนะนี้ทำให้เขาทำมันออกมาได้ดีอย่างที่เราเห็นนี่เอง

3.JUST DO IT!

ไม่ต่างจากสโลแกนที่เราคุ้น ๆ กัน Phil Knight ยืนยันว่าบางทีเราก็ต้องการแค่การลงมือทำมันไปเลยนี่แหละ โดยตอนที่เขาออกเดินทางไปรอบโลก แล้วไปญี่ปุ่น อยู่ ๆ เขาก็มีไอเดียบ้าบิ่นว่าอยากทำบริษัทสัญชาติอเมริกาที่ขายเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่น แน่นอนว่าตอนนั้นเขาไม่มีเงิน ไม่มีบริษัท ไม่มีอะไรเลยนอกจากไอเดีย แต่เขาก็พาตัวเองไปคุยกับบริษัทรองเท้าอย่าง Onitsuka Tiger ที่คนไทยรู้จักดี ก่อนจะเป็นที่มาที่ทำให้เขาได้ดีลธุรกิจกับบริษัทนั้นจริง ๆ

นั่นเป็นแค่เหตุการณ์เดียวเท่านั้นที่อยู่ ๆ Phil Knight ก็ลงมือทำ แม้จะยังมีอุปสรรคมากมายรออยู่ แต่เขารู้สึกว่านั่นมันไม่ใช่ปัญหา ขอแค่เพียงเรามีความตั้งใจ เราก็แค่ลงมือทำมันซะ แค่นั้นเอง!

Daily Emerald

Daily Emerald

4.หาคนเคียงข้างที่เราจะเชื่อใจได้ ทั้งในชีวิตจริงและในการทำงาน

Phil Knight เริ่มก่อตั้งบริษัท โดยมีพนักงานเป็นเพื่อนนักกีฬาของเขาสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย รวมถึงโค้ช และทีมคู่แข่งขันอื่น ๆ ทุกคนเชื่อใจเขาและเขาก็เชื่อใจทุกคน บางคนถึงกับมอบเงินเก็บก้อนสุดท้ายให้เขาในวันที่บริษัททำท่าจะแย่

รวมถึงภรรยาของเขาที่เข้ามาในชีวิตและไม่ได้เป็นแค่คนรักเท่านั้น แต่เขานับว่าเธอคือคู่ชีวิตที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ไม่ต่างจากครอบครัวของเขาที่เชื่อมั่นในตัวเขาเหลือเกิน

ความเชื่อมั่นในตัวคนที่เราทำงานด้วย หรือคนที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยจึงเป็นแรงผลักดันสำคัญของตัวเขาเอง และเป็นพลังดี ๆ ที่เขาก็อยากทำมันให้ดีที่สุดเพื่อสะท้อนกลับไปยังคนเหล่านั้นด้วย

5.อย่าหุนหันพลันแล่นไปทุกเรื่อง แต่ถ้าถึงเวลาทุ่มก็ต้องทุ่มให้สุดตัว

เห็นทำธุรกิจใหญ่โตขนาดนี้ Phil Knight ก็เคยเป็นพนักงานประจำมาก่อน เขาเคยเป็นทั้งนักบัญชี เคยเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ โดยระหว่างการทำงานประจำ เขาก็ใช้ช่วงเวลาเสาร์ อาทิตย์ในการทุ่มเทให้ Blue Ribbon บริษัทที่ภายหลังเติบโตมาเป็น Nike อย่างทุกวันนี้

Phil Knight ให้เหตุผลว่าที่เขายังคงทำงานประจำ ไม่บุ่มบ่ามออกมาทำธุรกิจตัวเองเต็มตัว เพราะเขายังไม่มั่นใจว่ามันจะประสบความสำเร็จ แต่เมื่อลู่ทางมันค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เขาก็ลาออกและทุ่มสุดตัวให้กับธุรกิจของตัวเอง

6.รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และพูดมันออกไป

Phil Knight เรียนรู้จากการเจรจาธุรกิจมากมากมายนับครั้งไม่ถ้วน โดยสิ่งที่เขารู้สึกว่าสำคัญที่สุดคือการรู้ความต้องการของตัวเองให้ชัดเจน ไม่ต้องมัวมาเกรงใจ หรือคิดแทนคนอื่นว่าอะไรเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ แค่เราบอกความต้องการของเรา และพูดมันออกไปให้ชัดเจน ส่วนจะตกลงกันได้หรือไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยต่อรองกัน แต่เมื่อเราพูดความต้องการที่ชัดเจนของเราออกไปแล้ว จะช่วยเลี่ยงความเข้าใจผิดไปได้

7. มีแผนสำรองให้ชีวิตตัวเองเสมอ

Phil Knigh มองว่าการมีแผนสำรองให้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการทำธุรกิจ บทเรียนนี้เกิดขึ้นเมื่อ Onitsuka Tiger ที่เป็น supplier รองเท้าให้เขาพยายามจะทิ้งเขาไปหาผู้กระจายสินค้ารายอื่น

แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขาก็จัดการหาไลน์การผลิตรองเท้าของตัวเอง จนกระทั่งสุดท้ายแม้ supplier เจ้าเดิมจะทิ้งเขาไป แต่เขาก็สามารถขายรองเท้าแบรนด์ของตัวเองต่อไปได้อย่างราบรื่น

Complex

Complex

 8.อย่าปล่อยให้ใครมาบงการธุรกิจของคุณ

นี่อาจฟังดูเก่าแก่โบราณสำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ ๆ พอสมควร เพราะ Phil Knigh เชื่อว่าการที่เราได้ควบคุมดูแลธุรกิจของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เขาถึงเลือกทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองได้ดูแล ควบคุม และตัดสินใจทุกเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของตัวเอง

แม้กระทั่งการขายหุ้น เขาก็ยอมให้ผู้ถือหุ้นได้เงินปันผลกำไร แต่จะไม่ยอมให้ผู้ถือหุ้นมีสิทธิในการตัดสินใจทำอะไรกับธุรกิจของตัวเขาเอง

9.สร้างความหวัง และความเชื่อให้คนในทีม

ใจเสียกันไปตาม ๆ กันเมื่อ Onitsuka Tiger ที่เป็น supplier รายหลักจากญี่ปุ่นถอนตัวออกไปกลางครัน ขณะนั้นคนในบริษัทของ Phil Knigh ขาดความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าเหตุผลที่บริษัทประสบความสำเร็จเป็นเพราะรองเท้าที่มาจาก Onitsuka Tiger

แต่ Phil Knigh ไม่ยอมให้ทุกคนขาดความหวังและความเชื่อมั่น เขาบอกพนักงานทุกคนว่า ไม่ มันไม่ใช่เพราะรองเท้าจากญี่ปุ่นพวกนั้นที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ แต่มันเป็นเพราะแรงกาย และสองมือของเราต่างหาก! ซึ่งคำพูดเหล่านี้มันก็ช่วยให้ทีมของเขามีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาได้จริง ๆ

10.ทำใจพร้อมสู้อยู่เสมอ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเวลาไหนที่ควรพอ

Phil Knigh ต้องเผชิญช่วงเวลาที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดอยู่ตลอดระยะเวลาการทำธุรกิจ สิ่งที่ทำให้เขารอดมาได้คือใจที่พร้อมสู้ เขาสู้ทั้งกับรัฐบาลอเมริกา สู้ทั้งกับ Onitsuka Tiger

อย่างไรก็ตาม Phil Knigh ให้ความสำคัญกับการอยู่รอดของบริษัทตัวเองมาก เมื่อสู้ถึงที่สุด แล้วถึงจุดที่มีการยื่นข้อตกลงระหว่างกัน เขาก็ยินดีที่จะพอ และหาหนทางที่ทำให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้ และไม่เสียสิ่งที่ควรได้มากเกินไปนัก

 

SOURCE

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line