FASHION

MAN UP: เทคนิคตาทิพย์ หยิบจับเสื้อยืดมือสองได้ของดี ซื้อหลักสิบขายทำกำไรได้หลักพัน

By: JEDDY November 22, 2021

“เสื้อมือสอง” ในอดีตความหมายของคนทั่ว ๆ ไปมันคือเสื้อเก่าไร้คุณค่าที่คนใส่แล้วทิ้ง หรือถูกบริจาคมาจากต่างประเทศ ส่งมาสู่ประเทศยากจน 

แต่ในปัจจุบันความหมายของเสื้อเหล่านี้มันได้เปลี่ยนแปลงไปมาก เนื่องจากวงการเสื้อมือสองหรือเสื้อวินเทจ เป็นตลาดที่มีเงินสะพัดเยอะมากไม่ใช่เล่น ๆ เพราะมันมักจะมีเสื้อเก่าของดีปีหายาก เป็นที่ต้องการของนักสะสม ทำให้ในช่วงหลังเสื้อวินเทจมักจะถูกคัดแยกก่อนที่จะถูกส่งต่อมาวางขาย

อย่างเช่นในบ้านเราก็จะมาในลักษณะเสื้อกระสอบ ราคามากน้อยแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับคุณภาพและสไตล์ของเสื้อ ในแต่ละกระสอบก็มีของดีไม่ดีปะปนกันไป จึงเป็นจังหวะที่จะมีพ่อค้าแม่ค้ามารับไปขายแขวนราวตามตลาดนัดทั่วไป ซึ่งหลายครั้งที่เสื้อหายากถูกแขวนขายในราคาถูกเพราะคนขายอาจจะไม่รู้ประวัติหรือมูลค่าที่แท้จริง

เสื้อวินเทจที่เป็นที่นิยมส่วนมากจะเป็นเสื้อวง เสื้อการ์ตูน เสื้อฮาเลย์ หรือเสื้อกีฬา เป็นต้น หากคุณพอจะรู้จักสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อยู่บ้าง มันก็จะช่วยให้คุณสอยเสื้อตามราวมือสองมาขายได้ในราคางาม ๆ จากหลักสิบอาจจะขายได้หลักร้อยจนไปถึงหลักพัน หรือถ้าโชคดีอาจจะขายได้ถึงหลักหมื่น

แต่เท่านั้นยังไม่พอหากคุณยังไม่รู้จักวิธีตรวจสอบเสื้อที่ถูกต้อง ซึ่งทาง Unlockmen ขอนำเสนอ 6 เทคนิคเบื้องต้นการจับเสื้อมือสองหลักสิบขายต่อได้หลักพัน ดังนี้ครับ


ตะเข็บเสื้อ


สิ่งแรกที่นักจับเสื้อมือสองต้องสังเกตก็คือตะเข็บเสื้อ แล้วตะเข็บเสื้อมันบ่งบอกอะไร?

คำตอบของมันคือบอกช่วงปีที่ผลิตนั่นเอง ในปัจจุบันเสื้อยืดทั่วไปเดินด้ายบริเวณชายเสื้อหรือคอเสื้อด้วยตะเข็บคู่ แต่สำหรับเสื้อนับตั้งแต่ยุค 90’s ลงไปส่วนมากจะใช้การเดินด้ายด้วยตะเข็บเดี่ยว (แต่ก็มีตะเข็บคู่ด้วยเช่นกัน) เป็นไปตามกลไกของโรงงานผลิตเสื้อในยุคนั้น 


ป้ายยี่ห้อเสื้อ

thecaptainsvintage.com

ป้ายยี่ห้อเสื้อก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องดูให้ดี เพราะคุณอาจจะได้ของดีกลับบ้าน เสื้อยืดในต่างประเทศส่วนมากจะใช้แบรนด์ Gildan, Fruit Of The Loom, Hanes, Screen Stars, Giant, 3D เป็นต้น

ซึ่งป้ายพวกนี้จะมีการปรับเปลี่ยนโลโก้หรือลวดลายตามยุคตามสมัย ทำให้มันสามารถบ่งบอกถึงความเก่าของเสื้อตัวนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี หรือบางคนก็จะดูประเทศที่ผลิต หากเป็น Made In USA ส่วนมากจะได้ราคาดี

ส่วนข้อควรระวังเราควรจะดูบริเวณที่เย็บป้ายให้ดี เพราะบางทีอาจจะเจอการสอดใส่เย็บเข้าใหม่จากชาวพ่อค้าหัวหมอ


ตอกปีผลิต

kashtankyiv.com

ถ้าการดูตะเข็บและป้ายอาจจะยากไปซักหน่อยสำหรับมือใหม่ การดูตอกปีก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้เราได้รู้ที่มาที่ไปของปีที่ผลิตเสื้อยืดตัวนั้นได้เช่นกัน

ตัวตอกปีผลิตส่วนมากจะถูกสกรีนไว้ตัวเล็ก ๆ ด้านล่างของรูปสกรีนหลักบนเสื้อ อาจจะดูด้านซ้าย กลาง หรือขวาก็ได้

หรือบางตัวที่มีลานสกรีนด้านหลัง ตัวตอกปีก็อาจจะไปอยู่ด้านหลังได้ด้วยเช่นกัน หากคุณโชคดีอาจจะเจอเสื้อที่ผลิตในยุค 80’s หรือ 70’s

อย่างไรก็ตาม การดูตอกปีอาจจะไม่ได้การันตีความแน่นอนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ควรจะดูองค์ประกอบอื่น ๆ รวมกันด้วย รวมไปถึงเสื้อวินเทจบางตัวก็ไม่มีตอกปีไว้เช่นกันซึ่งส่วนมากมันจะเป็นงานแบบ Bootleg (เสื้อที่ไม่ถูกต้องลิขสิทธิ์)


ตรวจสอบงานสกรีนให้ดี

แม้จะเช็คทั้งป้าย ตะเข็บเสื้อ และตอกปี ครบถ้วนแล้ว งานสกรีนก็ต้องดูให้ละเอียดด้วยเช่นกัน เพราะบางครั้งเราอาจจะเจอมิจฉาชีพเอาเสื้อเก่ามาสกรีนลายเสื้อใหม่ก็เป็นได้

ลองดูให้ดีถ้างานสกรีนเก่า ๆ มีรอยแตกร้าว ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ แต่ถ้าเสื้อเก่าแต่งานกสกรีนดูใหม่ราวกับเพิ่งออกจากโรงงานให้สันนิษฐานไว้ได้เลยว่ามันเป็นของปลอม

อย่างไรก็ตามบางครั้งเสื้อวินเทจที่ยังดูใหม่ราวกับมือ 1 ก็มีเช่นกัน เราเรียกสินค้าพวกนี้ว่า Dead Stock มันคือสินค้าที่ถูกเก็บไว้อย่างดี มันคือสินค้ามือ 1 ที่ยังไม่เคยถูกใช้งานตกค้างมาจากปีนั้น ๆ


ตรวจสอบราคาของเสื้อ

หลังได้เสื้อตรงตามความต้องการมาแล้ว เราก็ควรนำมาตรวจสอบราคาก่อนที่จะทำการขายให้ดี มิเช่นนั้นอาจจะถูกมือดีจับเสื้อของคุณไปในราคาแบบเสียรู้

บื้องต้นเราสามารถตรวจสอบราคาได้จากเว็บไซต์อย่าง ebay, Amazon รวมไปถึงเพจและกลุ่มเสื้อวินเทจต่าง ๆ ในเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม หลังจากนั้นก็หาวิธีการวางขายสินค้าได้เลย จะเป็นแบบตามตลาดหรือโซเชียลมีเดียก็ได้ทั้งนั้น แต่ทั้งนี้การกำหนดราคาก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ตั้ง เพราะปัจจุบันยังไม่มีราคากลางที่แน่นอนของเสื้อวินเทจ



ทั้งหมดนี้คือวิธีเบื้องต้นเท่านั้นที่ทำให้เราพอจะดูเสื้อวินเทจเป็น เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ต่าง ๆ ของแต่ละคน ต้องลองผิด ลองถูก โดนหลอกบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งเหล่านี้มันจะสอนให้คุณรู้จักและมีความรู้เกี่ยวกับเสื้อวินเทจมากยิ่งขึ้น

และแน่นอนสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มันก็จะกลับกลายมาเป็นการสร้างรายได้ให้กับคุณได้ จนอาจจะกลายเป็นอาชีพหลักไปเลยก็ได้ครับ

 

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line