World

#nnevvy จากกระแสจิ้นลามสู่ดราม่าสงครามชนชาติที่กลายเป็นประเด็นดังชั่วข้ามคืน

By: anonymK April 14, 2020

ตอนนี้มีกระแสหนึ่งในทวิตเตอร์ที่กลายเป็นสงครามวัด EQ ระดับประเทศที่ใคร ต่างก็พูดถึงในโลกโซเชียลอย่าง #nnevvy ที่ทุกสื่อกำลังพูดถึง หรือบางคนอาจจะได้ร่วมแจมกับการติด Hashtag ไปแบบงง โดยไม่ทันรู้ต้นสายปลายเหตุ UNLOCKMEN จึงขอสรุปที่มาที่ไปให้เข้าใจง่าย ๆ 

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ มาจากกระแสความดังของซีรีส์วายไทยที่ชื่อว่า เพราะเราคู่กัน (2gether The Series) ฉายทางช่อง GMM ทุกวันศุกร์ตอนนี้เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนที่ 8 แล้ว โดยเล่าเรื่องราวความรักของคู่ชายชายในมหาวิทยาลัย ซึ่งเริ่มต้นจากการแกล้งเป็นแฟนกันของ 2 ตัวละครเอก ได้แก่ ไทน์ (รับบทโดย เมธวิน) และสารวัตร (รับบทโดยไบรท์ วชิรวิชญ์) จนพัฒนาเป็นความรัก

จากเคมีที่เข้ากัน ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดังในชั่วข้ามคืน และกระแสแรงขึ้นเรื่อย จนนอกจากในประเทศไทยแถบเอเชียก็ถือว่ากวาดแฟนคลับชาติอื่น ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีไปได้เยอะพอสมควร และอะไรก็ตามที่มาจากซีรีส์เรื่องนี้มักจะติดเทรนด์ twiter เสมอ แถมหลายครั้งยังโผล่เป็นเทรนด์ทวิตโลกด้วย

CHECK POINT 1 : RETWEET PHOTOS

เรื่องนี้เริ่มต้นจากการทวีตภาพตึกสูง 4 แห่งจากต่างประเทศของช่างภาพชาวฮ่องกงและเขียน Caption ของไบรท์ ระบุว่า “4 ภาพนี้ถ่ายจาก 4 ประเทศ ฮ่องกงญี่ปุ่นสิงคโปร์ไทย…จนกลายเป็นชนวนข้อพิพาท เพราะแฟนคลับชาวจีนที่อ่อนไหวกับการเรียกฮ่องกงและไต้หวันเป็นประเทศออกมาแสดงความไม่พอใจผ่านทวีตนี้ทันที

จากนั้นก็มีกระแสว่าแฟนคลับชาวจีนจ้องจะแบนนักแสดงหนุ่ม ชาวจีนเริ่มทวีตข้อความและคอมเมนต์กันเพิ่มขึ้นเรื่อย แต่กรณีประเด็นอ่อนไหวเรื่องดินแดน โดยเฉพาะการนับรวมฮ่องกงและไต้หวัน เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ศิลปิน ผู้กำกับ กระทั่งแบรนด์ดัง ล้วนได้รับผลกระทบต่อประเด็นอ่อนไหวนี้เช่นกัน เช่น

  • Versace สกรีนเสื้อยืด เขียนว่าฮ่องกงและมาเก๊าเป็นชื่อประเทศ ทำให้หยาง มี่ นักแสดงสาวชาวจีนซึ่งเป็นทูตของ Versace ประกาศถอนตัว ชาวจีนบอยคอตสินค้า ลงท้าย Versace ต้องประกาศขอโทษและถอดคอลเลกชันนี้ออกจากร้านค้าออนไลน์และทำลายทิ้ง
  • Givenchy อีกค่ายที่สกรีนชื่อ ไต้หวันและฮ่องกงแยกเป็นอิสระจากจีน ลงท้ายต้องขอโทษผ่านช่องทาง Weibo 
  • Gap สกรีนเสื้อยืดภาพแผนที่ประเทศจีนแต่ไม่รวมไต้หวันเป็นหนึ่งในแผนที่ จนต้องออกมาแถลงขอโทษ

กลับมาที่นักแสดงชายไทยของเราได้ออกมาทวีตออกมาขอโทษแฟนคลับชาวจีนเรื่องรายละเอียดอ่อนไหวนี้ และลบภาพดังกล่าวออกจากทวิตเตอร์ส่วนตัว แฟนคลับชาวไทยก็ออกมาให้อภัย แต่ก็เกิดประเด็นอื่นตามติดมาอีก

CHECK POINT 2 : CHINA TAIWAN? #NNEVVY

หลังจากการขอโทษจบลง ประเด็นที่ดูจะซาลงกลับเปลี่ยนไปได้ประเด็นใหม่ เรื่องนักแสดงหนุ่มมีแฟนกลายเป็นประเด็นใหม่ให้แฟนคลับชาวจีนจับจ้อง (เพราะเพิ่งรู้) จนกลายเป็นการติดตามและขุดค้นประวัติของฝ่ายหญิง และในที่สุดกลายเป็นที่มาของ #nnevvy ในโลกออนไลน์

หนึ่งในภาพที่ขุดมากลายเป็นประเด็นดราม่าจากความเข้าใจทางภาษา และการพูดถึงการแบ่งแยกประเทศอีกครั้ง โดยเป็นภาพหนึ่งใน IG ของนิว ที่ไบร์ทชมแฟนสาวว่าสวยจัง เหมือนสาวจีนเลยส่วนนิวก็กลับมาตอบเชิงเขินแซวกันว่ารายอ่ะ แต่ด้วยความต่างทางภาษาทำให้คำนี้ถูกแปลเป็นคำว่า “What” ในภาษาอังกฤษ จนเกิดการตีความว่า นิวไม่ชอบความเป็นจีน

ขณะเดียวกันในภาพเดียวกันเมื่อมีเพื่อนมาคอมเมนต์ว่าแนวไหน เธอตอบกลับไปว่าสาวไต้หวันไงยิ่งกลับไปโยงว่าหญิงสาวกลายเป็นคนไม่น่ารักสำหรับแฟนจีนจน #nnevvy กลายเป็นเรื่องราวระดับชาติทันที

CHECK POINT 3 : WHERE’S CORONA VIRUS FROM?

จากนั้นไฟเริ่มลามทุ่งหนักเพราะแฟนคลับชาวจีนไล่ไปขุดเจอรีทวีตหนึ่งของสาวนิวที่พูดถึงประเด็นเชื้อไวรัสโคโรน่าเริ่มจากแล็บจีน คราวนี้กลายเป็นสงครามความแค้นมาถล่มจนในที่สุดทวิตเตอร์ account ของสาวนิวหายไป (ไม่แน่ใจว่าปิดหรือโดยรีพอร์ต) และแฟนคลับชาวจีนไปถล่ม IG ของไบร์ทในประเด็นนี้เช่นกัน กลายเป็นสงครามน้ำลายระหว่างชาติ

CHECK POINT NOW A DAY
จีนเครียด ไทยตลกเฉย

หลังจากนั้น สงครามเริ่มขยายวง จากไทยจีน คราวนี้พ่วงไต้หวันกับฮ่องกงเข้ามาสมทบอลหม่าน แต่นักทวีตชาวไทยก็เข้าไปตบมุกฮาเฮในนั้น แทนที่จะคลั่งเครียดเรื่องชาตินิยม

นักวิชาการหลายฝ่ายจึงลงความเห็นตรงกันว่าถ้านับแต้มการฟาดฟันแล้วดูเหมือนไทยจะมีแต้มต่อจากสถานการณ์นี้จากภูมิต้านทานที่เหนือกว่า ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพรวมของสังคมจีนที่ผู้คนรับรู้กระบวนการ Rising China แตกต่างกัน บ้างรวมถึงการรับรู้สภาวการณ์ปัจจุบันที่จีนยังคงรับรู้ตามกรอบที่รัฐบาลจีนนำเสนอเพียงอย่างเดียว

นอกจากนี้ ชาวไทยยังดันดราม่านี้ให้กลายเรื่องนี้เป็นโจ๊ก เมื่อจีนพูดถึงความสิ้นหวังของประเทศ ที่สำคัญยังชอบที่คนอื่นเข้ามาวิพากษ์เรื่องนี้อย่างสนุกสนาน

อย่างไรก็ตามตอนนี้ ดราม่าที่ลุกลาม เพราะตอนนี้ประเด็นดราม่าเข้าขั้นออกทะเลไปไกล และยังไม่มีแววว่าจะจบตอนไหน เพราะปัจจุบันก็ยังติด #hashtag 10 อันดับยอดนิยม ในทวิตเตอร์กันอยู่ ใครที่อยากติดตามหรือมีส่วนร่วมจะได้รับรู้สถานการณ์ก่อนตัดสินใจ

นอกเหนือจากเรื่องความเปราะบางด้านเชื้อชาติในโซเชียลแล้ว อีกประเด็นในโซเชียลอย่างดารารีวิวร้านอาหารฟรี มีอาหารเต็มโต๊ะ ก็เป็นอีกเรื่องที่เป็นเหรียญ 2 ด้าน เพราะช่วยฝั่งหนึ่งก็กระทบกับอีกมุมมองอีกฝั่งเรื่องความสุขสบายและฐานะ ดังนั้น ช่วงนี้ที่การสื่อสารละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ ทุกคนที่ต้องย้ายมาอยู่ในโซเชียลก็อย่าลืมระมัดระวังกันด้วย

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line