World

NIHON STORIES: TAKASHI MURAKAMI เพศผ่านศิลปะของชายที่ถูกเรียกว่าราชาโอตาคุ

By: TOIISAN October 17, 2019

ถ้าเอ่ยถึง ‘มุราคามิ’ ผู้ชายที่ชอบอ่านหนังสือก็จะนึกถึง ฮารุกิ มุราคามิ นักเขียนชื่อดังที่สร้างสรรค์วรรณกรรมที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองจนถูกเรียกว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่าเรื่อง แต่บางคนก็จะนึกถึง ‘ทากาชิ มุราคามิ’ ศิลปินชาวญี่ปุ่นที่เคยเข้ามามีอิทธิพลกับเหล่าวัยรุ่นไทยด้วยการวาดดอกไม้ยิ้มที่คนเรียกกันว่า ‘ดอกมุราคามิ’ ดอกไม้ลายเส้นง่าย ๆ สีสันสดสน ที่กระทั่งวันนี้หลาย ๆ คนก็ยังไม่เข้าใจว่าดอกไม้ที่ว่านั้นมันได้รับความนิยมและมีราคาแพงจากอะไร

แต่ในวันนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึงดอกไม้ของมุราคามิ แต่จะย้อนไปก่อนที่เขาจะโด่งดังจากผลงานอื้อฉาวที่เหล่านักวิจารณ์บางคนต้องเบือนหน้าหนี เพราะผลงานของเขาแม้จะเป็นรูปของตัวการ์ตูนหน้าตาน่ารักแต่มันกลับซ่อนเรื่องราวทางเพศเอาไว้ ความบ้าคลั่งทางจินตนาการที่กลั่นออกมาเป็นผลงานศิลปะทำให้เขาถูกเรียกว่าเป็น ‘ราชาโอตาคุ’ 

 

ผลงานสุดอื้อฉาวที่ทำให้โลกรู้จักชื่อของ TAKASHI MURAKAMI 

หากต้องนิยามถึงอาชีพของทากาชิ มุราคามิ ก็จะพบว่าเขาเป็นชายที่ทำอะไรที่หลายอย่าง เขาเป็นทั้งจิตรกรที่มีผลงานสไตล์ pop art เป็นนักปั้น ภัณฑารักษ์ อาจารย์มหาวิทยาลัย และนักวิจารณ์ โดยใช้แรงบันดาลใจหลักๆ จากความชอบของตัวเองคือมังงะรวมถึงแอนิเมะมาสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง 

เมื่อรู้ดีว่าตัวเองชอบอะไร สิ่งต่อมาที่จะทำให้ผลงานของเขาประสบความสำเร็จคือการจับความชอบมาผสมผสานกับอะไรก็ตามที่โดดเด่นและเป็นตัวของตัวเอง ผลงานของเขาจะต้องบอกเล่าตัวตนและไม่ซ้ำใคร เมื่อคิดได้ดังนั้นมุราคามิจึงนำวัฒนธรรมป๊อปมารวมกับลายเส้นการวาดแบบญี่ปุ่นโบราณ เป็นการผสมผสานที่ศิลปินในช่วงเวลานั้นไม่นิยมจับความใหญ่และเก่ามารวมกันเพราะมองว่าการรวมกันแบบนี้มันดูพิลึกพิลั่นเกินไป แต่มุราคามิกลับมองว่าน่าสนใจ 

นอกจาก pop culture กับลายเส้นแบบญี่ปุ่นโบราณแล้ว มุราคามิยังนำเฮนไต (Hentai) สื่อลามกที่แพร่หลายอยู่ในโลกใต้ดินของประเทศญี่ปุ่นที่ยังเป็นวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่ม และถูกมองว่าเป็นผลงานสำหรับ ‘คนตลาดล่าง’ มาร่วมกับผลงานประติมากรรมจากวัสดุไฟเบอร์ของตัวเองจนได้รูปปั้นตัวการ์ตูนผู้หญิงที่ชื่อว่า Hiropon และรูปปั้นตัวการ์ตูนเพศชาย My Lonesome Cowboy 

หลังจากผลงาน Hiropon และ My Lonesome Cowboy จัดแสดง เสียงวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบก็ตามมาทันที ผู้ชื่นชมศิลปะหลายคนรู้สึกรับไม่ได้กับผลงานทั้งสองชิ้นของเขา เพราะถึงแม้ว่า Hiropon จะเป็นตัวการ์ตูนผู้หญิงผมสีชมพูหน้าตาน่ารัก แต่ก็สวมใส่ชุดบิกินีที่แทบจะปิดหน้าอกหน้าใจขนาดมหึมาได้ไม่มิด และสิ่งที่ทำให้ผู้ได้เห็นรูปปั้น Hiropon ต้องเบือนหน้าหนีที่สุดคือยอดปทุมถันที่มีน้ำนมสีขาวไหลออกมา แถมน้ำนมยังบิดเป็นเกลียวล้อมรอบตัวเด็กผู้หญิงอีก บางคนยังไม่ทันได้วิจารณ์ก็เผลอสบถออกมาก่อนเลยก็มี 

แต่สิ่งที่ไม่น้อยหน้า Hiropon คงเป็นผลงานศิลปะที่เพี้ยนเข้าขั้นของมุราคามิและตั้งอยู่ไม่ห่างกันคือ My Lonesome Cowboy เพราะรูปปั้นชายหนุ่มผมทองหุ่นดีที่มีกล้ามท้อง มือซ้ายของหุ่นกำลังกำองคชาตแข็งตัวที่มีน้ำอสุจิพวยพุ่งออกมายิ่งกว่าน้ำพุ ส่วนมืออีกข้างก็ไม่ว่างเพราะต้องประคองน้ำอสุจิของตัวเองอยู่ ท่าทางคล้ายหนุ่มคาวบอยที่กำลังถือบ่วงบาศในหนังคลาสสิกของอเมริกา แถมคาวบอยเวอร์ชันวิตถารนี้ ระหว่างที่คุณคิดว่าใครมันจะไปซื้อ ก็ถูกประมูลด้วยราคาสูงกว่า 15 ล้านดอลลาร์ หรือราว 457 ล้านบาท ส่งให้เขาติดอันดับศิลปินที่ยังมีชีวิตที่ขายผลงานราคาสูงติดอันดับโลก!

 

 

OTAKU KING

ประติมากรรมไฟเบอร์ทั้งสองชิ้นนี้ สร้างชื่อเสียงและตัวตนให้ทากาชิ มุราคามิ อย่างรวดเร็ว ผู้คนในญี่ปุ่นเริ่มรู้จักชื่อของเขามากขึ้น ที่สำคัญคือไม่ว่ากระแสสังคมจะออกมาในเชิงลบหรือบวก เขาก็ไม่ได้หยุดแค่ 2 ชิ้นนี้ เดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานใหม่ออกมาเรื่อย ๆ จนกลุ่มผู้ชื่นชอบจนเข้าขั้นคลั่งไคล้มังงะและแอนิเมะ ที่หลาย ๆ คนเรียกคนกลุ่มนี้ว่า โอตาคุ ถึงกับยกให้มุราคามิเป็น Otaku King เลยทีเดียว

ผลงานที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความคิดของมุราคามิ รวมกับสไตล์การหยิบจับเรื่องราวเก่า ๆ มาผสมผสานกับวัฒนธรรมป๊อปที่หาตัวจับยากออกมาเป็นผลงานสีสันสดใสที่เด็กเห็นก็จะชอบ ส่วนผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลกมากกว่าก็จะหยุดคิดถึงความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ในรูปภาพ มุราคามิกลายเป็นชายที่สร้างสรรค์ผลงาน สะท้อนศิลปะและวัฒนธรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่น (contemporary art & contemporary culture) และเป็นต้นแบบของศิลปินที่ชื่นชอบงานสไตล์ป๊อปกับคอลลาจ 

ปี 1996 เขาได้ก้าวข้ามค่านิยมของคนญี่ปุ่นอีกครั้งในงานนิทรรศการศิลปะ Konnichiwa, Mr. DOB ตัวการ์ตูนหัวกลมมีหูคล้ายกับมิกกี้เมาส์ โดยมุราคามิให้นิยามเกี่ยวกับ DOB ไว้ว่า

“เป็นตัวการ์ตูนที่คล้ายกับชาวญี่ปุ่น น่ารัก แต่ไม่เข้าใจความหมายของเพศ ไม่เข้าใจชีวิตจริง แถมยังสับสนมึนงงเหมือนกับคนเมาอยู่เสมอ”

แม้ว่าผลงานส่วนใหญ่ของเขาจะสื่อเรื่องเพศชัดเจนจนทำให้คนมองว่ามุราคามิเป็นชายที่หมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องทางเพศและมังงะอย่างเดียว แต่อีกด้านเขาเป็นชายที่สนใจประวัติศาสตร์ตัวฉกาจด้วย มุราคามิชื่นชอบการซ่อนความหมายแฝงอื่น ๆ ไว้ในผลงานของตัวเอง ทั้งปรัชญาที่สะท้อนแนวคิด มุมมองชีวิตเจ็บปวด สอดประสานเข้ากับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเสียดสีสังคมไปพร้อมกันทว่าถ่ายทอดมันอย่างคอนทราสต์ออกมาเป็นภาพวาดสีสันสดใสและลายเส้นน่ารัก ๆ 

ผลงานที่มีชื่อว่า Little Boy บางคนอาจไม่ทันคิดว่าภายใต้ภาพสีสดจะสื่อความหมายถึงเหตุสูญเสียที่คนญี่ปุ่นไม่มีวันลืมอย่างการทิ้งปรมาณู Little boy ลงเมืองฮิโรชิมาช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70,000 คน

นอกจากนี้ภาพดอกไม้ที่ใครหลายคนมองว่าสีสันกับรอยยิ้มของดอกไม้จะเป็นตัวแทนของความสุข แต่แท้จริงแล้วผู้สร้างอย่างมุราคามิได้แรงบันดาลใจจากการทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมากับนางาซากิปี 1945 เหมือนกับผลงาน Little Boy เพราะภายใต้รอยยิ้มมากมายซ่อนน้ำตาและความเจ็บปวดเอาไว้

Flowers and Skulls เต็มไปด้วยหัวกะโหลกจำนวนมากสื่อถึงผลจากสงคราม แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์นั้นจะฝังอยู่ในใจของคนญี่ปุ่นรวมถึงตัวเขาตลอดไป อย่างไรก็ตามแม้จะต้องพบความเจ็บปวด สิ้นหวัง และสูญเสีย ท้ายที่สุดเราต่างต้องยิ้มและสู้ต่อไปตามสไตล์คนญี่ปุ่น 

“พวกเราเป็นชนชาติที่มีประสบการณ์น่าเศร้าจากระเบิดปรมาณูที่ทำให้ทุกอย่างสูญสิ้นในพริบตา แต่อดีตมันเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ดอกไม้ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจะบอกกับพวกเราว่า ถึงคนญี่ปุ่นแพ้ก็ช่างหัวมันเถอะ”

 

SOURCE: 1 / 2 / 3

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line