Life

Man Up : Highball 101 เข้าใจวิธีสุดประณีตของการทำไฮบอล ที่สร้างรสชาติแห่งความผ่อนคลายแบบวิถีดั้งเดิมของญี่ปุ่น

By: GEESUCH June 20, 2023

ทุกครั้งที่พูดถึงเครื่องดื่มอย่าง ‘ไฮบอล (Highball)’ มันชวนให้เราจินตนาการถึงผู้คนและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นโดยอัตโนมัติ ในแง่ที่ว่า เป็นเครื่องดื่มที่แสดงถึงวิถีแห่งความผ่อนคลาย เป็นเครื่องดื่มประจำร้านกินดื่ม ‘อิซากายะ (Izakaya)’ ที่ทั่วโลกเข้าใจในความอร่อยสดชื่นที่เข้าถึงง่าย และเป็นตัวแทนภาพชั่วโมงสังสรรค์ของเหล่าคนทำงานมาอย่างยาวนานมาเสมอ  

“It’s Ordinary, But It’s Good”

ประโยคจากซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง The Makanai: Cooking For The Maiko House สามารถใช้อธิบายความเป็นไฮบอลได้อย่างถูกต้องที่สุด แต่ทว่าความไม่ซับซ้อนนี้กลับซ่อนวิถีแบบ Monozukuri ศาสตร์แห่งความพิถีพิถัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดต่อคนรับ จากคุณภาพที่ดีที่สุดของวิสกี้ญี่ปุ่นเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปเรียนรู้วิถีการชง Highball 101 ดำดิ่งสู่ความประณีตของเครื่องดื่มไฮบอล ผ่านขั้นตอนแบบ Japanese Craftsmanship


Step 0. เตรียมวัตถุดิบ 

เครื่องดื่มค็อกเทลชื่อไฮบอล เป็นแก้วที่ถูกจัดอยู่ในหมวด Easy Mix ง่ายทั้งส่วนผสม ง่ายทั้งการทำ และใช้เวลาสั้นมาก ๆ และเหล่านี้คือวัตถุดิบทั้งหมดที่ต้องเตรียมให้พร้อม

– โซดา

– เลมอน

– น้ำแข็งทรงลูกบาศก์ (Ice Cube)

– วิสกี้ 

อุปกรณ์การทำไฮบอลและภาชนะสำหรับดื่มก็เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อรสชาติเช่นกัน เมื่อเตรียมช้อนคนยาวแบบสเตนเลสและที่ตวงสัดส่วนของวิสกี้เรียบร้อยแล้ว สำหรับแก้วไฮบอลจะนิยมใช้เป็นแก้วทรงสูง ความจุอยู่ที่ประมาณ 8 – 12 ออนซ์ (354 มิลลิลิตร) และเราขอแนะนำว่าให้เลือกแบบที่มีหูจับด้วย เพราะว่าไฮบอลจะมีอุณหภูมิที่เย็นแบบคงที่ตลอดการดื่ม ตัวหูจับก็จะช่วยให้เราดื่มได้สะดวกขึ้น 

ง่ายอย่างที่บอกเลยใช่มั้ยล่ะครับ แต่ความลงตัวของแก้วนี้อยู่ที่ว่าคนทำให้สัดส่วน ‘ความใส่ใจ’ ในปริมาณที่มากที่สุดเป็นอันดับแรกรึเปล่า นั่นต่างหากคือสิ่งที่ทำให้ไฮบอลพิเศษอย่างแท้จริง


Step 1. ทำแก้วไฮบอลให้อุณหภูมิพร้อมชง 

อุณหภูมิคงที่ตลอดการชงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับไฮบอล ตามวิธีการทำแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น ในขั้นตอนแรกเราจะเริ่มจากการทำให้แก้วเย็นอย่างทั่วถึง โดยการเทน้ำแข็งทรงลูกบาศน์เข้าไปในแก้วเปล่าจนเต็ม จากนั้นจึงคนน้ำแข็งเพื่อสร้างความเย็นให้กระจายโดยรอบ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 วินาทีโดยประมาณ แล้วอุณหภูมิในแก้วก็จะเย็นโดยทั่วกัน 

แต่ด้วยระยะเวลาขนาดนี้ แน่นอนว่าน้ำแข็งส่วนหนึ่งย่อมละลายและสร้างปริมาณน้ำขึ้นในแก้ว ให้เราจัดการเทน้ำเหล่านั้นออกจนหมดก่อนจะเริ่มขั้นตอนต่อไป พร้อมกับจัดการใส่น้ำแข็งทดแทนในส่วนที่ขาดหายไป


Step 2. ใส่ส่วนผสมสำคัญวิสกี้แบบญี่ปุ่น

ในขั้นตอนใส่ส่วนผสมสำคัญอย่างวิสกี้นั้น ให้ตวงแน่ใจก่อนว่าได้ปริมาณ 1.5 ออนซ์ (42 มิลลิลิตร) 

แล้วจากนั้นให้เอาช้อนคนยกน้ำแข็งขึ้นเท่าที่ทำได้ เพื่อให้ในตอนที่ค่อย ๆ เทวิสกี้ลงไปในแก้วไฮบอล วิสกี้จะได้ลงไปกองอยู่ข้างล่างจนหมดเพื่อรอส่วนผสมต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าเราเลือกใช้เป็นวิสกี้ญี่ปุ่นเพื่อความดั้งเดิมในรสชาติ … แล้วทำไมถึงต้องวิสกี้ญี่ปุ่น ?

เพราะถึงแม้ว่า Scotch Whiskey จะอยู่ในใจของเหล่านักดื่มมาตั้งแต่ Day1 แต่ว่า Japanese Whiskey เองนั้นยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนไปไกลตั้งแต่ยุค 1920s และความมุมานะอยากทำให้ดีที่สุดไม่แพ้กับคุณภาพของประเทศต้นกำเนิดวิสกี้ ทำให้วิสกี้ของญี่ปุ่นเป็นเอกลักษณ์ยิ่งกว่าใคร 

วิสกี้ญี่ปุ่นมักจะหมักด้วยมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เลย์ผสมกับข้าวบด เคล็ดลับคือการสร้างรสชาติขึ้นจากการเลือกบ่มในถังไม้โอ๊ก และบ่มในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น โรงบ่มใต้ดินที่ควบคุมอุณหภูมิ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือมากกว่านั้น ใช่ครับ ให้นึกว่าเป็นเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอาหารที่สุดประณีตในรสชาติของญี่ปุ่นเลย โดยส่วนผสมและการหมักบ่มก็ถือเป็นตัวแปรสำคัญต่อรสชาตินุ่มนวลสุดละมุนของวิสกี้ญี่ปุ่น

นอกจากนี้วิสกี้ญี่ปุ่นจะใช้วิธีการกลั่น 2 ครั้ง และบางโรงก็กลั่นมากถึง 4 ครั้งเลยทีเดียว เพื่อรสชาติที่ยิ่งนุ่มนวลและดื่มง่าย และขจัดสารที่ก่อให้เกิดความแฮงค์ออก เหล่านี้เองคือเคล็ดลับที่ทำให้วิสกี้แบบญี่ปุ่นครองใจของผู้คน


Step 3. รักษาความเย็นเพื่อรสชาติที่ดีอย่างคงที่

หลังจากเทวิสกี้ลงไปในแก้วแล้ว นี่คือช่วงเวลาที่เราต้องกลับมารักษาความเย็นของแก้วให้คงที่ และเพิ่มเติมคือการทำให้ตัววิสกี้อยู่ในสถานะเย็นไปด้วย 

สำหรับวิธีการคนไฮบอลตามฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น ตามหลักที่ถูกต้องคือรูปมือจะจับคล้ายกับวิธีการจับดินสอ (แบบที่ถูกต้อง) เพื่อให้สามารถใช้แรงจากนิ้วกลางและนิ้วนางคนตามเข็มนาฬิกาได้อย่างคล่องแคล่ว โดยจะใช้เวลาในการคนอยู่ที่ประมาณ 13.5 รอบ เป็นวิธีตามขนบการชงแบบญี่ปุ่นที่ทำให้ความเย็นเข้าที่พอดี


Step 4. ใส่ส่วนผสมสุดท้ายโซดา 

และเพื่อรักษาความดั้งเดิมของรสชาติแบบญี่ปุ่น การเลือกใช้โซดาเป็นมิกเซอร์นั้นสำคัญมาก ๆ เพราะว่าคาร์บอนไดออกไซด์ และแร่ธาตุของโซดาจะสร้างความเค็มนิด ๆ ที่ After Taste เพื่อสร้างประสบการณ์รสสัมผัสความเป็นวิสกี้ไฮบอลแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

ให้จัดการใส่โซดาจนเต็มถึงปากขวดของแก้วไฮบอล แต่วิธีการเทโซดาลงไปนั้นก็สำคัญเหมือนกับตอนที่เราใส่วิสกี้ลงแก้วในขั้นตอนแรกเลย นั่นคือให้ใช้ช้อนคนยกน้ำแข็งขึ้นเพื่อให้ตอนใส่โซดาจะได้ลงไปในผสมกับวิสกี้ที่อยู่ก้นแก้วไม่ผ่านการเจือจางจากน้ำแข็ง


Step 5. คนเบา ๆ เพื่อความละมุนของรสชาติ

สำหรับวิธีการคนส่วนผสมระหว่างโซดากับวิสกี้นั้น จะเป็นการ Slow Chill เพียงเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน แต่ไม่ใช้เวลานานจนน้ำแข็งต้องละลาย ให้จัดการคนอยู่ที่ประมาณ 3.5 รอบเท่านั้นพอ จบ. เป็นอันเรียบร้อยกับ Japanese Highball ที่แฝงรสชาติแห่งความผ่อนคลายตามแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่น


Step 6. เติมเคล็ดลับความพิเศษของยุคสมัยด้วยเลมอน

แต่ UNLOCKMEN ขอเสนอทางเลือกของค็อกเทล Japanese Highball ที่ยังคงลุ่มลึก สนุกมากยิ่งขึ้น และอร่อยตามแบบสมัยนิยม นั่นคือการเลือกใช้เลมอนเติมกลิ่นและรสสัมผัสให้กับค็อกเทลแก้วนี้ ซึ่งวิธีการนั้นหลากหลายตามแต่ว่าคุณชอบแบบไหน 

เราสามารถฝานเปลือกใส่ลงไปในแก้ว เพื่อเติมกลิ่นหอมของเปลือกเลมอนก็ได้ หรือว่าจะบีบน้ำของเลมอนลงไป เพื่อเสริมรสความเปรี้ยวที่ไปด้วยกันได้เป็นอย่างดีกับวิสกี้ญี่ปุ่นก็เยี่ยมไม่แพ้กัน และนี่คือแก้วที่เป็นแบบที่นิยมกันมาก ๆ ในวันที่วิถีแห่ง Japanese Highball กลายเป็นเครื่องดื่มของผู้คนทั่วโลก  


“เลิกงานแล้วต่อไหนดี?” ประโยคคำถามที่ไม่เคยเป็นแค่ประโยคคำถาม เพราะช่วงเวลาของไฮบอลแบบวิถีญี่ปุ่นคือคำตอบของความผ่อนคลายที่ดีที่สุดมาโดยตลอด

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line