DESIGN

MAKE YOUR PLACE: แต่งห้องให้คุมโทนง่าย ๆ ด้วยเทคนิคการจับคู่สีที่ต้องใส่ใจแม้เป็นของเล็กน้อย

By: unlockmen January 22, 2019

โลกส่วนตัวของเราไม่ได้มีอยู่แค่ในความคิดยามที่เราปิดการเชื่อมต่อตัวเองออกจากสิ่งรอบข้าง แต่พื้นที่ที่เป็นของเราอย่าง “บ้าน” หรือ “ห้องส่วนตัว” (พูดถึงในเชิงสถานที่ไม่ใช่บ้านในความหมายของครอบครัว) คืออีกพื้นที่ที่ทำให้เราได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปลดปล่อยความคิด อยู่ในอิริยาบถสบาย ๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นระเบียบ ของกระจัดกระจายตามประสาห้องของหนุ่ม ๆ หรือเป็นห้องที่เรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วก็ตาม หากมันเป็นพื้นที่ที่เราได้เลือกสรรให้เป็นไปอย่างใจ การตกแต่งตั้งแต่พื้นจรดเพดาน เฟอร์นิเจอร์ทุกมุม ของตกแต่งทุกชิ้น ถูกเลือกให้มาอยู่ในพื้นที่ของเราแล้วล่ะก็ นั่นแหละถึงจะเรียกว่าโลกส่วนตัวได้แบบเต็มปาก

ไม่ว่าห้องนั้นจะเป็นห้องนั่งเล่นที่รวมทุกคนเอาไว้ด้วยกัน ห้องทำงานที่เป็นเหมือนมุมสงบให้เราได้ปลีกวิเวกอย่างเต็มที่ ห้องนอนที่เป็นสุดยอดฐานทัพลับของผู้ชายที่ไม่อาจให้ใครก้าวเข้ามาได้ง่าย ๆ อย่าปล่อยให้มันเป็นห้องที่เลือกอะไรก็ได้มาวางอยู่ในนั้น เมื่อมันเป็นพื้นที่ของเรา ต้องลงมือทำให้มันเป็นของเราโดยสมบูรณ์

หากยังไม่มีไอเดียอะไร ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ที่จะเปลี่ยนห้องของคุณให้กลายเป็นห้องในฝันด้วยเทคนิคการแต่งห้องแบบคุมโทนด้วยการจับคู่สี ฟังดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่ลองใช้วิธีของเรากันก่อน รับรองว่าง่ายจนคุณอยากจะลงมือทำมันเดี๋ยวนี้เลย

คุมโทนไม่ยาก ถ้ารู้จักจับคู่สี

การคุมโทนคำพูดง่าย ๆ ที่แสนจะทำยาก ไล่มาตั้งแต่ในไอจีที่พยายามคุมแล้วคุมอีกก็ยังไม่ถูกใจเราเสียที จนมาถึงห้องที่เราเคยเห็นภาพห้องแสนจะคุมโทนอย่างใน Pinterest, Tumblr แต่ไม่เคยทำแบบนั้นได้ ซื้อของให้เหมือน วางเฟอร์นิเจอร์ตามแทบจะทุกมุมแล้ว ก็ยังมีบางอย่างที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางและนั่นอาจเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปอย่างเรื่องของสีนี่แหละ ที่ไม่ได้เลือกอย่างพิถีพิถันมากพอ

การจับคู่สีไม่ใช่เรื่องยาก แม้ไม่ได้มีหัวด้านศิลปะก็สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้เหมือนกัน มารู้จักการจับคู่สีกันทีละขั้นตอน อย่างแรกเราอยากให้นึกถึงวงล้อสีที่เราเคยเรียนในตอนประถมศึกษา เจ้านี่แหละที่จะทำให้เราเข้าใจเรื่องสีมากขึ้น ลองดูกันชัด ๆ สมมติว่าลองโฟกัสที่สีแดง สีที่อยู่ตรงข้ามมันในวงล้อนั้นคือสีเขียว ตรงข้ามสีน้ำเงินคือสีส้ม ตรงข้ามสีเหลืองคือสีม่วง ไอ้สีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงล้อนี้เนี่ย เราเรียกมันว่า “คู่สีตรงข้าม” มันจะมีบทบาทสำคัญในการแต่งห้องของเราด้วยเช่นกัน

หากเราชอบที่จะให้ห้องไม่จืดชืดด้วยการคุมโทนสีขาวดำอย่างง่ายที่สุดที่ผู้ชายอย่างเราจะทำได้ ลองเล่นกับการจับคู่สีด้วยคู่สีตรงข้าม อาจจะงงว่าในเมื่อมันเป็นสีที่ตัดกันจะเข้ากันได้จริงหรอ ?

หากเรามองในจอ ในงาน Artwork สักชิ้น อาจรู้สึกว่าการตัดกันแบบนี้มันช่างแฟนซีเกินกว่าจะมาอยู่ในห้องของเราได้แน่ ๆ อย่าเพิ่งตั้งกำแพงกันตั้งแต่ตอนนี้ เพราะการจับคู่สีตรงข้ามมันก็มีเทคนิคด้วยเช่นกัน

อย่างแรกเลยคือการกำหนดเปอร์เซ็นต์ของแต่ละสี ใช่ว่าเราจะโหมกระหน่ำทุกสีลงไปแบบเท่า ๆ กันทั้งหมด ลองเลือกสักสีหนึ่งขึ้นมาเป็นสีหลัก และอีกหนึ่ง สอง หรือสามสีมาเป็นสีรอง (ไม่ควรเกินสาม) อีกข้อที่สำคัญคือการเลือกเฉดสีที่เหมาะสม ใช่ว่าเลือกสีตรงข้ามได้แล้วก็จิ้มมันเอาบนวงล้อสีมันนี่แหละ ลองปรับเฉดสีเข้มขึ้น อ่อนลง ติดร้อน ติดเย็น ให้เหมาะสมกับห้องหรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นด้วย

โอเค! ทั้งหมดนี้คือเรื่องสีแบบพื้นฐานที่เราควรจะรู้ก่อนลุกขึ้นไปรื้อห้องตัวเองเสียใหม่ Part ต่อไปจะเป็นเรื่องของการตกแต่งห้องให้คุมโทนอย่างง่าย ด้วยเทคนิคที่เราแนะนำ ไม่ว่าจะเล่นสีสันหรือคุมโทนขาวดำก็สามารถทำตามเทคนิคนี้ได้ทั้งนั้น

 

โทนไม่โดนคุมเพราะไม่มีที่เก็บ

เลือกสี ซื้อของมาดิบดี สุดท้ายมาตายที่ของรก ๆ ที่ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ไหน ก่อนที่จะลุกขึ้นมาปฏิวัติห้องนั้นเสียใหม่ ขอแนะนำให้เก็บของให้เรียบร้อยซะก่อน ย้ำอีกครั้งว่าเก็บให้เรียบร้อยไม่ใช่แค่ยัด ๆ อยู่มุมไหนมุมหนึ่ง เพราะสักวันมันจะกระจายออกมาอีกอยู่ดี เราขอแนะนำกันคร่าว ๆ ว่าการเก็บของแนะนำให้แยกระหว่างของจำเป็นอย่างเอกสารสำคัญ ของใช้ในบ้าน ของใช้ส่วนตัว แยกทั้งหมดให้อยู่ในหมวดเดียวกัน และแยกของสะสมไว้ต่างหาก

แยกแล้วยังไงต่อ เราแนะนำให้หา Storage แบบมีที่ปิดที่มิดชิด อย่างตู้ทึบ ตู้ลิ้นชัก หรือถ้ารู้สึกว่าการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีบานปิดมันทำให้ห้องดูทึบ (เหมือนตู้) ล่ะก็ เราแนะนำให้ใส่กล่องที่คุมโทนกับห้อง แล้วทีนี้จะวางไว้ตรงไหนก็ได้ แต่เอาจริง ๆ ตอนนี้เฟอร์นิเจอร์มีสารพัดดีไซน์ ไม่ได้มีแค่ตู้ทึบ ๆ แล้ว ยังไงเราก็แนะนำแบบนั้นมากกว่า เพราะมันถูกออกแบบมาให้ใช้เก็บของอย่างจริงจัง มันย่อมสะดวกกว่าการใส่ของลงในลังกระดาษอยู่แล้วล่ะ

พอไม่มีของสารพัดสีที่เราควบคุมไม่ได้มารกหูรกตาแล้ว มาเริ่มแต่งห้องให้มันอยู่ในโทนที่เราต้องการกันได้เลย

 

สีหลักจะอยู่ที่ผนัง เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ สีรองจะอยู่ที่ของตกแต่ง

อย่างที่เราบอกเรื่องการให้น้ำหนักของแต่ละสี คงจะพอเห็นภาพแล้วว่าเราให้เลือกสีหลักสีรองไปทำไมกัน เลือกแล้วจะเอาไปแต่งห้องได้ยังไง นี่คือคำตอบ

ในภาพนี้สีหลักจะเป็นสี Navy Blue ซึ่งอยู่กับทั้งผนังและเฟอร์นิเจอร์หลักที่เป็นเหมือนหัวใจของห้องนั้น รวมถึงโซฟาในห้องนั่งเล่น ผ้าปูที่นอนในห้องนอน ชั้นหนังสือหรือโต๊ะทำงานในห้องเอนกประสงค์ ที่จะกำหนดโทนของภาพรวมของห้องนั้น หากเราอยากจะเปลี่ยนมู้ดของห้องให้เป็นโทนไหน หรือเลือกสีหลักไหนไว้ในใจแล้วไม่รู้จะเอาไปใช้กับอะไรก็ให้ลงกับผนังและเฟอร์นิเจอร์หลักไว้ก่อน

ส่วนสีรองก็จะอยู่ที่ของตกแต่งเล็กน้อย หรือของตกแต่งที่สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาอย่างหมอนอิง ชั้นหนังสือ ต้นไม้ พรม ภาพแขวนผนัง เพราะเราจะได้สามารถเปลี่ยนน้ำหนักของสีรองได้ตลอดเวลาที่เราต้องการ ไม่ว่าจะมีกี่สีก็ตาม ก็ต้องแบ่งน้ำหนักมากน้อยไม่เท่ากัน อย่างในภาพนี้หากสีหลักคิดเป็น 60% สีรองทั้งสามสีอย่างขาวที่อยู่กับพื้นและพรม กินพื้นที่มากหน่อย 20% สีน้ำตาลจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นคิดเป็น 15% และสีเขียวที่แซมเข้ามาเล็กน้อย (แต่ก็ทำให้ภาพรวมออกมาเฉียบ) คิดเป็น 5%

ลองสังเกตดูว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้เฉดเดียวกับสีที่เราเลือกมาเสมอไป สีหลักที่ผนังและโซฟาก็ไม่ได้เท่ากัน แต่เป็นสีน้ำเงินเหมือนกัน เฟอร์นิเจอร์ลายไม้ที่สีเข้มอ่อนต่างกันอย่างชัดเจน พื้นและพรมที่เป็นสีขาวไล่ไปกับสีเทาอ่อน ทั้งหมดนี้ทำให้ภาพรวมของห้องออกมามีมิติมากขึ้นกว่าการยึดสีใดสีหนึ่งมาตกแต่งอีกด้วย

 

เลือกสีให้เหมาะกับห้องและเฟอร์นิเจอร์

เมื่อสีหลักคือสีของผนังและเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ เราเลยต้องเลือกสีหลักให้เหมาะกับห้องนั้น ๆ แต่การจะไปกำหนดว่าห้องนอนต้องสีนั้นสีนี้ ห้องครัวต้องสีนั้นสีนี้ มันก็คงไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์สักเท่าไหร่นัก เลยไม่บอกกันตรง ๆ แล้วกันว่าต้องเลือกสีไหน แต่อยากแนะนำว่าห้องที่แสงอาทิตย์เข้าถึง ห้องที่มีหน้าต่างนั้น ควรใช้ผนังสีอ่อน นั่นหมายความว่าสีหลักก็ต้องเป็นสีอ่อนไปด้วย เพราะห้องที่แสงอาทิตย์ส่องถึง อย่างแรกเลยแสดงว่ามันมีหน้าต่างที่กว้างมากพอ หากเราใช้สีทึบ อุณภูมิห้องคงทะลุปรอทแตกแน่นอน แถมการใช้สีอ่อนกับห้องที่มีหน้าต่างจะยิ่งทำให้ห้องดูปลอดโปร่งอีกด้วย

นอกจากสีหลักที่เราต้องคำนึงถึงแล้ว สีรองที่จะอยู่กับของตกแต่งเล็กน้อยเราก็ต้องคำนึงถึงเช่นกัน อย่างในรูปนี้มีสีเขียวเป็นสีรอง เราคงไม่เลือกให้มันเป็นสีของพรมหรือของตู้เก็บของแน่ ๆ เพราะมันเป็นสีที่อยู่ในสัดส่วนที่น้อยที่สุด ก็เลือกเป็นของชิ้นเล็ก ๆ แทนอย่างหมอนอิง ต้นไม้ ภาพแขนผนัง แค่นี้ก็ลงตัวแล้ว

อย่าปล่อยให้ห้องที่เป็นโลกส่วนตัวของเราเป็นเพียงที่ล้มตัวนอน เช้ามาก็ลุกไปทำงาน เพราะทุกสิ่งที่เราเลือกสรรด้วยตัวเอง ตั้งแต่ของชิ้นใหญ่ไปจนถึงรายละเอียดยิบย่อย มันทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับห้องนั้น เลือกสิ่งที่ใช่ที่สุดให้กับตัวเอง เป็นเหมือนรางวัลในยามที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน การใช้ชีวิตหนัก ๆ กลับมาเจอกับพื้นที่ที่ต้อนรับเราอย่างอบอุ่นอยู่เสมอ

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line