Business

อย่าให้คนตายไปพร้อม PASSWORD สาเหตุ QuadrigaCX สูญเงิน 4,600 ล้านเพราะรหัสผ่านตายไปพร้อม CEO

By: anonymK February 6, 2019

ย้อนกลับไปหลายร้อยปีที่แล้ว มนุษย์เราต้องโตมาพร้อมกับการจำ “ข้อมูล” บางอย่างเพื่อรักษาตัวตน

เราต้องมีชื่อเรียกที่ต้องจำให้ได้ไว้บอกคนอื่น ต้องมีตัวเลขวันเดือนปีเกิดไว้นับเพื่อบอกความอาวุโสของตัวเองและบอกหน้าที่ที่ควรจะต้องทำเมื่อตัวเลขนั้นมาถึง ต้องมีรหัสตัวเลขในระบบพลเมืองเพื่อชี้ว่าเรามีสิทธิ์ที่จะทำและไม่ทำอะไร จุดเริ่มต้นของการรักษาข้อมูลเลยโดนกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่เราเกิดมา

จนวันหนึ่งพอสมองกลมาอยู่ในกิจวัตรประจำวัน เราก็ต้องจำมากขึ้นเพื่อไม่ให้ใครเข้ามาขโมยข้อมูลความลับดิจิทัลที่บอกความเป็นส่วนตัวของเราอีก ซึ่งสิ่งที่เราต้องจำเพิ่มนี้ได้กลายเป็นศัพท์ใหม่ที่รู้จักกันดีว่า “password”

เราคงไม่ต้องบอกว่าไอ้ password เนี่ยสำคัญกับชีวิตคุณแค่ไหน เพราะทุกวันนี้ถ้ามีใครบังเอิญไปรู้ข้อมูลความลับของคุณเข้า เขาก็สามารถขโมย data อื่นเพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ต่อได้ทันที เหมือนที่เห็นตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ อย่างเร็วก็แฮ็กแล้วติดต่อไปหาเพื่อนหรือคนรู้จักให้โอนเงินให้ ส่วนอย่างช้าก็เอาข้อมูลเราไปวิเคราะห์เพื่อทำประโยชน์จากอย่างอื่นต่อจากนั้น ดังนั้น การเปลี่ยน password หรือตั้งมันให้ยาก ๆ เข้าไว้เลยเป็นทางออก

Gerald Cotten ผู้ก่อตั้งแต่ผู้บริหาร QuadrigaCX / Credit photo: etoland.co.kr

กลับมาที่คำถามใหม่ว่า งั้นยิ่งลับก็น่าจะยิ่งดีใช่ไหม? ถ้ามีเรารู้คนเดียวก็ต้องดีดิวะจะได้ไม่มีใครขโมย กรณีนี้ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปเราก็จะบอกว่าใช่ แต่พอเจอข่าวแคนาดาว่าตลาด crypto ต้องปั่นป่วนเพราะ Gerald Cotten ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ QuadrigaCX ตลาดซื้อขาย crypto ที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดาเสียชีวิตจากโรคโคร์น (ความผิดปกติของลำไส้) กะทันหันช่วงเดือนธันวาคมปลายปีที่ผ่านมา จากการเดินทางไปที่อินเดียเพื่อเปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จนบริษัทออกมาประกาศแจ้งเหตุการณ์นี้ผ่าน Facebook

https://www.quadrigacx.com/gerald-cottenIt is with a heavy heart that we announce the sudden passing of Gerald Cotten,…

โพสต์โดย Quadriga CX เมื่อ วันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2019

 

คุณจะทำอย่างไร? ถ้า 1. คุณเป็นพนักงานของบริษัทนี้ซึ่งกำลังจะต้องโดนฟ้องร้อง และ 2. คุณเนี่ยแหละที่ผูก account ไว้กับเขาเสียเอง แต่ดันเข้าไม่ได้แล้ว

 

สุภาษิตใหม่ในโลก “crypto” เพราะความลับก็มีในโลก

ความลับที่มีแค่เรารู้ พอเอามารวมกับเทคโนโลยีที่ทำให้การเดาเป็นเรื่องยากอย่าง blockchain ยิ่งทำให้แน่นหนาเข้าไปใหญ่ และผลของความแน่นหนาครั้งนี้สอนให้เรารู้ว่าที่จริงแล้ว ในโลกดิจิทัลก็มี “ความลับในโลกอยู่จริง ๆ” หลังการจากไปของผู้ก่อตั้ง ที่ด่วนจากไปกะทันหันช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่การจากไปครั้งนี้เขาก็ดันพา password ของ Cold Storage Wallet ไปพร้อมกันด้วย

ความลับที่โดนพรากไปพร้อมความตายครั้งนี้มีมูลค่าสูงถึงเกือบ 200 ล้านดอลลาร์ จากยอดรวมของ Bitcoin กับ cryptocurrencies สกุลอื่นที่โดนขังไว้ในนั้น โดยภรรยาของ Cotten ยอมรับกับศาลว่าเธอไม่สามารถเข้า laptop ของเขา โดยเธอได้พยายามกู้คืน password และตามหา password เหล่านั้นจากทุกที่แล้วจริง ๆ แต่ไม่พบ ทำให้ระบบทั้งหมดหยุดชะงัก

 

เงินในระบบที่ใครก็เข้าระบบไม่ได้

อธิบายก่อนว่าปกติทุก Account จะมี Wallet ส่วนตัว โดยจะแบ่งออกมาเป็น hot storage กับ cold storage ซึ่ง hot นี่ก็ตามชื่อเลยว่าร้อน ด่วน ใช้ได้เลยในออนไลน์ ส่วน Cold จะเป็นการเก็บอีกแบบนอกเครือข่าย internet ง่าย ๆ ก็คือเป็นการเก็บ crypto ใส่ USB ไว้ เวลาจะใช้ ทำหน้าที่เหมือนเซฟโดยใช้ค่า private key ในนั้น หรือการ Gen Quote เป็น QR ปริ๊นท์ใส่กระดาษแล้วเก็บไว้ เวลาใช้ก็หยิบออกมาเพื่อป้องกันความเสี่ยงเรื่องไวรัสออนไลน์ขโมย private key แต่มันก็กลายเป็นดาบสองคม เพราะเมื่อเจ้าของรหัสจากไปจะส่งผลให้ไม่มีใครสามารถทำธุรกรรมได้

สำหรับปริมาณที่ทุกคนสงสัยว่า มีเงินสกุลดิจิทัลอยู่ในนั้นมากแค่ไหน ตามรายงานที่ยื่นต่อ Quadriga แจ้งรายละเอียดแบ่งเป็นแต่ละชนิด คิดเป็นเงินรวมมูลค่าสูงถึงเกือบ 4,600 ล้านบาททีเดียว

  • 26,500 bitcoin (92.3 ล้านเหรียญ = 2,883,313,550 บาท)
  • 200,000 litecoin (6.5 ล้านเหรียญ = 203,050,250 บาท)
  • 430,000 ether (46 ล้านเหรียญ = 1,436,971,000 บาท)
  • bitcoin, bitcoin SV และ bitcoin gold (2 ล้านเหรียญ = 62,477,000 บาท)

ส่วนการมองหาทางออกที่ตอนนี้ก็ดูจะมืดแปดด้านของทาง QuadrigaCX นั้น หากไม่สามารถนำเงินกลับมาคืนลูกหนี้ที่เป็นเจ้าของ account ได้ ภรรยาของ Cotten ก็ออกปากว่าจะขายบริษัทเพื่อนำเงินมาคืน ใครที่คิดว่าทำไมต้องหัวร้อน นี่คนเขาเสียชีวิต เราก็บอกได้เลยว่าสกุลเงินดิจิทัลมันผันผวนตลอดเวลา ดังนั้น ค่าของเงินสกุลดิจิทัลในวันนี้อาจจะมูลค่าต่างจากวันนี้หรือพรุ่งนี้ทุกเมื่อ ซึ่งถ้ามันเพิ่มก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้ามันลดก็เท่ากับนับถอยหลังการขาดทุน

Matthew Mellon / Credit photo: ladbible.com

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เงินจำนวนมหาศาลต้องหายไปด้วยกรณีเจ้าของ Password เสียชีวิต เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็มี Matthew Mellon ทายาทของตระกูลนายธนาคารสหรัฐอเมริกา เศรษฐีติดอันดับ Forbes ที่จากไปในวัย 54 กะทันหันหลังเกิดอาการหัวใจวายจากการรับยาเพื่อบำบัดยาเสพติด เขาไม่ได้บอก password กับใคร ส่งผลให้เหรียญ XRP ที่แลกแล้วเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์วอดไปพร้อมกัน เพราะไม่มีใครเข้าได้

เรื่องนี้มันเลยชวนให้เราต้องมาคิดว่า วันที่เราจากไปในอนาคต มรดกอีกชิ้นที่เราอาจต้องทำพินัยกรรมไว้ กรณีคุณเป็นเจ้าของ cryptocerrency หรือเป็นเจ้าของ data ที่มีมูลค่า ส่งผลกับคนข้างหลัง “Password” ที่สู้รักษามาทั้งชีวิตอาจเป็นอีกสิ่งที่ต้องส่งต่อ

เอาเป็นว่า บอกมาขนาดนี้ก็มารู้วิธีเขียนพินัยกรรมดิจิทัลพร้อมกับเราเลยแล้วกัน เราได้หาข้อมูลมาแบ่งปัน เผื่อชาว UNLOCKMEN คนไหนที่มีทรัพย์สินดิจิทัลเยอะจะได้กันเหนียวไว้ ไม่เฟลแบบด้านบน การเขียนพินัยกรรมดิจิทัลสามารถทำได้ตาม 3 ขั้นตอนต่อไปนี้

  1. บันทึกจำนวนทรัพย์สินในระบบออนไลน์ทั้งหมดไว้เพื่อให้ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับรู้จำนวนทรัพย์สินทั้งหมด
  2. บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าถึงบริการและทรัพย์สินดิจิทัลทั้งหมด (เช่น ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน รวมทั้งเว็บไซต์ที่ให้บริการ)
  3. บันทึกเจตนารมณ์ของตนเองที่จะมอบทรัพย์สินดิจิทัลให้ผู้ใดบ้าง หรือต้องการให้ทำลาย หรือส่งทรัพย์สินดิจิทัลให้บุคคลที่สาม

 

“ASSETS INCLUDE ALL YOU COULD ACCESS.”

 

SOURCE: 1 / 2 / 3

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line