Li-Fi สุดยอดเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาแทนที่ Wifi ในอนาคต

ในโลกปัจจุบันของมนุษย์ทุกคนสิ่งที่แทบจะขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของชีวิต นอกจาก ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค อาหาร แล้วก็คงจะหนีไม่พ้น Internet เพราะว่าไม่เชื่อลองสังเกตดู สิ่งแรกๆ ที่เราจะหาจากร้านอาหาร โรงแรม นอกเหนือจากเรื่องของบรรยากาศแล้วก็คือ Wifi

แต่ถ้าหากคุณคิดว่า Wifi นั่นคือเร็วสูงสุดๆ ของระบบ wireless hotspot แล้วละก็ ขอบอกว่าคุณกำลังคิดผิดถนัดเพราะว่ากำลังจะมีเทคโนโลยีตัวใหม่ที่สามารถส่งความเร็วตามบ้านได้เร็วมากกว่า 100 เท่าของ Wifi นั้นก็คือ “Li-Fi”

Li-Fi เป็นคำย่อมาจาก Light Fidelity ที่ถูกพัตนาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อสัปดาห์ก่อนบริษัท Estonian technology company Velmenni ได้ทดลองใช้ระบบ Li-fi  ในระบบออฟิศ และอุตสาหกรรมในประเทศของเขา แล้วก็ได้ผลลัพท์ที่น่าประทับมากๆ Li-Fi สามารถส่งข้อมูลความเร็วได้ถึง 1 GB ต่อวินาที สอดคล้องกับเมื่อต้นปีที่ทีมงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Oxford สามารถทำความเร็วได้ถึง 224 Gpbs ซึ่งความเร็วเท่านี้สามารถทำให้เขาโหลดหนัง 18 เรื่องภายใน ไม่กี่วินาที

โดยเจ้า Li-Fi ได้ถูกคิดค้นโดยนัก Physicst ชาวเยอรมัน อย่าง Harald Haas ศาสตาจารย์ของมหาวิทยาลัย Ediburgh เขากล่าวว่า ตัวเขาเองจินตนาการถึงโลกที่ใช้ LED light Bulbs แทนที่ Wireless routers เพราะเขาบอกว่าในอนาคตข้างหน้านี้ จะมีสัญญาณวิทยุที่รบกวน ในคลื่นความถี่จำนวน และจะทำให้ Wifi นั้นเกิดปัญหา และการส่งสัญญาณของ Wifi ก็มักจะมีปัญหาอาทิ เวลาที่เจอ กำแพง ประตู หรือ ผนัง ก็จะทำให้สัญญาณนั้นส่งมาไม่ถึง ถ้าเทียบกับ Li Fi ที่ใช้แสงสว่างเป็นตัวสร้างกำหนดความเร็ว และส่งสัญญาณ โดย Li-Fi ใช้ทฎษฎีเดียวกับการกระพริบของแสง LED ซึ่งแปลว่าคุณจะสามารถใช้ Li-Fi ได้ทุกที่ ที่มี Light Bulbs

แต่เยังไม่ต้องตกใจเพราะ Li-Fi นั้นยังคงจะไม่ถูกนำมาใช้ในระยะเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน เพราะมันมีจุดอ่อนอีกมากมายที่ต้องปรับปรุง ด้วยการที่มันต้องพึ่งพาแสง Light Bulbs นั้นแปลว่ามันจะไม่ยังไม่สามารถใช้งานเวลาที่อยู่  Outdoor ได้ ทำให้ Li-Fi จะคงเป็นเทคโนโลยีที่ถูกใช้งานได้เพียงในอาคารสำนักงานต่างๆ เพื่อส่งถ่ายข้อมูลที่มีความสำคัญเท่านั้น แต่ Harald Hass กล่าวว่ายังไงเขาก็จะพัฒนาระบบเพื่อให้มันมาแทนที่ระบบ Wifi ที่เขามองห่วยแตกให้ได้

ซึ่งในอนาคตถ้าเขาสามารถรวมเอา Wifi กับ Li-Fi เขาด้วยกันได้แล้วละก็ จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถใช้อินเตอรเน็ตความเร็วสูงได้ในทุกๆ สี่แยกไฟแดงที่มี Light Bulbs LED ในเวลาที่เรารถติดอยูบนถนน

ที่มา Inc , Sciencealert