World
NIHON STORIES: “LAST MAN IN FUKUSHIMA” ผู้ยืนหยัดในดินแดนแห่งความตาย
By: TOIISAN February 22, 2021 196068
ย้อนกลับไปยังวันที่ 27 มกราคม 2012 สำนักข่าว CNN รายงานข่าวภัยพิบัติใหญ่ที่เกาะญี่ปุ่น เมื่อเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิโถมเข้าใส่จังหวัดฟูกูชิมะ ส่งผลให้โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เกิดความเสียหาย กัมมันตภาพรังสีจากโรงงานรั่วไหลออกมาโดยรอบ รัฐบาลต้องสั่งอพยพประชาชนในพื้นที่กว่า 1.6 แสนคนโดยด่วน ชาวบ้านที่ตื่นตระหนกจำต้องทิ้งบ้าน ทรัพย์สิน รวมถึงสัตว์เลี้ยงไว้ข้างหลัง เพื่อรักษาชีวิตตัวเองให้รอดปลอดภัยก่อน
การรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีจากโรงงานนิวเคลียร์ในช่วงแรก ส่งผลให้สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงที่ถูกทิ้งไว้ได้รับสารเคมีอันตราย สัตว์เลี้ยงเพื่อบริโภคอย่างโคและสุกรจำนวนมากในหลายหมู่บ้าน จะถูกเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อทำการุณยฆาต ก่อนฝังทั้งหมดลงดิน เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อสัตว์ที่มีสารเคมีปนเปื้อนออกสู่ตลาด ทว่าสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าจำนวนมากยังคงถูกทิ้งไว้ในดินแดนที่ไม่มีผู้อาศัย
สัตว์หลายชนิดในบริเวณรอบที่ใกล้โรงฟ้าไฟนิวเคลียร์พากันล้มตาย เหลือไว้เพียงซากเน่ารอวันย่อยสลายเหลือแต่กระดูก กลิ่นเหม็นชวนคลื่นเหียนส่งกลิ่นตลบอบอวล บางตัวที่อ่อนล้าพยายามเอาตัวรอด ทว่าน้ำในแอ่งก็เต็มไปด้วยสารพิษ ต้นไม้ใบหญ้าก็อาบสารเคมี อากาศที่หายใจก็ไม่สะอาด เมืองที่ตายแล้วกำลังคร่าสิ่งมีชีวิตให้หมดลงไปเรื่อยๆ มีเพียงวันเวลาอันยาวนานเท่านั้นที่จะให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูตัวเอง แล้วชาวฟูกูชิมะบางส่วนที่ต้องหนีไปก่อนหน้านี้ได้กลับบ้านอีกครั้ง
ทว่ามีชายคนหนึ่งตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ดินแดนรกร้าง ตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะไม่ย้ายไปไหน อยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกที่กำลังทุกข์ทรมาน
มัตสึมูระ นาโอโตะ (Matsumura Naoto) คือชื่อของชายคนสุดท้ายที่ยืนหยัดอยู่ในเมืองโทมิโอกะที่ร้างไร้ผู้คน โทมิโอกะเป็นหนึ่งในชุมชนที่อยู่ในพื้นที่จำเป็นต้องลี้ภัยหลังการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไดอิจิ ก่อนเกิดเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ มัตสึมูระเลี้ยงหมาไว้หนึ่งตัว และมักผูกมิตรกับสัตว์อื่นในชุมชนเสมอ
ทุกคนในชุมชนจะรู้ว่าเขาชอบเอาอาหารไปเลี้ยงแมวจรจัดท้ายหมู่บ้าน ส่วนหมาจรจัดที่ดุแค่ไหนก็ยอมไว้ใจมัตสึมูระ หลังเกิดเหตุระเบิดไม่คาดฝัน ประชาชนส่วนใหญ่ที่อพยพไม่ได้นำสัตว์เลี้ยงไปด้วย หมาแมวจำนวนมากถูกปล่อยทิ้งไว้ตามเดิม เพราะใคร ๆ ก็คิดว่าเดี๋ยวก็คงได้กลับบ้าน
ด้านมัตสึมูระที่ต้องอพยพออกมาเหมือนกับคนอื่น ๆ เกิดความรู้สึกเป็นห่วงหมาที่เขาไม่ทันได้พาออกมาด้วย จนสุดท้ายอยู่ข้างนอกได้ไม่กี่สัปดาห์ก็ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐอนุญาตให้ตัวเองกลับเข้าไปยังหมู่บ้านอีกครั้ง ทั้งที่รู้ว่าในพื้นที่ที่เขาจะเข้าไป ยังคงมีกัมมันตรังสีกระจายอยู่ทั่วเมือง
เมื่อเดินทางกลับมายังหมู่บ้าน มัตสึมูระพบสัตว์จำนวนมากที่หิวโหย แรกเริ่มเขามุ่งหน้ากลับไปยังบ้านของตัวเอง จัดการให้อาหารหมาที่เขาแสนคิดถึง นั่งกอด ลูบขนให้หายตกใจ ก่อนเริ่มเดินสำรวจหมู่บ้านและพบว่าน้ำไฟถูกตัดไปแล้ว และสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือสัตว์เลี้ยงในฟาร์มที่ไม่มีอิสระ และไม่สามารถหาอาหารยังชีพตัวเองได้
ฟาร์มในหมู่บ้านโทมิโอกะมีทั้งวัว หมู และนกกระจอก ตอนนี้เจ้าของฟาร์มต่าง ๆ ออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว เขาจึงเริ่มเดินให้อาหารสัตว์ที่ผอมโซ การอดอาหารมานานหลายวันทำให้สภาพของพวกเขารอแร่ และมีสัตว์จำนวนมากที่ไม่สามารถมีชีวิตได้อีกต่อไป
ช่วงแรกของเมืองร้างคือห้วงเวลาน่าสลดหดหู่ที่สุด มัตสึมูระพบมีวัวตายนับร้อยตัว ซากเน่าส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งไปทั่วทุ่ง การใช้เวลาย่อยสลายดำเนินไปอย่างช้า ๆ โรงนาที่ไม่ไกลจากบ้านของเขา มัตสึมูระตัดสินใจเดินไปดูซากศพ และได้เห็นหนอน เห็นแมลงวันนับไม่ถ้วนบินวน ชอนไชซากศพ บรรยากาศโดยรอบมีแต่เสียงหึ่ง ๆ จากปีกของแมลงวัน กลิ่นเหม็นน่ารังเกียจอบอวลชวนให้คิดว่าหากอยู่ตรงนั้นอีกแค่ 5 นาที กลิ่นเน่าก็จะติดตัวเรากลับบ้านไปด้วย
เมืองที่ไร้ผู้คนย่อมไม่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าหรือประปาอีกต่อไป มัตสึมูระใช้ชีวิตด้วยการใช้แผงโซลาร์เซลล์เพื่อจ่ายไฟให้ทั่วบ้าน เขาจึงสามารถใช้คอมพิวเตอร์และชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ และเล่าถึงปฏิกิริยาของชาวเมืองว่า
“พวกเขาประท้วงกันน้อยมาก ทั้งที่สิ่งที่ TEPCO ทำมันหนักหนา คล้ายกับว่าพวกเขา (TEPCO) ยึดบ้าน ยึดสิ่งที่เรามี ยึดดินที่สะอาด อากาศที่บริสุทธิ์ แล้วไล่เราออกจากบ้าน แต่กลับบอกต่อสังคมว่า ‘ปัญหาไม่เคยเกิดขึ้น’ และคนอื่น ๆ กลับไม่โกรธเท่าที่ควร”
มัตสึมูระเป็นชายอารมณ์ดีที่พยายามรักษาไว้ด้วยอารมณ์ขัน แต่พอเป็นเรื่องของเหตุระเบิด เขาไม่สามารถปล่อยผ่านความผิดพลาดนี้ให้จบลงได้ง่าย ๆ เขากลายเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ในรัศมี 12 ไมล์ในเขตยกเว้นพิเศษในจังหวัดฟูกูชิมะ
ชายในเมืองร้างถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาพาไปตรวจร่างกาย ฉายรังสี และพบว่าร่างกายของเขาได้รับรังสีปริมาณมากกว่าคนปกติถึง 17 เท่า เมื่อไล่ถามว่าแต่ละวันทำอะไร จับอะไร หรือกินอะไรระหว่างอยู่ในเมืองเพียงคนเดียว ก็ได้คำตอบว่ามัตสึมูระเก็บผักจากสวน ตกปลาที่ปนเปื้อนมากินอยู่หลายมื้อ ดื่มน้ำที่มีกัมมันตรังสีปนเปื้อน และไม่แคร์เรื่องสุขภาพของตัวเองหรือการถูกสื่อเรียกว่า ‘ชายที่ปนเปื้อนอย่างสมบูรณ์แบบ’ ไปเสียแล้ว
เรื่องราวของเขาถูกเล่าไปทั่วโลก มีสื่อต่างประเทศหลายเจ้ายอมดั้นด้นเดินทางมาญี่ปุ่น เพื่อสัมภาษณ์มัตสึมูระ เขายอมรับอย่างใจจริงว่าการระเบิดครั้งแรก เขาคว้าทุกอย่างที่คว้าได้ และรีบพาครอบครัวหนีให้ไกลที่สุด
“ผมไม่ได้มีความตั้งใจจะอยู่ต่อตั้งแต่แรก ช่วงเวลาที่ตัดสินใจกลับมาคือช่วงเวลาที่ยากที่สุด แต่เมื่อคิดว่ามีสัตว์หลายตัวรอการช่วยเหลือ สุดท้ายก็เลือกได้ว่าต้องกลับมา”
อาจเรียกได้ว่าการตัดสินใจครั้งนั้นของมัตสึมูระสามารถช่วยชีวิตสัตว์ในละแวกได้จำนวนมาก การที่เขากลับมาก่อนทำให้ตัวเองได้เห็นภาพสัตว์เลี้ยงจำนวนมากที่ยังรอคอยเจ้าของกลับมา ส่วนทางด้านประชาชนที่อพยพออกไปพร้อมเขาก็คิดเหมือนกันว่าไม่นานเดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้ว ทว่าเรื่องของกัมมันตภาพรังสีไม่เคยจบในเวลาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์
หลายครั้งหลายหนคนของรัฐบาลพยายามเจรจาให้ออกจากเมืองผี แต่เขายังคงปฏิเสธหนักแน่นทุกครั้ง เขาชอบความรู้สึกเวลาขับรถกระบะแล้วสัตว์ต่าง ๆ ที่เขาเลี้ยงไว้ได้ยินเสียงแล้วกรูกันมารอ เพราะรู้ว่าเขาจะให้อาหาร เขาเห็นภาพของความหวัง การกระเสือกกระสนต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อให้มีชีวิตในวันต่อ ๆ ไป ส่วนตัวเขาก็จะขอตาย ณ บ้านเกิดที่เขารัก