Life

NIHON STORIES: “TAKAHATA ISAO” ผู้กำกับสุดอินดี้ที่สร้างผลงานระดับตำนานกับ ‘สุสานหิ่งห้อย’

By: TOIISAN October 1, 2020

ปัจจุบันหากเราพูดถึง สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) จะไม่ใช่แค่คนยุค 90s ที่รู้จักการ์ตูนจากสตูดิโอนี้อีกต่อไป เพราะสตรีมมิงชื่อดังอย่าง Netflix นำผลงานของสตูดิโอจิบลิเข้ามาในระบบให้คนทุกเพศทุกวัยได้เลือกชมกันตามใจ ซึ่ง UNLOCKMEN เคยเล่าแอนิเมชัน 21 เรื่อง ของจิบลิไว้แล้วใน NIHON STORIES: อมยิ้ม เหงาหว่อง และร้องไห้จนหมดมากกับแอนิเมชันของ STODIO GHIBLI

ทว่ามีการ์ตูนหนึ่งเรื่องของค่ายที่ไม่ได้เข้าฉายแต่กลายเป็นสุดยอดผลงานที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ซึ่งการ์ตูนเรื่องนั้นคือ ‘สุสานหิ่งห้อย’ (Grave of the Fireflies) ของยอดผู้กำกับ ทาคาฮาตะ อิซาโอะ (Takahata Isao)

ทาคาฮาตะ อิซาโอะ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้กำกับที่กำกับการ์ตูนเรื่องสุสานหิ่งห้อยเท่านั้น เขายังกำกับเรื่อง ‘เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่’ (The Tale of Princess Kaguya) ‘ในความทรงจำไม่มีวันจาง’ (Only Yesterday) ‘ยามาดะ ครอบครัวนี้ไม่ธรรมดา’ (My Neighbors the Yamadas) และ ‘ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก’ (Pom Poko)

ทั้งหมดต่างมีเรื่องเล่าสะท้อนสังคมเมืองกับสังคมชนบทที่กินใจ ผลงานของเขาอัดแน่นด้วยประเด็นสังคมที่สะเทือนอารมณ์ เนื้อหาหนัก บ้างก็ส่อเสียด บางเรื่องก็ทำเอาผู้ชายอย่างเราน้ำตาไหลได้ง่าย ๆ และนอกจากการเป็นผู้กำกับ อิซาโอะก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสตูดิโอจิบลิที่ทำให้เรามีโอกาสได้ดูการ์ตูนคุณภาพจนถึงทุกวันนี้

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของ มิยาซากิ ฮายาโอะ (Miyazaki Hayao) ในฐานะผู้สร้างสตูดิโอมากกว่าได้ยินชื่อของอิซาโอะที่เป็นผู้สร้างเหมือนกัน เพราะอิซาโอะมักเก็บตัว ไม่ค่อยออกงานสังคม แถมยังใช้เวลากว่า 33 ปี สร้างสรรค์ผลงานให้กับสตูดิโอจิบลิเพียงแค่ 5 เรื่องเท่านั้น จนมีข่าวออกมาบ่อยครั้งว่าเขาถูกทีมงานและเพื่อนร่วมหุ้นอย่างฮายาโอะตำหนิอยู่บ่อยครั้ง เพราะหนัง 5 เรื่องถือว่าน้อยมาก ๆ กับเวลาหลายสิบปี ทว่าถึงจะน้อยแต่เสียงของคนส่วนใหญ่ก็ยังปกป้องเขา เพราะผลงานที่ออกมาแทบทุกชิ้นถือว่าอยู่ในระดับตำนานที่ไม่ได้เห็นบ่อย ๆ ในวงการแอนิเมชัน

มิยาซากิ ฮายาโอะ และ ทาคาฮาตะ อิซาโอะ สองผู้สร้างสตูดิโอจิบลิ

ก่อนจะก้าวมาเป็นผู้สร้างจิบลิและผู้กำกับผลงานมาสเตอร์พีซหลายเรื่อง อิซาโอะหลงใหลการดูหนังและการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก นับเป็นโชคดีที่เขาสามารถตามหาความฝันของตัวเองเจอได้เร็วจึงมุ่งหน้าสู่ความฝันทันที อิซาโอะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียว จบการศึกษาด้วเอกวรรณคดีฝรั่งเศส ทำงานในบริษัทโทเอ แอนิเมชัน (Toei Animation) ที่สร้างการ์ตูนเก๋า ๆ หลายเรื่องอย่าง อิคคิวซัง โรงเรียนลูกผู้ชาย กัซเบล ดราก้อนบอล ดิจิมอน ฯลฯ ในฐานะผู้ช่วยผู้กำกับ บริษัทโทเอก็ทำให้อิซาโอะได้มีโอกาสรู้จักกับมิยาซากิ ฮายาโอะ เพื่อนร่วมงานที่จะต้องผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันอีกมากในอนาคตอันใกล้

หลังทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับได้พักหนึ่ง ค่ายโทเอเปิดโอกาสให้อิซาโอะได้นั่งแท่นกำกับเป็นครั้งแรกกับเรื่อง Hols: Prince of the sun (1968) ทว่างานแรกของเขาก็เต็มไปด้วยปัญหา อิซาโอะใช้เวลานานมากกว่าจะปั้นให้หนังเสร็จ เขาประณีตเกินไป ใส่ใจรายละเอียดน้อยใหญ่มากเกินไป เวลาทำแอนิเมชันส่วนใหญ่ของผู้กำกับคนอื่น ๆ จะอยู่แค่ 6-9 เดือน แต่การ์ตูนเรื่องดังกล่าวของอิซาโอะกลับใช้เวลากว่า 2 ปี ถึงแล้วเสร็จ ซ้ำยังใช้งบบานปลายเกินกำหนดไว้ พอหนังฉายก็ทำให้นักวิจารณ์เห็นข้อผิดพลาดหลายอย่างเพราะโทเอสั่งตัดงบหนังเขากลางทาง

ความล้มเหลวด้านรายได้ การใช้เวลาทำหนังที่นานกว่าชาวบ้าน งบที่บานปลาย เหตุผลทั้งหมดมีมากพอที่จะทำให้ค่ายโทเอไม่ยอมให้อิซาโอะกำกับหนังอีกเลย (อย่างไรก็ตาม ภายหลัง Hols: Prince of the sun กลายเป็นแอนิเมชันเรื่องดังที่ได้รับการยกย่องจากนักดูหนังชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่อย่างล้นหลาม ถึงขั้นที่บอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ช่วยเปิดประตูสู่อนาคตให้แก่วงการแอนิเมชันญี่ปุ่น)

พอถูกห้าม ชายที่ถูกดูแคลนจากบริษัทที่ตัวเองทำงานด้วยรู้ว่าคงไม่มีโอกาสที่สองให้แก้ตัวจึงตัดสินใจลาออก หันไปทำงานกับค่ายสร้างการ์ตูนหลายค่าย ยอมเปิดใจทำงานกับบริษัทอเมริกันแต่จูนกันไม่ติดและลาออก เขาทำงานหลายที่ เปลี่ยนงานหลายหนเพื่อตามหาที่ที่เหมาะกับตัวเอง ในเวลาเดียวกันทางด้านมิยาซากิ ฮายาโอะ ก็กวาดชื่อเสียงมากับผลงานการกำกับเรื่อง ‘หุบเขาแห่งสายลม’ (Nausicaä of the Valley of the Wind) จึงทำให้เขาวางแผนอย่างสร้างสตูดิโอของตัวเองขึ้นมาแทนการเป็นผู้กำกับให้กับบริษัทใหญ่ และนึกถึงเพื่อนเก่าที่เคยร่วมงานกันอย่างอิซาโอะ จึงชักชวนให้ผู้กำกับสุดอินดี้มาสร้างค่ายหนังร่วมกันในสตูดิโอน้องใหม่ที่ชื่อว่า ‘จิบลิ’

งานเขียนบทและกำกับเรื่องแรกของอิซาโอะภายใต้ชื่อของสตูดิโอจิบลิคือ ‘สุสานหิ่งห้อย’ เล่าถึงชีวิตแสนเศร้าของสองพี่น้องในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ต้องพยายามเอาชีวิตรอดจากความโหดร้ายให้ได้ แม้ตัวละครหลักจะน่ารักชวนให้อมยิ้ม แต่สิ่งที่พวกเขาต้องเจอมันแสนหดหู่จนร้องไห้แบบไม่อายกันหลายนาที บางคนดูจบแล้วรู้สึกสะเทือนใจจนร้องไห้ไม่ออกก็มี ความเศร้ามากล้นทำให้แอนิเมชันเรื่องสุสานหิ่งห้อยติดอันดับหนังเศร้าที่สุดในโลกตลอดกาลอยู่เป็นประจำ ก่อให้เกิดการถกเถียงถึงการกระทำของตัวละครในหลากหลายมิติ

ผลงานแรกของเขากับจิบลิถือว่าอยู่ในเกณฑ์ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย จากนั้นพวกเขาจึงไม่รอช้าต่อยอดความสำเร็จด้วยการให้อิซาโอะสร้างหนังเรื่องที่สองอย่าง ในความทรงจำไม่มีวันจาง เมื่อปี 1991 ที่เล่าเรื่องของทาเอโกะ หญิงสาวมนุษย์เงินเดือนที่เบื่อการทำงานและหันมาพักใจในต่างจังหวัด

ภาพยนตร์แอนิเมชันสองเรื่องแรกของเขามุ่งเน้นไปยังประเด็นสังคมบนภาพของความเป็นจริง เล่าความเศร้าของสงคราม เล่าชีวิตของเหล่ามนุษย์เงินเดือน ความแตกต่างของชีวิตกลางกรุงกับชนบท แต่ผลงานเรื่องที่สามของเขาจะเปลี่ยนจากความเป็นจริงที่เล่าผ่านคนกลายเป็นเรื่องราวเหนือจริงที่เล่าผ่านแก๊งทานูกิในเรื่อง ปอมโปโกะ ทานูกิเปลี่ยนโลก ในปี 1994

แต่ถึงจะเล่าเรื่องผ่านสัตว์ เส้นเรื่องหลักของเขาก็ยังคงอยู่กับสังคมอยู่ดี พร้อมกับกวาดรายได้และเสียงชื่นชมจากผู้ชมอย่างล้นหลาม ทำให้แก๊งทานูกิได้เป็นตัวแทนญี่ปุ่นเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมในปี 2005

ผลงานของอิซาโอะภายใต้ร่มเงาของสตูดิโอจิบลิสร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นอย่างมาก จากแต่ก่อนเป็นที่รู้จักในนามผู้กำกับเรื่องมากที่ใช้งบบานปลาย กลายเป็นผู้กำกับฝีมือดีที่เจาะลึกประเด็นสังคม เสียดสีได้เจ็บแสบผ่านลายเส้นน่ารัก เขากลายเป็นที่ยอมรับในวงการ พิสูจน์ตัวเองจนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชันแนวหน้าของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะได้รับการยกย่องแต่ผลงานเรื่องต่อมาอย่าง ยามาดะ ครอบครัวนี้ไม่ธรรมดา ในปี 1999 อยู่ในระดับน่าผิดหวังในมุมมองของผู้ชม ในแง่รายได้ก็ถือว่าน้อยมากจนถูกเรียกว่าเป็นหนังเจ๊งของจิบลิ

ไม่รู้ว่าความล้มเหลวกับ ยามาดะ ครอบครัวนี้ไม่ธรรมดา ทำให้เขาหมดพลังใจจะกำกับหนังไปเลยหรือไม่ เพราะหลังจากเรื่องนี้อิซาโอะห่างหายจากการทำหนังไปนานถึง 14 ปี แม้จะโดนทางฝั่งผู้บริหารค่ายตำหนิว่าเขาไม่ควรปล่อยเวลาว่างไปนานขนาดนี้ก็ไม่สามารถทำให้อิซาโอะกลับมาทำหนังอีกครั้งได้ สุดท้ายหลังจากหายหน้าไปนานเขากลับมานั่งแท่นกำกับกับเรื่อง เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ ในปี 2013 ขณะที่อายุของเขาปาไปหลัก 80 กว่าแล้ว แต่ผลงานของเขาก็เต็มไปด้วยความละเอียดลออและงดงามมากไม่ต่างจากช่วงแรก

วันที่ 6 เมษายน 2018 ทาคาฮาตะ อิซาโอะ เสียชีวิตอย่างสงบในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ณ กรุงโตเกียว ด้วยวัย 82 ปี โดยเขามีโรคประจำตัวคือมะเร็งปวดและโรคหัวใจ ปิดฉากตำนานนักสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันและผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ ทิ้งไว้แต่ผลงานอันแสนตราตรึงที่จะอยู่ไปตลอดกาล

แม้ตลอดเวลากว่า 30 ปี เขาจะมีผลงานกับสตูดิโอจิบลิเพียงแค่ 5 เรื่องเท่านั้น แต่สุสานหิ่งห้อยของเขาก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้โลกได้รู้จักจิบลิและติดตามที่จะดูว่าผลงานเรื่องถัดมาคืออะไร พร้อมกับสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในโลกแห่งความเป็นจริงที่คงไม่มีใครเกิดมาแล้วประสบความสำเร็จเลย ยอดผู้กำกับสุสานหิ่งห้อยที่โด่งดังก็เคยถูกค่ายหนังชื่อดังกีดกันไม่ให้กำกับหนัง ไม่เปิดให้เขาได้มีโอกาสที่สอง ต้องออกมาเดินตามหาความฝันของตัวเองต่อบนโลกที่กว้างใหญ่และการแข่งขันสูงของวงการกำกับประเทศญี่ปุ่น จนในที่สุดเขาก็สร้างชื่อไว้บนผลงานที่ยอดเยี่ยมได้จริงดั่งที่ตั้งใจไว้

 

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line