World

NIHON STORIES: “KODAMA YOSHIO” ยากูซ่าอาชญากรสงครามที่ถูก CIA ตามล่า

By: TOIISAN August 28, 2020

“ชีวิตของคนคนหนึ่งจะตื่นเต้นได้มากแค่ไหน ?” บางคนอาจได้ทำตามฝัน เป็นเจ้าของธุรกิจที่ตัวเองรักและต้องเจอกับเรื่องทางธุรกิจที่ท้าทาย บางคนประกอบอาชีพที่เฝ้าฝันไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ และต้องแข่งขันกับคนอีกหลายสิบหลายร้อย หรือบางคนก็มองว่าตัวเองเป็นเพียงกลไกเล็ก ๆ ของระบบทุนนิยมที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ตื่นเต้นมากนัก แต่ชีวิตของชายญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ชื่อว่า โคดามะ โยชิเอะ (Kodama Yoshio) มันเหนือจริงและเกินกว่าคำว่าตื่นเต้นไปมาก เพราะเขาเป็นทั้งยากูซ่า พ่อค้ายา คนคุก และอาชญากรสงครามที่ CIA ต้องการตัวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

โคดามะ โยชิโอะ เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1911 ในนิฮงมัตสึ ก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ราว 7 ปี เขาเป็นชายที่เติบโตมากับสงครามใหญ่ถึงสองครั้ง ชีวิตวัยเด็กของเขาเรียบง่ายธรรมดาไม่ต่างจากเด็กชายญี่ปุ่นคนอื่น ๆ ทว่าเมื่อเขากลายเป็นหนุ่ม โยชิโอะก็ได้สร้างตำนานของตัวเองขึ้นด้วยการเข้าร่วมกลุ่มลัทธิคลั่งชาติ (Ultranationalist) แม้ว่าเขาจะเคยอาศัยอยู่ในดินแดนเกาหลีก็ตาม

งานของสมาชิกลัทธิคลั่งชาติสุดโต่งมีตั้งแต่ก่อกวน สร้างความแตกแยกกับชนชาติอื่นที่อยู่ในญี่ปุ่น ยุยงปลุกปั่น ป้อนค่านิยมคลั่งชาติให้ชาวญี่ปุ่นคนอื่น ๆ ไปจนถึงงานใหญ่อย่างการวางแผนลอบสังหารนักการเมืองหัวก้าวหน้า จากการลือแบบปากต่อปากเล่าว่าโยชิโอะเป็นผู้ร่วมขบวนการหลายครั้ง เขาพยายามลอบสังหารคนหัวใหม่ที่อยากให้ญี่ปุ่นติดต่อการค้ากับต่างชาติ เพราะเขามองว่าชาวญี่ปุ่นสามารถยิ่งใหญ่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องร่วมงานหรือพึ่งพาคนชาติอื่น

โยชิโอะใช้ชีวิตอย่างสุดโต่ง ทำผิดกฎหมายหลายข้อโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ในที่สุดหนุ่มห้าวผู้โลดโผนก็ถูกจับในปี 1932 ถูกยัดเข้าเรือนจำรับโทษราว 3 ปี

หลังติดคุกครบกำหนด โลกใกล้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลญี่ปุ่นปล่อยตัวโยชิโอะพร้อมกับยื่นข้อตกลงให้เขาทำงานแก่รัฐบาล งานที่ว่าคือการเป็นผู้เคลื่อนย้ายเสบียงจากประเทศอื่น ๆ ในเอเชียมาตุนไว้ที่ญี่ปุ่น รวมถึงโยกย้ายเสบียงไปทั่วเอเชีย โยชิโอะยินดีเป็นอย่างมากที่จะทำงานให้กับประเทศชาติ ทำให้เขาตกลงรับข้อเสนอนี้ทันที

โยชิโอะทำงานที่ได้รับมอบหมายด้วยการใช้เส้นสายในกลุ่มลัทธิคลั่งชาติ รวมถึงเครือข่ายเพื่อนเก่าในเกาหลี หากชีวิตของโยชิโอะเป็นเพียงแค่คนนำเข้า-ส่งออกอาหารสำหรับสงคราม คงจะไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก แต่คนที่ UNLOCKMEN เลือกมาเล่าจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น เพราะสิ่งของส่วนใหญ่ที่โยชิดะต้องรับผิดไม่ได้มีแค่อาหารกระป๋องหรือเนื้อสด แต่มันคือยานอนหลับและยาเสพติดจำนวนมหาศาลที่รอใครสักคนมาย้ายมาออกจากที่ซ่อนเพื่อส่งมอบให้ลูกค้ากระเป๋าหนัก

การขนยาเสพติดข้ามชาติของโยชิดะยังคงเป็นที่ถกเถียงจนถึงปัจจุบัน หลายคนปักใจเชื่อว่าเขาเป็นคนติดต่อกับพวกพ่อค้ายาเพื่อเป็นคนกลางส่งของเอง และรัฐบาลก็ไม่ได้ใช้ให้เขาส่งยาเสพติดตั้งแต่ต้น ให้งานขนส่งเสบียงอาหารจริง ๆ แต่บางคนก็ค้านว่ารัฐบาลอาจไม่ได้สั่งให้เขาค้ายา แต่จะเป็นไปได้จริง ๆ เหรอที่รัฐบาลจะไม่รู้ว่าชายคนนี้ยัดยามากับลังอาหาร ที่จริงแล้วรัฐบาลอาจรู้เห็นแต่ไม่ห้ามเสียมากกว่า ซึ่งทฤษฎีเหล่านี้ก็ยังคงเถียงกันได้ทุกครั้งจนถึงปัจจุบัน

ในที่สุดก็เป็นดั่งที่รัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้นในปี 1939 จนถึงปี 1945 แถมญี่ปุ่นยังเป็นตัวหลักของเวทีสงครามครั้งนี้อีกด้วย แม้จะเกิดสงครามครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่โยชิโอะเคยเจอมา แต่งานของเขาก็ต้องเดินหน้าต่อไป ซ้ำยังรับจ๊อบเพิ่มด้วยการรวบรวมข่าวสารของฝั่งสัมพันธมิตรส่งให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น

การทำงานหลายอย่างทั้งส่งของ ส่งข่าวให้รัฐควบคู่กับลักลอบค้ายาเสพติด สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้โยชิโอะ ในเวลาเพียงไม่นานเขามีเงินและทรัพย์สินมากกว่า 175 ล้านดอลลาร์ (คิดเป็นเงินไทยราวห้าพันล้านบาท) จากหนุ่มรักชาติหัวรุนแรงขี้คุก ชีวิตพลิกกลับมาเป็นอภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเบอร์ต้น ๆ ของเอเชีย จนเศรษฐีคนอื่นที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขาต้องงงไปตาม ๆ กันว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันโผล่มาจากไหน อยู่ ๆ ถึงได้รวยขนาดนี้

เรื่องราวของเขาเป็นที่โจษจันไปยังฝั่งสัมพันธมิตร แม้เขาอาจไม่ได้โด่งดังเท่านักการเมืองหรือทหารคนอื่น ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทว่าเขาก็สร้างความปั่นป่วนในทวีปเอเชียจากการค้ายาในเวลาที่ย่ำแย่น่าหดหู่ หลายเมืองเต็มไปด้วยซากศพ ส่งผลให้ช่วงปลายสงคราม โยชิโอะกลายเป็นอาชญากรสงครามระดับ A ลิสต์ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่ง และพวกเขาก็ได้ส่งทีม CIA มายังญี่ปุ่นเพื่อตามล่าตัวเขาโดยเฉพาะ

สุดท้ายชีวิตของอภิโคตรมหาเศรษฐีช่วงสงครามโลกก็ถูกจับ เขาถูกนำตัวขึ้นศาล และรับโทษจำคุกอีกครั้ง คราวนี้เขาอยู่ในเรือนจำซูกาโม่ ระหว่างติดคุกเขามีโอกาสได้พูดคุยทำความรู้จักกับ ซาซากาวะ ริวอิจิ (Sasakawa Ryouichi) นักการเมืองผู้ใจบุญแห่งโอซาก้าที่ช่วยเหลือเรื่องเงินแก่รัฐรวมถึงเรื่องกำลังทหาร จนถูกจับในฐานะอาชญากรสงครามเช่นเดียวกับโยชิโอะ

นอกจากเป็นเพื่อนกับริวอิจิ เขายังใช้เวลาว่างเขียนไดอารี่ จดบันทึกชีวิตประจำวันในคุกว่าเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงภูมิหลังที่ทำให้ตัวเองต้องเข้ามาอยู่ในนี้ ภายหลังไดอารี่ของเขาถูกตีพิมพ์เป็นหนังสืออัตชีวประวัติชื่อว่า I Was Defeated

ในปี 1948 หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ทำเรื่องปล่อยตัวของโยชิโอะ และเหมือนกับการติดคุกครั้งแรก เขาถูกเสนองานอีกครั้งโดยต้องทำงานให้กับ CIA แบบอ้อม ๆ อย่างไม่เป็นทางการ แลกกับการการที่ CIA ยอมปล่อยเขาออกมาเจอโลกภายนอกก่อนกำหนด ชีวิตของคนคนหนึ่งจะต้องเป็นสายลับถึงสองครั้ง ทำงานให้กับองค์กรระดับชาติถึงสององค์กร ซึ่งเรื่องแบบนี้คงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ แน่นอน

งานที่โยชิโอะต้องทำคือการช่วยเหลือรัฐบาลญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ต่อสู้กับการขยายอำนาจของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในฐานะที่เขาเคยอ้างว่าตัวเองรักชาติและมีความชาตินิยมสูง เขาจึงยินดีที่จะทำงานนี้โดยใช้เส้นสายจากเพื่อนเก่าต่อสู้กับแนวคิดคอมมิวนิสต์ คราวนี้เขาไม่ได้แค่นัดเจอเพื่อนเก่า แต่เขารวมพรรคพวกผู้ภักดี เด็กวัยรุ่นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่กำลังหลงเพราะพิษสงครามเพื่อตั้งแก๊งยากูซ่า

โยชิโอะทำงานหนักไม่แพ้มนุษย์เงินเดือนคนอื่น ๆ ที่ต้องดิ้นรนสร้างเนื้อสร้างตัวหลังประเทศพังเพราะสงคราม เขาพยายามทำให้แก๊งยากูซ่าน้อยใหญ่ที่กระจัดกระจายไปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กลับมารวมกลุ่มอีกครั้ง เขาเป็นตัวกลางให้ยากูซ่าแต่ละแก๊งกลับมาเจรจาร่วมงานกัน รับจ๊อบเป็นนายหน้าซื้อ-ขายหลักทรัพย์ระหว่างแก๊งยากูซ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน ยามากุจิ-กูมิ (Yamaguchi-gumi) กับแก๊งโตไซ-ไก (Tosei-kai) ควบคู่งานหลักอย่างการไล่ปราบปรามทุกสิ่งที่คิดว่าเป็นการกระทำที่เกิดจากคอมมิวนิสต์

อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น คุคาเออิ ทานากะ

นอกจากการช่วยเหลือ CIA เพราะเรื่องบุญคุณและการมีอุดมการณ์เดียวกัน ในปี 1949 มีข่าวลือว่า CIA จ่ายเงินให้โยชิโอะลักลอบขนส่งทังสเตน (Tungsten) โลหะที่มีความแข็งแรงและทนต่อความร้อนสูง ที่มักใช้สร้างเครื่องบิน ยานรบ จรวด และกระสวยอวกาศ ออกจากประเทศจีนให้มากที่สุดเท่าที่จะนำออกมาได้ อย่างไรก็ตาม โยชิโอะไม่ได้เอาทังสเตนทั้งหมดมาให้ CIA ตามตกลง แถมยังเก็บเงินที่หน่วยงานให้ไว้ก่อนหน้านี้อีก หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ‘อมเงินแล้วแอบชิ่ง’ นั่นเอง

ทุกครั้งที่โยชิโอะได้รับคำสั่ง เขาจะทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วยเสมอ เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าหากวันใดตัวเองหมดประโยชน์ ตัวเขาอาจโดนทิ้งให้โดดเดี่ยว ดังนั้นโยชิโอะจะต้องสร้างความมั่นคงให้ตัวเองควบคู่กับการเป็นสายให้กับรัฐบาลและ CIA

ชายผู้เจนจัดต่อโลกใช้อำนาจเงินและเส้นสายที่มี สนับสนุนพรรคเสรีประชาธิปไตยที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมและมีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ คาคุเออิ ทานากะ (Kakuei Tanaka) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่ดำรงตำแหน่งได้เพียงสองปีกว่าก็ต้องลาออก เพราะรับความกดดันจากสังคมอย่างหนักเรื่องการเกี่ยวข้องกับยากูซ่า มีอะไรตุกติกกับเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ

ข่าวเสียของผู้นำญี่ปุ่นถูกเปิดออกมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกับคดีอื้อฉาว ‘ล็อกฮีด แอล-1011’ (Lockheed L-1011) ระหว่างบริษัทสหรัฐฯ กับนายกรัฐมนตรี มูลค่ารวมแล้วกว่า 7 ล้านดอลลาร์ ในปี 1976 และมีการกล่าวหาว่าทานากะรับสินบนกว่า 1.8 ล้านดอลลาร์ เพื่ออนุมัติให้รัฐบาลนำเครื่องบิน 21 ลำ เข้ามาในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการคดีนี้โยชิโอะมีเอี่ยวด้วยในฐานะนายหน้า

มหาเศรษฐีขี้คุกที่มีเงินเก็บมหาศาลถูกจับกุมตัวอีกครั้ง โยชิโอะต้องวิ่งหาทนายความฝีมือดีเพื่อสู้คดี คราวนี้ผู้ร่วมงานเก่าอย่าง CIA และรัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่เข้ามาช่วยเหลือเขา (หลายคนยังคงปักใจเชื่อข่าวลือว่าโยชิโอะเชิดเงินของ CIA มาจริง ๆ) เขาถูกตั้งข้อหามากกว่า 5 กระทง แต่ด้วยการใช้ชีวิตที่เจนจัดและอายุที่มากพอดู ทำให้โยชิโอะร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะเดินทางมาฟังคำพิจารณาคดี คดีความของเขายืดเยื้อหลายปี เพราะชายแก่ต้องแวะไปโรงพยาบาลบ่อยกว่าศาล

หลายครั้งหลายคนที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 แบบสเกลใหญ่จนอาจข้ามรายละเอียดของคนตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในช่วงเวลานั้น ดังเช่นโยชิโอะที่หาลู่ทางจากสงครามสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างชื่อเสียให้ตัวเอง เคยถูกตามล่าจากเจ้าหน้าที่ CIA และก็ได้ทำงานให้กับ CIA

ท้ายที่สุดสายลับผู้เป็นตำนนานก็จากไปอย่างสงบในโรงพยาบาลโตเกียว ด้วยวัย 72 ปี สาเหตุจากโรคหลอดเลือดสมอง ทิ้งเอาไว้แต่ตำนานที่เวอร์วังและเซอร์เรียลยิ่งกว่าหนังบู๊บางเรื่องเสียอีก และเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก และเมื่อไรก็ตามที่หยิบเรื่องเขามาเล่าก็จะรู้สึกว่า “มึงแม่งแน่ว่ะ” ทุกที

Source : 1 / 2 / 3
Source photo : 1 / 2 / 3 / 4

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line