FASHION
เจาะลึกตำนานกว่าจะมาเป็นรอยสัก Old School
By: unlockmen May 12, 2015 5933
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ทั้งในด้านความคิด และวัฒนธรรมต่างๆ ย่อมทำให้มุมมองของบางสิ่งบางอย่างถูกพัฒนาปรับเปลี่ยนไป รอยสักก็เป็นหนึ่งในนั้น ในอดีตรอยสักอาจจะเคยเป็นสัญลักษณ์ในด้านลบมาโดยตลอด แต่ทัศนคติย่อมหมุนเปลี่ยนไปตามยุคสมัยของโลก จึงทำให้ปัจจุบันรอยสักได้ถูกยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปะที่งดงามในสังคมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แท้จริงแล้วต้นกำเนิดของรอยสักที่เราเห็นกันทั่วไปมีจุดเริ่มต้นมาจากวัฒนธรรมการสักของชนเผ่าโบราณต่างๅของโลก โดยรอยสักหรือ tattoo เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า tatau ของชาวตาฮิติ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในชนเผ่า Polynesia และอาศัยอยู่ตามหมู่เกาะโอเชียเนีย ดังนั้นรอยสักจึงถือเป็นความลึกล้ำทางด้านวัฒนธรรมของโลกมานานแล้ว
ปัจจุบันรอยสักมีหลากหลายสไตล์มากมาย ซึ่งแตกต่างไปทั้งรูปแบบและลักษณะวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ แต่วันนี้รูปแบบรอยสักที่เรากำลังจะพูดถึงกันคือรอยสักแนว Old School นั่นเอง
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เรียกได้ว่าเป็นอีกยุคทองของอุตสาหกรรมการเดินเรือ ดังนั้นเมื่อเหล่ากะลาสีได้ไปเห็นรอยสักของชนพื้นเมืองตามพื้นที่ต่างๆ จึงได้นำวัฒนธรรมรอยสักนี้กลับมาเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้สัมผัส ไม่นานนักรอยสักจึงแพร่หลายในหมู่กะลาสีเอง โดยกัปตัน James Cook เป็นบุคคลแรกที่ทำให้รอยสักเกิดความแพร่หลายและเป็นที่รู้จักครั้งแรกในสังคมทั่วไป โดยเป็นรูปแบบรอยสักที่เขาไปพบเห็นของชนเผ่าแถบนิวซีแลนด์
จุดกำเนิดก่อนที่จะมาเป็นรอยสักที่เรารู้จักในนาม Old school ในยุคต้นๆ รอยสักแนวนี้ได้ถูกรู้จักในนาม Sailor tattoos จนกระทั่งในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 มีนักสักที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นคือ Sailor Jerry หรือชื่อจริงคือ Norman Keith Collins เขาได้เริ่มสักครั้งแรกให้เหล่าเพื่อนของเขาในช่วงระหว่างสงคราม แต่เมื่อสงครามจบลงเป็นที่น่าแปลกใจที่รอยสักนี้ได้เกิดเป็นที่นิยมแพร่หลาย โดยสตูดิโอของเขามีชื่อเสียงอย่างมากในช่วงราวปี 1950 เขาได้รังสรรค์ผลงานออกมามากมายหลายชิ้นโดยบางชิ้นยังคงแพร่หลายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Bottles of booze, snakes, wild cats และอื่นๆอีกมากมาย
แม้ในยุคแรกรอยสัก Old School จะเป็นสไตล์เฉพาะเจาะจงที่แสดงถึงความรักและการเดินทาง โดยใช้เฉดสีเพียงไม่กี่เฉด แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้รอยสักแนว Old School มีความครอบคลุมและถูกพัฒนามากขึ้น มีการเล่นสีสันหลายเฉดและยังมีการผสมผสานรูปแบบต่างๆเข้ามา ปัจจุบันเรียกได้ว่ารอยสักแนว Old School เป็นที่นิยมมากและมีสตูดิโอแนว Old School ผุดขึ้นอย่างมากมายทั่วโลก คอยให้บริการบรรดาผู้ที่ชื่นชอบศิลปะความเจ็บปวดทุกคนนั่นเอง
แม้รอยสักแนว Old School จะมีประวัติจุดเริ่มต้นมานานแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่ารอยสักเมื่อผ่านกาลเวลาไปแล้วจะลดคุณค่าความสวยงามลงแต่อย่างใด สุดท้ายนี้เราจะเห็นได้ว่ารอยสักไม่เพียงเป็นศิลปะบนเรือนร่างเท่านั้น แต่ยังสามารถบ่งบอกรสนิยมของผู้สักได้ด้วย ดังนั้นคงจะไม่เกินไปนักที่จะพูดว่ารอยสักทุกรอยมักมีประวัติของตัวมันเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เพราะรอยสักนอกจากจะสร้างความสวยงามให้เราแล้วยังได้สร้างความทรงจำที่ดีไว้ด้วย ว่าครั้งหนึ่งเราเคยสักลายนี้ เพื่อใคร และเพื่ออะไร