รู้ไว้จะได้คุยกับช่างรู้เรื่อง!! เท่ไม่ตกเทรนด์ กับ 4 ทรงผมวินเทจร่วมสมัย เซ็ทเองง่าย หล่อได้ดั่งใจ

วิวัฒนาการของการจัดแต่งทรงผมนั้นก็มีวัฏจักรที่วนเวียน รอวันหวนกลับมาฮิตอีกครั้งไม่ต่างจากแฟชั่นการแต่งตัว เห็นได้ชัดเลยก็คือทรงผมชายสุดวินเทจทั้งหลาย ซึ่งหล่อกันมาตั้งแต่ยุค 70’s ก็ยังกลับมาได้รับความนิยมกันอีกครั้งในปัจจุบัน ยืนยันได้จากจำนวนร้าน Barbershop มากมายที่กลับมาให้บริการกันอย่างคึกคัก

แต่ด้วยจำนวนทรงผมวินเทจที่มากมาย ผู้ชายอย่างเรา ๆ คงจะงงไม่น้อย ว่าแต่ละทรงมันต่างกันยังไง จะเข้าร้านไปคุยกับช่างแบบไหนให้รู้เรื่องถูกใจ ไม่ต้องหลอนกับประสบการณ์บอกอย่าง ตัดอีกอย่าง ทนเสียเซลฟ์กับทรงผมที่ไม่ได้ดั่งใจไปอีกเป็นเดือน ๆ

วันนี้ UNLOCKMEN จึงขออาสาแนะนำ 4 ทรงยอดนิยม ของเหล่าผู้ชายสายหนุ่มวินเทจ ให้เลือกตัดได้ตามสไตล์ พร้อมแนะนำวิธีเซ็ท และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงที่เหมาะสม จะได้เท่แบบต่อเนื่องไม่ขาดตอน ตัดเสร็จออกจากร้าน กลับมาใช้ชีวิตประจำวันก็ยังเซ็ทผมหล่อเองได้ไม่ต้องง้อช่าง จะเจอกันอีกครั้งก็วันที่ผมเริ่มยาวจนรำคาญแล้วนั่นแหละ

Pompadour

เริ่มต้นกันที่ทรง Pompadour ทรงผมวินเทจที่ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น เริ่มต้นจากการเป็นทรงผมของหญิงชั้นสูงในประเทศฝรั่งเศส ผ่านกาลเวลาวิวัฒนาการมาเป็นทรงผมชายสุดเท่ ที่ไม่ว่าจะเป็น James Dean, Elvis Presley ต่างก็สร้างสไตล์หล่อด้วยทรงนี้มาแล้ว ซึ่งใจความสำคัญของทรง Pompadour นั้นจะอยู่ที่การปล่อยความยาวของผมด้านหน้าเอาไว้ประมาณ 3 นิ้ว เพื่อให้เพียงพอต่อการเซ็ทเสยให้ผมตั้งขึ้นไป แต่ไม่ต้องเรียบแปล้ ควรให้มีความพองตัวและมีวอลลุ่มของผมด้านบนที่นูนขึ้นมา ส่วนผมด้านข้างนั้นสามารถบอกช่างให้ตัดได้ตามสะดวก จะรองทรงสูง ตัด Fade หรือ Undercut ก็เลือกได้ตามชอบ

How to Pompadour : อย่างที่บอกไปว่าทรง Pompadour นั้นมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ผมด้านหน้าเสยตั้งพองตัวมีวอลลุ่ม ซึ่งจำเป็นต้องใช้ตัวช่วยอย่าง GATSBY Styling Pomade Supreme Hold (กระปุกสีน้ำตาล) Pomade สูตร Water Based พลังการจัดทรงสูง อยู่ทรงนาน เหมาะสำหรับผมที่ต้องการความอยู่ทรงแบบมีวอลลุ่ม ให้ความเงาในระดับปานกลาง วิธีเซ็ทก็แค่เป่าผมให้แห้ง เน้นเสยผมด้านหน้าให้พองตัว แล้วใช้ Pomade ถูวอร์มให้ทั่วฝ่ามือ ก่อนลูบไปยังเส้นผมในลักษณะเสยขึ้นจากโคนผม ค่อย ๆ ใช้นิ้วมือดึงไปจนถึงปลายผม เพื่อให้เส้นผมตั้งขึ้นไม่ยุบตัว อาจใช้หวีช่วยในการเก็บรายละเอียด แต่ไม่ต้องถึงขนาดหวีปาดเรียบ ส่วนผมด้านข้างให้ใช้มือที่ยังมีรอย Pomade เหลืออยู่ ลูบเก็บผมด้านข้างให้เรียบร้อยอย่าปล่อยให้พองออกมา

Edgy Quiff

ทรง Edgy Quiff เป็นทรงที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับทรง Pompadour โดยจะเหลือความยาวของผมด้านบนเอาไว้สำหรับเซ็ทให้ผมเสยตั้งขึ้นไป ส่วนความยาวของผมด้านข้างนั้น สำหรับใครที่ชอบในสไตล์ทรง Quiff แบบคลาสสิก จะต้องบอกช่างให้เหลือความยาวของผมด้านข้างและด้านหลังเอาไว้ ให้ดูเป็นเลเยอร์เดียวกับด้านบน ส่วนใครที่อยากประยุกต์ให้เป็นทรง Modern Quiff แบบร่วมสมัย ก็สามารถบอกให้ช่างไถเก็บผมด้านข้างและด้านหลังให้สั้น จะเอาเกลี้ยง ๆ แบบ Undercut หรือไล่ระดับแบบ Fade/ Middle Fade ก็แล้วแต่ว่าอยากเก็บความยาวของผมด้านข้าง และด้านหลังเอาไว้ประมาณไหน

How to Edgy Quiff : สำหรับทรง Edgy Quiff นั้นใช้วิธีการเซ็ทไม่ต่างจากทรง Pompadour หลังจากสระผมมาเรียบร้อย ก็เตรียมเป่าผมให้แห้ง พยายามเสยผมด้านหน้าให้ตั้งขึ้นและโยกไปยังทิศทางที่ต้องการ แล้วใช้ GATSBY Styling Pomade Perfect Raise (กระปุกสีดำ) สูตร Water Based ที่มีพลังจัดแต่งทรงสูงที่สุดในซีรี่ส์ ขยี้วอร์มให้ทั่วฝ่ามือ ก่อนที่จะลูบเสยให้ทั่วเส้นผม แล้วใช้หวีช่วยหวีจัดทรงไปในทิศทางที่ต้องการโดยไม่ต้องปาดเรียบ จะให้ผมตั้งแค่ไหน หรือจะโยกไปซ้าย – ไปขวาก็เลือกเซ็ทได้ตามใจชอบ พร้อมคุณสมบัติที่ให้ความเงางามพอประมาณ ช่วยเสริมลุควินเทจได้เป็นอย่างดี

Slicked Back

นี่เป็นอีกทรงหล่อแนววินเทจ ที่มักจะได้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ซึ่งทรง Slicked Back นี้เป็นทรงที่เหมาะกับผู้ชายสายเนี้ยบ เน้นความเท่ของผมที่เสยปาดเรียบไปจนถึงข้างหลัง การจะตัดทรงนี้ควรเหลือความยาวของผมด้านหน้าไว้ประมาณ 4 – 6 นิ้ว เพื่อให้หวีเสยไปข้างหลังได้แบบเนียน ๆ ส่วนผมด้านข้างมักจะนิยมตัดสั้น ทั้งแบบ Disconnected ด้วยการ Undercut ไถเกรียนแยกผมส่วนบน และล่างออกจากกันอย่างชัดเจน หรือถ้ากลัวโล่งเกินไป ก็สามารถเลือกไถ Fade ไล่ระดับได้เช่นเดียวกัน

How to Slicked Back : ทรงนี้มีจุดเด่นที่เนี้ยบคลาสสิก แบบวินเทจขนานแท้ ซึ่งจะเน้นที่ความเรียบแปล้เงางามของผมด้านบนในสไตล์ Wet Look งานนี้จึงต้องพึ่งความสามารถของ GATSBY Styling Pomade Supreme Grease (กระปุกสีเทา) สูตร Oil Base ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องความเงางามเป็นที่สุด พร้อมพลังจัดทรงที่ไม่น้อยหน้าใคร เพียงแค่เป่าผมให้แห้งพอหมาด ๆ แล้วถู Pomade วอร์มให้ทั่วฝ่ามือ ลูบไล้ปาดเสยให้ทั่วเส้นผม พร้อมใช้หวีซี่ถี่ ๆ ปาดไปด้านหลังเพื่อเก็บความเนี้ยบอีกครั้ง แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ตัดผมแบบ Disconnected อย่าลืมใช้ Pomade ลูบให้ทั่วผมด้านข้าง แล้วใช้หวีปาดเพื่อเก็บงาน เท่านี้ก็เป็นอันจบกระบวนการเสริมหล่อ

Side Swept

ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งทรงเท่แนววินเทจ แต่ไม่เนี้ยบจนเกินไป เหมาะกับหนุ่มฮิปสเตอร์สายเซอร์ ที่ต้องการลุคสบาย ๆ ดูเป็นธรรมชาติ สร้างความแตกต่างด้วยคาแรคเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์กับทรง Side Swept ซึ่งมีพื้นฐานการตัดไม่แตกต่างจากทั้ง 3 ทรงที่เราแนะนำเอาไว้ข้างต้น จะเลือกตัด Undercut ไถข้างโล่ง ๆ หรือจะเลือกตัดแบบ Fade ไล่เลเยอร์ของผมด้านข้างและด้านหลังให้ดูกลมกลืนกันก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัว แต่ต้องไม่ลืมเหลือผมด้านบนที่มีความยาวพอประมาณตั้งแต่ 3 นิ้วขึ้นไป เอาไว้สำหรับเซ็ทแสกข้างให้ผมตกลงไปด้านใดด้านหนึ่ง แทนที่จะเลือกเสยผมตั้ง หรือปาดไปข้างหลังเหมือนกับทรงอื่น ๆ

How to Side Swept : ในการเซ็ทผมทรง Side Swept ซึ่งเน้นลุคที่ดูสบาย ๆ เราแนะนำให้ใช้ GATSBY Styling Pomade Classy Dry (กระปุกสีเทาเข้ม) สูตร Water Based เนื้อ Matte ไม่เงาจนเกินไป ซึ่งให้พลังจัดทรงกำลังดี จับโยกไปทางไหนก็เอาอยู่ แต่ผมยังดูเป็นธรรมชาติไม่ถึงกับแข็งทื่อจนดูเหมือนตั้งใจเซ็ทเกินไป วิธีเซ็ทก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แค่ถู Pomade วอร์มให้ทั่วฝ่ามือแล้วขยำโคนผมให้มีวอลลุ่มเล็กน้อย แล้วปาดเส้นผมด้านบนให้ตกไปยังฝั่งที่ต้องการ จะปล่อยตกแบบเรียบ ๆ หรือจะใช้ Pomade ขยำ บิดช่อผม ให้มีวอลลุ่มเพิ่มเติม ก็ทำได้ตามสไตล์

ได้แนวทางเท่ไม่ตกเทรนด์ จาก 4 ทรงผมหล่อร่วมสมัยสไตล์วินเทจไปแล้ว เราหวังว่าการเข้าร้านตัดผมครั้งหน้าจะไม่มีปัญหาหนักใจอีกต่อไป เพราะสามารถบอกทรงที่ชอบ เลือกทรงที่ใช่ คุยกับช่างได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง แถมยังกลับมาเซ็ทผมเองได้ง่าย ๆ ออกจากบ้านแบบดูดีมีสไตล์ได้ทุกวัน งานนี้ใครรู้แล้วว่าจะเลือกทรงอะไร ก็อย่าลืมผู้ช่วยสำคัญในการจัดแต่งทรงผมวินเทจได้อย่างอยู่หมัด กับ GATSBY Styling Pomade ทั้ง 4 สูตรเท่สไตล์โมเดิร์นวินเทจ มีให้เลือกทั้ง เนื้อ Oil-based และ Water-based ไม่ว่าจะเซ็ททรงเนี้ยบ หรือหล่อเฉียบแบบธรรมชาติ ก็เอาอยู่ พร้อมให้คว้ามาเสริมหล่อ หาซื้อได้แล้ววันนี้ทั้ง 4 สูตรที่ Watsons สำหรับสูตร Perfect Raise และ Classy Dry หาซื้อได้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป

:: Gatsby Styling pomade ทั้ง 4 สูตร ขนาด 75 ก. ราคาเพียง 220.- ::

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/gatsbythailand/