World

NAZI SUBMARINE U-1206 เรือดำน้ำพิฆาตสุดไฮเทค ที่ต้องจมไปตลอดกาลเพราะห้องน้ำ

By: unlockmen January 31, 2021

ยามสงคราม คือช่วงเวลาที่ผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ บนโลกแบบก้าวกระโดด โดยมีเป้าหมายคือการแสดงแสนยานุภาพข่มศัตรูเพื่อความได้เปรียบในการทำสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กองทัพ หรือการใช้ชีวิตประจำวันที่สบายขึ้นของเหล่าพลเรือน แต่ถึงแม้เทคโนโลยีที่สร้างมาจะดีเลิศมากแค่ไหน หากเจ้าของไม่รู้วิธีการใช้ที่ถูกต้อง เทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาก็สามารถกลายเป็นปัญหาชิ้นโตที่คาดไม่ถึงได้

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมันคือชาติที่มีความเจริญล้ำหน้าไม่แพ้ชาติใดในโลก พวกเขาผลิตเทคโนโลยีออกมามากมายเพื่อความได้เปรียบในทุกๆ ด้าน ไม่เว้นแม้แต่เรื่องห้องน้ำภายในเรือดำน้ำ เนื่องจากการปล่อยสิ่งปฏิกูลของเรือในขณะดำน้ำลึกไม่สามารถทำได้ จำเป็นต้องเก็บของเสียเอาไว้ในถัง และปล่อยทิ้งลงทะเลได้เฉพาะตอนเรือดำน้ำลอยอยู่ในเขตน้ำตื้น เนื่องจากระบบขับถ่ายของเสียถูกออกแบบสำหรับแรงดันน้ำต่ำ ทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นคือ หากสงครามดำเนินไปยาวนาน เป็นเหตุให้เรือต้องดำน้ำลึกเพื่อคอยสอดแนมศัตรู การต้องลอยกลับมาเหนือน้ำเพื่อปล่อยของเสียทิ้งเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่คุ้มความอันตรายหากศัตรูผ่านมาเจอ

วิศวกรของกองทัพเยอรมันจึงได้ผลิตโถสุขภัณฑ์ในเรือดำน้ำรุ่นใหม่ ที่มีความซับซ้อนกว่าของเรือดำน้ำทั่วไป สามารถระบายของเสียได้ทันที แม้ว่าจะอยู่ในน้ำลึก โดยการปล่อยของเสียผ่านช่องแรงดันสูง ส่งเข้าสู่ถังอากาศก่อนที่จะดีดทิ้งสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ในที่สุด ช่วยให้เรือดำน้ำสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานขึ้นโดยไม่ต้องกลัวส้วมเต็มอีกต่อไป

แต่ในการใช้งานห้องน้ำระบบใหม่ มีวิธีการใช้งานที่เคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องมีลูกเรือที่ผ่านการฝึกใช้งานห้องน้ำประจำอยู่บนเรือ เพื่อคอยแนะนำวิธีการใช้งานกับลูกเรือคนอื่นๆ

พระเอกของเรื่องนี้คือเรือดำน้ำ U-1206 เป็นเรือดำน้ำประเภท VIIC ตัวใหม่สุดไฮเทคของกองทัพนาซี ได้ฉายาว่า “นักล่าแห่งท้องทะเล” ก็ได้มีการติดตั้งสุขภัณฑ์รูปแบบใหม่เช่นกัน เรือลำนี้ดูแลโดย กัปตันคาร์ล อดอล์ฟ ชลิตต์ (Karl-Adolf Schlitt) แต่เรือลำนี้ยังอยู่ในช่วงฝึกการรบ พวกเขาถูกส่งไปฝึกลาดตระเวนในแถบทะเลเหนือ ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1944 ถึงต้นปี ค.ศ. 1945 เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกอย่างยาวนาน พวกเขาก็ได้รับมอบหมายให้ออกปฏิบัติงานจริง

ภารกิจเริ่มต้นในวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1945 เป็นภารกิจลาดตระเวนน่านน้ำของจริงครั้งแรก และจะกลายเป็นครั้งสุดท้ายของพวกเขา งานของพวกเขาดำเนินไปได้ด้วยดีในช่วงแรก จนกระทั่งในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1945 เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ขึ้น เมื่อกัปตันชลิตต์ต้องการใช้ห้องน้ำ แต่เขาไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมการใช้ห้องน้ำมาก่อน จึงได้เรียกลูกเรือที่เป็นวิศวกรให้มาช่วยดู แต่กลับเปิดวาล์วผิดตัว จนทำให้น้ำทะเลไหลทะลักเข้าสู่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

น้ำได้ไหลท่วมช่องเก็บแบตเตอรี่ของเรือ เกิดปฏิกิริยาทางเคมีทำให้เกิดก๊าซคลอรีนที่มีพิษฟุ้งกระจายไปทั่วลำเรือ จำเป็นต้องหาวิธีระบายก๊าซพิษออกจากตัวเรือโดยเร่งด่วน เพราะพิษจากคลอรีนสามารถกัดกร่อนเนื้อเยื่อ ทำให้มีอาการระคายเคืองผิวหนัง และเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจทำให้ลูกเรือทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

จากสถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น กัปตันชลิตต์ไม่มีทางเลือกอื่น เขาตัดสินใจสั่งให้นำเรือขึ้นสู่ผิวน้ำ เพื่อที่พวกเขาจะสามารถระบายก๊าซพิษออกจากตัวเรือได้ทันเวลา โดยพวกเขาโผล่ขึ้นเหนือน่านน้ำบริเวณชายฝั่งสกอตแลนด์ ลูกเรือหลายคนออกมายืนอยู่บนลำตัวเรือเพื่อหนีก๊าซพิษ และช่วยกันหาวิธีระบายก๊าซพิษออกจากเรือ แต่ยังไม่ทันทำเสร็จ หายนะของจริงก็มาเยือนแบบไม่ให้พวกเขาหยุดพักหายใจ

ในเวลานั้นมีเครื่องบินลาดตระเวนของฝ่ายสัมพันธมิตร จากประเทศอังกฤษ ได้บินผ่านมาเห็นเรือดำน้ำนาซีสุดโชคร้ายที่กำลังลอยอยู่เหนือน้ำ จึงได้ทำการโจมตีจากทางอากาศ กัปตันชลิตต์สั่งให้ลูกเรือทุกคนยอมสละเรือ โดยพยายามเข้าหาชายฝั่งด้วยเรือชูชีพฉุกเฉิน ลูกเรือจำนวน 37 คน รอดมาได้ แต่ก็ถูกจับเป็นเฉลยสงคราม

ผลของการโจมตีรุนแรงทำให้เรือดำน้ำเสียหายอย่างหนัก จนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป และเริ่มจมลงเรื่อยๆ มีลูกเรือ 3 คนจมน้ำตายไปพร้อมกับเรือ จนสุดท้ายเรือดำน้ำ U-1206 นักล่าแห่งท้องทะเลก็จมลงสู่ก้นทะเลไปเป็นบ้านของปลาอย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่เคยมีใครพบเห็นอีกเลย จนกระทั้งปี ค.ศ. 1970 ซากของเรือดำน้ำ U-1206 ได้ถูกพบใต้ทะเลห่างจากชายฝั่งสกอตแลนด์ราว 10 ไมล์ ระหว่างการสำรวจท่อส่งน้ำมัน

24 วันหลังเกิดเหตุการณ์ สงครามโลกก็สิ้นสุดลง ฝ่ายเยอรมันยอมแพ้จากสงครามอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 กัปตันชลิตต์ และลูกเรือที่เหลือถูกปล่อยตัว และได้รอดชีวิตจากสงครามแบบหวุดหวิด

ภายหลังสงคราม กัปตันชลิตต์ได้ใช้ชีวิตช่วงที่เหลืออย่างสงบ และเสียชีวิตในวัย 90 ปี เมื่อปี ค.ศ. 2009

 


Written by: JSTK

Appendix: 1 / 2 / 3 /

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line