World

NIHON STORIES: “SHIBA INU” ตัวแทนแห่งสัตว์ที่อยู่เคียงคู่กับวัฒนธรรมญี่ปุ่น

By: TOIISAN December 29, 2020

เมื่อเอ่ยถึง ‘ญี่ปุ่น’ สิ่งที่เรานึกถึงอันดับแรก ๆ คืออะไร ? หากเป็นสุภาพบุรุษสายซิ่งอาจนึกถึงรถยนต์ตระกูล Skyline GT-R ของนิสสัน หากเป็นหนุ่มสายประวัติศาสตร์เท่ ๆ อาจนึกถึงซามูไรผู้ห้าวหาญ หรือเป็นผู้ชายสายมังงะอาจจะนึกถึงการ์ตูนเรื่องโปรดของตัวเอง

แต่ถ้าเป็นบุรุษรักสัตว์พวกเขาจะนึกถึง ‘ชิบะ อินุ’ เป็นอย่างแรก

UNLOCKMEN จะพาหนุ่ม ๆ ทุกสายทุกสไตล์ไปทำความรู้จักกับ ชิบะ อินุ (Shiba Inu) หรือ หมาชิบะ อันโด่งดังของญี่ปุ่น กับเรื่องราวความเป็นมาที่ต้องฝ่าฟันจากยุคมหาสงครามเอเชียบูรพา การผลักดันให้สุนัขสี่ขาตัวกำลังดีเป็นที่รู้จักในฐานะสัตว์ประจำประเทศของญี่ปุ่น ว่าพวกเขาต่างก็มีเรื่องราวการเดินทางที่เต็มไปด้วยสีสันไม่แพ้ใคร

 

 

ชิบะ อินุ ที่มีนิสัยรักสะอาด รักอิสระ แถมยังดูแลง่ายกว่าที่หลายคนคิด ถือเป็นสุนัขสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เกาะที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะแห่งนี้ไม่ได้มีสุนัขแค่ชิบะเท่านั้น แต่ยังมีอีก 5 สายพันธุ์ที่ถูกนับว่าเป็นสัตว์ท้องถิ่น ทั้ง อากิตะ อินุ (Akita Inu) ชิโกกุ (Shikoku) ฮอกไกโด (Hokkaido) คิชชู เคน (Kishu Ken) และ ไคเคน (Kai Ken) โดยชิบะคือสุนัขญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด

 

 

สุนัขที่จะเรียกว่าตัวใหญ่ก็ไม่ได้ ตัวเล็กก็ไม่เชิง มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจ ย้อนกลับไปราว 300 ปีก่อนคริสตกาล ชิบะ อินุ เป็นสัตว์เลี้ยงของชาวพื้นเมืองบนเกาะญี่ปุ่นที่จะทำหน้าที่ล่าสัตว์ขนาดเล็กจำพวก กระต่าย กระรอก ไก่ หนู หรือแม้กระทั่งจิ้งจอก ด้วยลักษณะทางกายภาพที่ค่อนข้างขนหนา หางม้วนโดดเด่น ประกอบกับความว่องไวในการเคลื่อนไหว ทำให้พวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยงที่ทำหน้าที่ล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการกระโจนเข้าไปตามพุ่มไม้หนาทึบ โดยนักประวัติศาสตร์รวมถึงนักวิชาการคาดคะเนว่าพวกเขาคือสุนัขที่เก่าแก่ที่สุด และอาจอยู่บนเกาะญี่ปุ่นมานานถึง 2,300-10,000 ปีเลยทีเดียว

มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกการมีอยู่ของชิบะ อินุ หลายยุคสมัย บ้างก็เป็นภาพวาดสมัยโบราณที่มีสุนัขขนาดกลางอยู่ในชุมชน ส่วนในสมัยคามากูระ (ค.ศ.1190-1603) ช่วงเวลาเริ่มต้นการปกครองแบบศักดินาชัดเจน และซามูไรถูกจัดลำดับชั้นในระดับกลางถึงสูง ชิบะ อินุ ถูกซามูไรจำนวนมากใช้ล่าสัตว์ขนาดเล็ก เป็นเพื่อนร่วมเดินทางในหลายครั้ง เนื่องจากซามูไรโดยเฉพาะกลุ่มโรนินมักใช้สัญชาตญาณแสนว่องไวของพวกเขาให้เป็นประโยชน์ ทำให้พวกเขาถูกเลี้ยงไว้อยู่คู่บ้านมาอย่างยาวนาน

แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมสมัยโบราณมาตลอด แต่ชิบะ อินุ ต้องประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในยุคไทโช (ค.ศ.1912-1926) เวลาแห่งการฟื้นฟูประเทศหลังเผชิญกับสงครามโลกครั้งที่ 1 แม้ช่วงดังกล่าวจะโดดเด่นหลายอย่างทั้งการทำให้ข้าวแกงกะหรี่ คาราอาเกะ และทงคัตสึ กลายเป็นอาหารยอดนิยมถึงทุกวันนี้ รวมถึงการรับวัฒนธรรมตะวันตกหลายอย่างทั้งศิลปะ สถาปัตยกรรม และแนวคิดประชาธิปไตยที่เบ่งบานที่สุดยุคหนึ่งของญี่ปุ่น แต่การเลี้ยงชิบะ อินุ กลับเสื่อมความนิยมลงเรื่อย ๆ

การรับแนวคิดจากต่างชาติเข้ามามากขึ้น ทำให้เกิดการขนสุนัขนำเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งให้ ชิบะ อินุ ถูกหลงลืม บางส่วนที่ไม่มีเจ้าของหรือเกิดตามธรรมชาติมักหลบไปอาศัยอยู่บนภูเขาห่างไกล ซ้ำหนักยังเกิดการนำสุนัขต่างชาติมาผสมพันธุ์กับชิบะ ทำให้หลังจากยุคไทโช ญี่ปุ่นแทบไม่มีชิบะ อินุ เลือดบริสุทธิ์ที่สืบทอดประวัติศาสตร์อันยาวนานเหลืออยู่เลย นักวิชาการหลายคนเริ่มเกิดความคิดที่จะดำรงรักษาสุนัขที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของพวกเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญพันธุ์ และป้องกันการผสมจนเป็นพันธุ์ทางหาที่มาไม่ได้

วิกฤตการณ์สืบทอดตระกูลของชิบะ อินุ ยังต้องผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงไม่นาน โลกเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ซ้ำยังทวีความร้ายกาจและความสูญเสียมากเท่าทวีคูณ การส่งทหารไปสู้รบในหลายพื้นที่ กอปรกับถูกระเบิดนิวเคลียร์ของฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งลงแผ่นดินถึงสองลูก นอกจากจะสูญเสียชีวิตชาวญี่ปุ่นรวมแล้วมากกว่า 3 ล้านคน ชิบะ อินุ ก็เกือบสูญพันธุ์เพราะผลกระทบจากนิวเคลียร์ พวกเขารับสารพิษที่ตกค้างจากน้ำ ดิน และซากสัตว์ ส่วนใหญ่ขาดแคลนอาหารจนอดตาย

มีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าชิบะ อินุ จำนวนมาก เกิดภาวะซึมเศร้าหลังสงครามไม่ต่างจากมนุษย์ รวมถึงการเกิดโรคระบาดใหญ่ในปี 1940 ที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทุกชนิดรวมถึงสุนัขบ้านและสุนัขป่า แต่เวลาเดียวกัน มีชิบะ อินุ บางตัวถูกทหารอเมริกันจากฝั่งสัมพันธมิตรนำกลับไปยังสหรัฐฯ จนได้รับความนิยมในต่างแดน

แม้จะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์หลายครั้ง แต่สัญชาตญาณของสัตว์ทุกชนิดคือการดิ้นรนอยู่รอด รวมถึงมนุษย์ที่พยายามช่วยเหลือเพื่อดำรงรักษาให้ชิบะ อินุ ได้อยู่ต่อ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเขาบางส่วนยังสามารถอยู่ต่อไปได้ด้วยการช่วยเหลือของชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก

ปัจจุบันชิบะ อินุ ทั้งหมดในโลกเป็นลูกหลานจาก 3 สายเลือดที่เหลือรอด คือ ชินชู ชิบะ (Shinshu Shiba) จากจังหวัดนากาโน มิโนะ ชิบะ (Mino Shiba) จากจังหวัดกิฟุ และ ซังอิน ชิบะ (San’in Shiba) จากจังหวัดทตโตริ ที่โดดเด่นด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเพื่อน และมีขนสีดำ สายเลือดทั้งสามจะถูกหน่วยงาน NIPPO หรือ นิฮงเคน (Japanese Nihonken Hozonkai) ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์สุนัขญี่ปุ่น 6 สายพันธุ์ รับผิดชอบเรื่องนี้อย่างดี จนภายหลังเกิดการผสมพันธุ์ชิบะ อินุ ใหม่อีกครั้งด้วยการควบรวมจาก 3 สายเลือดที่หลงเหลือในปี 1920

มาตรฐานของชิบะ อินุ สายพันธุ์ใหม่ ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในปี 1934 และในปี 1936 ชิบะ อินุ ได้รับการยอมรับว่าตามพระราชบัญญัติสมบัติด้านวัฒนธรรมให้เป็นมรดกของประเทศ ยืนยันถึงความสำคัญของพวกเขาที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน

ชิบะ อินุ กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อย่างเหนียวแน่น พวกเขาจะปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์ การ์ตูน บทเพลง ของเล่นจำพวกตุ๊กตาหรือตัวต่อ และเคยถูกอาจารย์ ‘Ponkichi’ นักวาดมังงะชื่อดัง ออกแบบให้ชิบะ อินุ อยู่บนแบงก์พันเยน เพื่อใช้ในธนาคารชิบะแห่งประเทศญี่ปุ่น (เป็นเพียงจินตนาการของผู้วาด ไม่ได้มีธนาคารนี้จริง ๆ แต่อย่างใด)

พอวาดภาพสุนัขออกมาได้น่ารักน่าชังจนเกิดความนิยมจำนวนมาก อาจารย์ Ponkichi ต้องออกแบบแบงก์ห้าร้อยเยนมาเพิ่มเพื่อไม่ให้ผู้ซื้อแบงก์ชิบะพันเยนไปก่อนหน้านี้นำไปขายต่อปั่นราคา ตอนนี้อาจารย์สามารถผลิตสินค้าต่าง ๆ ที่มีลายเส้นของตัวเองเพื่อสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำ และความสำเร็จของเขาแสดงให้เห็นว่าชาวญี่ปุ่นไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ จะชายหรือหญิง จะรวยหรือจน ทุกคนต่างก็มอบความรักให้กับ ชิบะ อินุ กันแบบล้นหลาม

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line